แน่นอนว่า ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกิดการซื้อขายกันอย่างมากมาย บ่อยครั้งก็ส่งผลดีต่อทีม และมากครั้งก็ส่งผลเสียต่อทีม โดยเฉพาะการรีบซื้อในวันเดด ไลน์ หรือวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะ ทั้งในช่วงซัมเมอร์ และหน้าหนาว

ช่วงนี้ เราย้อนกลับไปดูกันหน่อยว่า "10 การซื้อตัวที่ผิดพลาด" ในวันเดดไลน์ ของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะมีใครกันบ้าง ? โดยเกิดจากการรวบรวม และคัดเลือกโดยสื่อฟุตบอลชื่อดังของต่างประเทศอย่าง "โฟร์ โฟร์ ทู"

เอริค เฌมบ้า เฌมบ้า (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปแอสตัน วิลล่า ปี 2005, 1.5 ล้านปอนด์)

หลายคนบอกว่า นี่ถือเป็นหนึ่งในการซื้อตัวที่ผิดพลาดของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือ "ปีศาจแดง" โดยมีโอกาสลงเล่นในพรีเมียร์ลีก เพียงแค่ 20 เกมเท่านั้น ตลอดระยะเวลา 18 เดือนกับทีม อย่างไรก็ตาม แอสตัน วิลล่า เสี่ยงซื้อเจ้าตัวไปในวันเดด ไลน์ ของตลาดหน้าหนาว โดยผลงานกับวิลล่า คือลงเล่นแค่ 11 เกม ก่อนจะถูกปล่อยยืม และขายขาดในเวลาต่อมา

เบนนี่ แม็คคาธี่ย์ (แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ไปเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ปี 2010, ค่าตัวไม่เปิดเผย)

ตลอดการลงเล่นกับพลพรรค "กุหลาบไฟ" 140 เกม เจ้าตัวยิงไป 52 ประตู แถมยังมีดีกรีเป็นถึงแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับเอฟซี ปอร์โต้ ดังนั้น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด จึงรีบคว้าตัวมาครอง ในวันเดด ไลน์ ของตลาดหน้าหนาวช่วงปี 2010 อย่างไรก็ตาม ตลอด 13 เกมกับต้นสังกัดใหม่ เขายิงประตูไม่ได้เลย แถมได้รับบาดเจ็บบ่อยครั้ง กระทั่งถูกยกเลิกสัญญาไป

อังเดร ซานโตส (เฟเนร์บาห์เช่ ไปอาร์เซน่อล ปี 2011, 6.2 ล้านปอนด์ 1.5 ล้านปอนด์)

อาร์แซน เวนเกอร์ หวังว่าแบ็คซ้ายรายนี้ จะเข้ามาเป็นความหวังใหม่ของทีม จึงทุ่มเงินซื้อมาในวันเดด ไลน์ ช่วงซัมเมอร์ปี 2011 แต่ตลอด 18 เดือนกับ "เดอะ กันเนอร์ส" เขาลงเล่นในลีกไปแค่ 23 เกมเท่านั้น แถมยังเคยมีประเด็นถูกโจมตี ที่พยายามแลกเสื้อกับโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ที่ย้ายไปเล่นกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากนั้น เขาถูกปล่อยตัวกลับไปยังบ้านเกิดที่บราซิล 

พอล คอนเชสกี้ (ฟูแล่ม ไปลิเวอร์พูล ปี 2010, 3 ล้านปอนด์)

เขาย้ายมาเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ ในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายในช่วงซัมเมอร์ ถือว่าเป็นการซื้อตัวที่ย่ำแย่ของกุนซืออย่าง "รอย ฮ็อดจ์สัน" เลยทีเดียว (รวมถึงการซื้อคริสเตียน โพลเซ่น, แดนนี่ วิลสัน และมิลาน โยวาโนวิช) คอนเชสกี้ ลงสนามไปรวม 18 เกม ในรอบ 4 เดือน ก่อนถูกปล่อยให้กับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ทำการยืมตัว และขายขาดในเวลาต่อมา 

ซิสโก้ (ลา กอรุนญ่า ไปนิวคาสเซิ่ล ปี 2008, 5.7 ล้านปอนด์)

หลังจากโชว์ฟอร์มอย่างยอดเยี่ยมในลาลีกา และก้าวไปติดทีมชาติสเปน รุ่นยู-21 พลพรรค "สาลิกาดง" เลยนำตัวมาร่วมทีม ทว่าเขาไม่สามารถปรับตัวกับฟุตบอลอังกฤษ พร้อมกับมีโอกาสลงสนามน้อยมาก จนถูกส่งตัวกลับไปให้ราซิ่ง ซานตาแดร์ กับลา กอรุนญ่า สลับกันยืมตัว ก่อนจะย้ายทีมออกไป โดยรวมแล้วเขาลงเล่นให้ทีมดังจากแถบอีสาน 9 เกม และยิงแค่ 1 ประตู

อัลฟอนโซ่ อัลเวส (ฮีเรนวีน ไปมิดเดิ้ลสโบรช์ ปี 2008, 10 ล้านปอนด์)

หลังจากดิ้นรนหนีการตกชั้นในปี 2007-08 มิดเดิ้ลสโบรช์ เลยดึงกองหน้าที่มีสถิติการยิงประตูที่ยอดเยี่ยมรายนี้เข้ามาร่วมทีม ในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายเดือนมกราคม จากนั้น ก็ปรับตัวกับลีกแดนผู้ดีไม่ค่อยไหว ฤดูกาลถัดไป เขายิงในพรีเมียร์ลีกแค่ 4 ประตู จากการลงสนาม 31 เกม จนทีมต้องตัดใจขายให้กับทีมในตะวันออกกลาง

ราดาเมล ฟัลเกา (โมนาโก ไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 2014, 6 ล้านปอนด์)

สามารถยิงประตูอย่างถล่มทลาย ทั้งกับเอฟซี ปอร์โต้ กับแอตเลติโก้ มาดริด ทว่าการย้ายมาเล่นใน “โรงละครแห่งความฝัน” แบบยืมตัว ในวันสุดท้ายของตลาดซัมเมอร์ พร้อมกับอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่า ส่งผลให้เป็นการลดทอนศักยภาพของเขาไปพอสมควร จากผลงานในลีกที่ยิง 4 ประตู จากการลงเล่น 26 เกม ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจไม่ใช้งานต่อ 

คริส แซมบ้า (อันชิ ไปคิวพีอาร์ ปี 2013, 12.5 ล้านปอนด์)

ย้ายจากลีกรัสเซีย กลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีก กับคิวพีอาร์ ในวันเดด ไลน์ ของตลาดหน้าหนาว นอกจากการย้ายตัวที่แสนจะแพงแล้ว เขายังได้รับค่าเหนื่อยหลักแสนปอนด์ต่อสัปดาห์อีกด้วย แต่กลับไม่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับทีมได้ จากการลงสนามในลีก 10 เกม จนคิวพีอาร์ ตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก ในฐานะบ๊วย แน่นอนว่า แซมบ้า ถูกเลหลังกลับไปยังอันชิ อีกครั้ง

แอนดี้ แคร์โรว์ (นิวคาสเซิ่ล ไปลิเวอร์พูล ปี 2011, 35 ล้านปอนด์)

ถูกซื้อมาในวันสุดทัายของตลาดหน้าหนาว ด้วยค่าตัวแบบมหาศาล เพื่อนำมาเป็นตัวตายตัวแทนของเฟร์นานโด ตอร์เรส ที่ย้ายออกไปในช่วงเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ชีวิต 2 ฤดูกาลเศษในสีเสื้อของ "หงส์แดง" เขายิงเพียง 11 ประตู จากการลงสนาม 58 เกมรวมทุกรายการ ก่อนจะถูกปล่อยยืม และขายขาดให้กับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวที่ขาดทุนแบบครึ่งต่อครึ่งจากวันที่ซื้อมาเลยทีเดียว  

เฟร์นานโด ตอร์เรส (ลิเวอร์พูล ไปเชลซี ปี 2011, 51.5 ล้านปอนด์)

จากอาการบาดเจ็บ บวกกับความมั่นใจที่หายไป ตอร์เรส ที่ย้ายมาในวันเดด ไลน์ ของตลาดเดือนมกราคม ต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในถิ่น "สแตมฟอร์ด บริดจ์" เขาประเดิมเกมแรกด้วยการพ่ายต้นสังกัดเก่าอย่างลิเวอร์พูล 0-1 หลังจากนั้น เขาต้องรอคอยถึง 903 นาที กว่าจะยิงประตูแรกกับเชลซี ผลงานโดยรวมของเขาคือการยิง 45 ประตู จากทั้งหมด 172 เกม ก่อนถูกปล่อยให้กับแอตเลติดโก้ มาดริด แบบถาวร แต่หนึ่งสิ่งที่ตอร์เรส ยังพอชื่นใจได้บ้าง นั่นคือการคว้าแชมป์รายการสำคัญกับเชลซี ทั้งเอฟเอ คัพ, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และยูโรป้า ลีก