:::     :::

หม้อข้าวไม่ทันดำ

วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 คอลัมน์ โรงเตี๊ยมลูกหนัง โดย ทอมมี่ ท่ามะกา
2,248
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สถานการณ์ระหว่าง อาร่อน แรมซี่ย์ กับ ยูเวนตุส ในตอนนี้ถูกโยงเข้ากับสำนวนไทยที่ว่า "หม้อข้าวไม่ทันดำ" ที่สำนวนเต็มๆ คือ "ก้นหม้อข้าวไม่ทันดำ"

ความหมายสำนวนนี้ หมายถึงคนที่เพิ่งแต่งงาน ใช้ชีวิตอยู่ร่วมด้วยกันได้ไม่นาน  แต่มีเหตุให้ต้องเลิกรากันไป เปรียบกับหม้อข้าวที่คนสมัยโบราณใช้หุงข้าวเป็นประจำแต่ก็ต้องเลิกกันตั้งแต่ก้นหม้อยังไม่ทันดำจากควันฟืน

แรมซี่ย์ เพิ่งย้ายไปร่วมทีม ยูเวนตุส แบบไร้ค่าตัวในซัมเมอร์ปีที่แล้วหลังหมดสัญญากับ อาร์เซน่อล และสิ้นสุดช่วงเวลาที่้ค้าแข้งให้ทีมปืนใหญ่ยาวนาน 11 ปี

ทว่าผ่านไปเพียง 8 เดือนกลับมีข่าวจากอิตาลีรายงานว่า ยูเวนตุส พร้อมปล่อยกองกลางทีมชาติเวลส์ออกจากทีมในซัมเมอร์นี้

เหตุผลตามข่าวที่เกิดขึ้นคือ ยูเวนตุส เริ่มไม่แน่ใจสภาพร่างกายของ แรมซี่ย์ ที่บาดเจ็บบ่อยครั้งจนทำให้ไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งต่อเนื่องได้ อีกทั้งรับค่าเหนื่อยก้อนโตสัปดาห์ละ 400,000 ปอนด์

ยูเวนตุส เซ็นสัญญากับ แรมซี่ย์ แบบฟรีๆ ก็จริง แต่ก็เสียค่าใช้จ่ายก้อนโตทีเดียวทั้งค่าเหนื่อยมหาศาลและค่าเซ็นสัญญาอีกราว 8 ล้านปอนด์ 


ทว่ากลับไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ นับจนถึงตอนนี้ แรมซี่ย์ ได้ลงตัวจริงในลีกให้ทัพม้าลายเพียง 6 นักจากทั้งหมด 23 นัด

แรมซี่ย์ มีอาการบาดเจ็บตั้งแต่ตอนเล่นให้ อาร์เซน่อล ที่ลงสนามเกมพบ นาโปลี ในโรปา ลีก แล้วเจ็บยาวจนกระทั่งเซ็นสัญญากับ ยูเวนตุส และใช้เวลาช่วงแรกในการเรียกความฟิตก่อนลงสนามได้ รวมแล้วหายหน้าไปนาน 5 เดือนเต็ม

ระหว่างหายเจ็บกลับมาจนถึงล่าสุด แรมซี่ย์ บาดเจ็บอีก 4 ครั้ง ทำให้การลงเล่นขาดความต่อเนื่องและไม่สามารถเป็นตัวหลักได้อย่างที่ เมาริซิโอ ซาร์รี่ คาดหวัง

ทั้งหมดทั้งมวลจึงนำมาซึ่งข่าว ยูเวนตส กับ แรมซี่ย์ อาจต้องแยกทางกันตั้งแต่หม้อข้าวยังไม่ทันดำเพราะร่วมงานไม่ถึงหนึ่งปี 

เมื่อมีข่าวนี้เกิดขึ้น ทางฝั่งอาร์เซน่อลจึงมีประเด็นในหมู่แฟนบอลทันทีว่า ต้องการดึง แรมซี่ย์ กลับมาร่วมทีมหรือไม่? 

เสียงของแฟนบอลแตกเป็นสองส่วนชัดเจนทั้งที่ "ต้องการ" ให้กลับมาร่วมทีมและ "ไม่ต้องการ" 

เหตุผลของคนที่อยากเห็นการรีเทิร์นของดาวเตะหน้าหล่อก็พอฟังเข้าใจได้เพราะ แรมซี่ย์ คือหัวใจสำคัญของทีมเกินสิบปี มีความเป็นอาร์เซน่อลมากกว่าทุกคนในทีมปัจจุบัน 

อีกทั้งอายุ 29 ปีก็ยังไม่แก่เกินแกง ตอนที่เจ้าตัวย้ายออกไป ผู้เล่นตำแหน่ง "บ็อกซ์ทูบ็อกซ์" ก็เหมือนส่วนที่ขาดหายไปของทีม ไม่มีใครทดแทนได้ไม่ว่าจะเป็นการดึง ดานี่ เซบายอส เข้ามา หรือพยายามปลุกปั้น โจ วิลล็อค 

ความสารพัดประโยชน์ที่เล่นแทนตำแหน่งจอมทัพของ เมซุต โอซิล ได้ด้วยคือข้อดีที่ทำให้แฟนปืนใหญ่หลายคนยังคงคิด แรมซี่ย์ 


นอกจากนี้ หลายคนยังคาใจกับการแยกทางกันเมื่อซัมเมอร์ที่แล้วเพราะเชื่อว่าหาก อาร์เซน่อล จัดการคุยสัญญาใหม่แต่เนิ่นๆ แสดงความจริงใจที่มากพอ แรมซี่ย์ ก็น่าจะต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีม 

การต่อสัญญาก็หมายความว่าเมื่อถึงเวลาต้องย้ายจริงๆ อาร์เซน่อล ก็ยังพอจะเรียกค่าตัวได้ ไม่ใช่ปล่อยให้สัญญาเดิมสิ้นสุดและไม่ได้เงินแม้แต่เพนนีเดียวกับนักเตะระดับนี้ หลายคนจึงไม่พอใจการบริหารจัดการสัญญานักเตะของบอร์ดสโมสร

ส่วนกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยในการคัมแบ็กเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ของ อาร่อน แรมซี่ย์ ก็มีเหตุผลหลากหลายเช่นกัน

แรมซี่ย์ รับค่าเหนื่อบกับ ยูเวนตุส มหาศาลมากซึ่งเป็นตัวเลขที่ อาร์เซน่อล ไม่สามารถจ่ายได้แน่นอน ต่อให้ลดมาครึ่งหนึ่งเหลือ 200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ก็ยังเป็นสิ่งที่สโมสรต้องคิดหนักอยู่ดี

ถ้ายูเวนตุสยอมปล่อยออกจากทีมในซัมเมอร์นี้จริงก็คงเรียกค่าตัวพอสมควร อาจอยู่ที่ราว 30 ล้านปอนด์เนื่องด้วยมีสัญญายาวจนถึงปี 2023 

ค่าตัวและค่าเหนื่อยรวมกันขนาดนี้คือเงินก้อนโตมากทีเดียวสำหรับทีมอย่าง อาร์เซน่อล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่ได้ตั๋วลุยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า

ในแง่ของฟุตบอล การวนกลับมาร่วมทีมนักเตะเก่าอีกรอบคือสิ่งที่มองได้ว่า "ไม่ก้าวไปข้างหน้า" อย่างที่ควรจะเป็นซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ของทีมปัจจุบันที่กำลังเริ่มนับหนึ่งใหม่ในยุคของ มิเกล อาร์เตต้า

มิเกล อาร์เตต้า เคยเป็นเพื่อนร่วมทีมของ แรมซี่ย์ ตลอด 5 ปีที่อยู่กับทีม รู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี แต่แนวทางการทำทีมของกุนซือหนุ่มก็เน้นไปที่สายเลือดใหม่มากกว่า

ที่สำคัญคือ สภาพร่างกายของ แรมซี่ย์ ที่อาจกลายเป็นปัญหาในเดียวกับที่ ยูเวนตุส กำลังเผชิญ แถมการกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกที่เน้นการปะทะก็ยิ่งเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้มากกว่าในเซเรีย อา 


ดังนั้นการกลับมาร่วมทีมอาร์เซน่อลของ แรมซี่ย์ จึงดูไม่เข้าท่ามากนัก และอาร์เซน่อลก็ควรเดินหน้ากับผู้เล่นชุดปัจจุบันและผู้เล่นใหม่คนอื่นดีกว่า

นี่คือ 2 มุมที่ต่างมีเหตุผลของตัวเอง

แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ขึ้นอยู่กับ ยูเวนตุส ว่าต้องการแยกทางกับ แรมซี่ย์ จริงๆ อย่างที่เป็นข่าวหรือไม่ เช่นเดียวกับตัวของ แรมซี่ย์ ว่าจะเอายังไงกับอนาคตัวเอง

ถ้าม้าลายยังมองว่าแรมซี่ย์ "คุ้มค่า" กับการอยู่ต่อ และแข้งทีมชาติเวลส์ก็พร้อมกัดฟันสู้พิสูจน์ตัวเอง อาร์เซน่อล ก็ไม่ควรไปเสียเวลาหรือพยายามอะไรก็ตามที่เกินกำลัง

เว้นแต่ว่าดีลนี้เป็นการย้ายมาแบบ "ยืมตัว" และ แรมซี่ย์ ยอมลดค่าเหนื่อยให้อยู่ในระดับที่อาร์เซน่อลจ่ายได้ที่ตัวเลขราว 150,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

มองจากตรงนี้ก็แทบเป็นไปไม่ได้อยู่ดี! 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด