:::     :::

เจมส์เรืองศักดิ์ไม่อาจเปลี่ยนใจ แต่ปอลป็อกบา"อาจเปลี่ยนใจ"

วันอังคารที่ 14 เมษายน 2563 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
3,389
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลักฐานยืนยันความเข้าใจผิดๆของแฟนผีบางส่วนที่มักอ้างว่า ป็อกบาไม่เคยพูดว่าอยากย้าย และเรื่องราวที่คุณควรรู้เพื่อจะได้เข้าใจเขามากขึ้น และเลือกที่จะตัดสินใจเชียร์ต่อไปหรือไม่

นี่คือเรื่องราวอีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจสำหรับแฟนผีช่วงนี้ เป็นบทสัมภาษณ์ของคอลัม UTD Podcast กับทาง Paul Pogba ที่พูดคุยกันที่AON Training Complex ก่อนช่วงโควิดประมาณเดือนนึง และก็เผยแพร่ทางเว็บ official ของสโมสรนี่แหละ ซึ่งบทสัมภาษณ์พวกนี้จะค่อนข้างละเอียดยิบและตรงความเป็นจริงพอควรเพราะออกมาจากปากของตัวนักเตะเองเลย และหลายๆครั้งก็ไม่มีใครในบ้านเราได้อ่านเพราะไม่มีสื่อเจ้าไหนเอามานั่งแปล นั่งทำเป็นarticleให้ได้อ่านกัน เพราะมันยาวและละเอียดมาก

ผมก็เลือกเอาหลายๆประเด็นจากหลายๆเว็บสลับๆกันมาแปลเรียบเรียงและเขียนเพิ่มเติมให้สลับๆกันไปให้ผู้อ่านได้อ่านกัน ทั้งแบบบทความแปล บทความวิเคราะห์จากผมเอง แล้วแต่หัวข้อ ซึ่งถ้าอันไหนมันเป็นคำพูดของนักเตะเองเลย ผู้เขียนก็จะไม่แต่งเสริมอะไรเข้าไปทั้งนั้นแม้กระทั่งการใส่สีสันให้มันอ่านสนุก ผมก็จะไม่ทำ

ผู้อ่านน่าจะคุ้นเคยกับภาษาการเขียนของผมดี เวลาอ่านคงจะดูออกว่า อันไหนเป็นแบบแปล อันไหนเป็นแบบร่ายยาว แต่ครั้งนี้คือถอดบทสัมภาษณ์จากปากของเจ้าตัวอีกครั้ง หลายคนคงจะได้เห็นข่าวคร่าวๆกันมาบ้างจากเว็บต่างๆ และนี่คือแบบเต็ม

ป็อกบาย้ายออกจากแมนยูไนเต็ดในปี2012เพราะไม่ได้ต่อสัญญา และย้ายไปอยู่กับยักษ์ใหญ่อย่างยูเวนตุสแบบไม่มีค่าตัวอย่างที่เราทราบกัน ประเด็นพูดคุยวันนี้ก็เป็นหัวข้อเรื่องราวของป็อกเรื่องที่เขาไปจากเซอร์อเล็กซ์ในปีนั้น และการกลับมาเพื่อสานต่อภารกิจเดิมที่เคยค้างคาเอาไว้ให้เสร็จเรียบร้อย นับตั้งแต่การมาจากเลออาร์ฟสมัยเยาวชน และมาซึมซับวัฒนธรรมของยูไนเต็ดตั้งแต่อายุ16ปี ดีเทลการพูดคุยแบบละเอียดทั้งหมดกับUTD Podcastมีประมาณดังต่อไปนี้


ป็อกบาเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวที่เขาได้เรียนรู้อะไรต่างๆมากมาย จากการฝึกซ้อมและเล่นร่วมกับ "เทพเจ้าแห่งการผ่านบอล" ทั้งคู่อย่าง Paul Scholes กับ Andrea Pirlo ซึ่งเป็นสองคนจากบรรดามิดฟิลด์ต้นแบบที่มีลีลาการเล่นที่สวยงาม ซึ่งป็อกบาก็เล่าเอาไว้ว่า เขาเพียงทำได้แค่ดูและเรียนรู้จากสองยอดกองกลางคู่นี้เท่านั้น

ป็อกบาถูกเปลี่ยนลงไปแทนฮาเวียร์ เฮอร์นันเดซในเกมเดบิวต์พรีเมียร์ลีกในการเจอกับStoke Cityในปี 2012 ได้เล่นอยู่ในสนามไป17นาทียืนเคียงข้างกับพอลสโคลส์ด้วย และได้ลงสนามเป็นที่จับตามองในฐานะดาวเด่นเด็กปั้นอีกครั้งในนัดถัดไปกับเวสต์บรอมวิช แต่สโคลส์กับป็อกบาก็ได้ลงพร้อมกันอีกครั้งในเกมเอาชนะวูล์ฟไป5-0 แต่ดาวเตะก็ได้ลงในนาที57 ซึ่งจะเห็นได้ว่า ทั้งสองคนนี้มีโอกาสได้ลงเล่นด้วยกันน้อยมากๆ (แถมเกมเทสติโมเนียลแมตช์ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ป็อกบาก็ต้องเปลี่ยนลงไปแทนสโคลส์ ไม่ได้เล่นพร้อมกันอีก)

แต่เขาก็ได้อะไรจากการซ้อมร่วมกันและการเฝ้ามองดูมิดฟิลด์ตัวเก๋าอัจฉริยะผู้นี้


ในทางตรงกันข้าม เรื่องราวของ ป็อกบากับปีร์โล่นั้นช่างต่างกันราวฟ้ากับเหวเมื่อพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมทีมกันถึง93ครั้งที่ได้เล่นด้วยกัน และชนะไปทั้งหมด 63เกมจากในนั้นที่ยูเวนตุสที่คว้าแชมป์Serie A และก็ได้เข้าไปรอบลึกๆในแชมเปี้ยนส์ลีก

"คุณจะได้เรียนรู้อะไรมากมาย และก็ได้เฝ้าดูพวกเขา ผมได้อะไรๆมาอย่างมากเลย มันน่าเหลือเชื่อมากที่ได้ดูคนพวกนี้ตอนกำลังซ้อมอยู่ มันยิ่งเป็นแรงผลักดันส่งต่อมายังผมด้วย ผมคิดในใจว่า โอเค กูต้องซ้อมให้หนักมากๆ มีอะไรอีกเพียบให้ต้องไปฝึก ปีร์โล่ สโคลส์ พวกเขาทั้งคู่เป็นมิดฟิลด์ที่คอนโทรลเกม เป็นนักเตะที่ใครก็อยากดูเขาเล่น และผมก็เรียนสิ่งต่างๆจากพวกเขาเยอะแยะมาก"


ซึ่งทักษะในการคุมเกมกลางสนามนั้นเป็นสิ่งที่ป็อกบาพยายามพัฒนาตัวเองอยู่ โดยเฉพาะหลังจากที่ตอนเด็กเขาเริ่มต้นขึ้นมาจากการเป็นนักเตะกองหน้าในวัยเยาว์ ป็อกบาชี้ว่าเกมการเล่นของเขาพัฒนาขึ้นมากเพราะว่าเขาจะเรียกบอลมาเล่นเองอยู่เสมอและรังสรรค์การเล่นต่างๆให้เกิดขึ้น

"จริงๆผมเริ่มเล่นเป็นกองหน้ามาก่อนนะตอนเด็กๆ จากนั้นก็มาเล่นตำแหน่งจอมทัพหมายเลข10 แล้วหลังจากนั้นก็เปลี่ยนมาเล่นในตำแหน่งกองกลางเบอร์6"

(กองกลางที่เล่นอยู่หลังตำแหน่งเบอร์10อีกทีนึง และจะไม่ขึ้นสูงไปเหมือนเบอร์8 จะอยู่โยงจากแนวลึกด้านหลัง)

"บุญหัวแค่ไหนแล้วที่ไม่ต้องลงไปเล่นเซ็นเตอร์ อาจเพราะว่าผมชอบเอาบอลมาเล่นเองเยอะเกินไปมั้ง เค้าเลยไม่ให้เล่นเซ็นเตอร์"

"ตอนผมเล่นกองหน้าผมชอบลงต่ำเยอะมาก เยอะเกินไปจนโค้ชบอกว่า โอเค มึงเปลี่ยนมาเล่นหน้าต่ำแบบเบอร์10ไหมจะได้เอาบอลไปเล่นเยอะๆ ซึ่งผมก็ยังหวงบอลและอยากครองบอลกับตัวมากเกินไปอยู่ดีจนสุดท้าย เค้าไล่ผมลงมาเล่นกองกลางเบอร์6นี่แหละ!"


นอกจากนี้ป็อกบายังเผยให้เห็นถึงความสำคัญของครอบครัวที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเขา และยังเปิดเผยด้วยว่า แม่ของเขารู้อยู่ตลอดเวลาว่า เดี๋ยวป็อกบาจะต้องกลับมาที่นี่แน่

"แม่บอกผมอยู่เสมอว่า จะไปอยู่ที่ไหนก็ได้ลูก แล้วเดี๋ยวค่อยกลับมาใหม่ก็ได้ แม่พูดแบบนั้น ส่วนผมก็คิดในใจแบบว่า อืม เดี๋ยวก็รู้ แต่แบบ.. คุณก็รู้ดีว่าแม่ผมเป็นยังไง แม่ก็จะพูดแต่แบบว่า เดี๋ยวลูกก็ได้กลับมาที่นี่ ไม่ต้องกังวลหรอก แล้วพอแม่พูดแบบนั้น หลังจากนั้นผมก็ได้กลับมาที่นี่จริงๆด้วย"

"ตอนที่ได้กลับมา ผมมีความสุขมากจริงๆนะที่กลับมานี่ ผมจากไปแบบค้างคา และกลับมาเพื่อสานต่อสิ่งที่ทำไว้ให้มันเรียบร้อย ถึงจะย้ายไปอยู่ที่ไหนมา แต่สุดท้ายผมก็กลับมาในที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของตัวเองแรกสุด นั่นแหละทำไมถึงผมแฮปปี้ เพราะว่าผมมาในฐานะนักเตะตัวจริงเต็มตัวแล้ว ไม่ใช่เป็นแค่นักเตะเยาวชน"


ครอบครัวของป็อกบานั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นส่วนสำคัญที่มีอิทธิพลต่อเส้นทางอาชีพของเขาอย่างมาก โดยเฉพาะในด้านความเชื่อมั่นที่มีต่อตนเอง

"พ่อแม่ผมย้ายมาจากแอฟริกา มาอยู่ในฝรั่งเศส และทำงานกันหนักมากๆ ตอนเด็กๆผมยังไม่รู้เรื่องอะไรมากมายเท่าไหร่หรอก แต่บ้านเราต้องอยู่ด้วยกันถึง5คน แล้วสำหรับคนเป็นแม่มันค่อนข้างหนักมากเลยนะ ต้องคอยดูแลหากับข้าวกับปลาให้กิน แล้วก็ต้องทำทุกอย่าง แม่ผมทำงานงานหนักมากๆเพื่อดูแลพวกเรา"

"แม่ทำสิ่งต่างๆเพื่อเรา และที่เรามีทุกๆอย่างได้ก็เพราะแม่ทั้งนั้น นั่นแหละพอเป็นอย่างนั้นผมจึงต้องพยายามเหน็ดเหนื่อยกับมันให้มากเป็นสิบเท่า ผมระลึกไว้ในใจเสมอ และก็เช่นกันสำหรับพ่อผมเองก็ด้วย ทุกๆอย่างมันจึงต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ต้องนำหน้าคนอื่น และพยายามรู้สึกกระหายกับมันอยู่เสมอ"

Pogba's Super Mom

"ผมจะพิสูจน์ฝีเท้าให้ผู้คนได้เห็น ก็เลยทำโดยการย้ายไปอยู่ยูเว่เหรอ? ใช่เลย ผมคุยกับตัวเองในใจเสมอว่า มา เดี๋ยวกูจะโชว์ให้เห็นเลย ซึ่งผู้คนมากมายในตอนนั้นก็พูดว่า เขาย้ายไปยูเว่ทำไมอ่ะ ตัดสินใจผิดแล้วไอ้หนู  ผมก็คิดในใจว่า ไม่เป็นไร จะคิดงั้นก็ไม่มีปัญหาหรอก เดี๋ยวผมจะแสดงให้ทุกๆคนเห็นเองว่าผมทำอะไรได้อีกเยอะ"

"พี่ชายผมที่เป็นแฟนของยูไนเต็ดอยู่นั้นบอกผมว่า เขาโกรธมากเลย โกรธมากกว่าตัวผมซะอีกที่ผมไม่ได้ลงเล่น พี่บอกผมว่า ไปเหอะ ย้ายไปเล่นทีมนั้นก็ได้ ถ้าที่นี่เค้าไม่ต้องการก็ไปที่ไหนสักที่ เดี๋ยวพวกเขาก็รู้เองแหละ"

"เรื่องการย้ายนั้นเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยนะ(ฮา) ผมไม่ได้คิดกังวลอะไรเรื่องนั้นเลย มันเป็นเรื่องของสองสโมสรเท่านั้น ซึ่งก็ใช่ ผมย้ายออกไปฟรีๆ และก็กลับมาที่นี่ด้วยค่าตัวก้อนใหญ่ที่เห็น มันเลยมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานาเยอะแยะ แต่เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกกดดันตอนกลับมาอยู่ที่นี่นะ"

"แล้วดูค่าตัวของผมสิสำหรับการซื้อมิดฟิลด์คนนึง ผู้คนก็คาดหวังจากผมมาก อยากให้ผมยิงประตูด้วย แอสซิสต์ด้วย"

"ดีไม่ดีอยากให้บินไปเซฟประตูด้วยมั้ง!"


"ถ้าคุณมีความฝันก็ลงมือทำมัน ความฝันไม่ทำร้ายใคร มันรอให้คุณก้าวออกมา แม้ว่าคุณจะต้องตื่นลืมตาขึ้นมาจากฝัน แต่อย่างน้อยที่สุดในตอนที่ฝัน คุณจะฝันให้มันยิ่งใหญ่มากขนาดไหนก็ได้ตามใจเลยเพื่อที่จะทำมันให้เป็นจริงให้ได้"

"ส่วนเป้าหมายของผมเองนะเหรอ ผมอยากประสบความสำเร็จมากขึ้นอีกเรื่อยๆ เราทุกคนสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆได้ตลอดชีวิตนั่นแหละไม่ว่าจะเป็นคุณเมื่อตอน10ขวบ หรือตอนอายุ40 หรือ 50แล้วก็ตาม ชีวิตคุณจะต้องเรียนรู้อยู่เสมอ และผมก็ชอบทดลองสิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา"


ทั้งหมดนี้คือการสัมภาษณ์ล่าสุดเมื่อเดือนก่อนของ ปอล ป็อกบา ที่ให้กับกับสกู๊ปคอลัมน์UTD Podcastซึ่งเป็นเว็บofficialของทางสโมสรเอง จะเห็นได้ว่าทิศทางการให้สัมภาษณ์ค่อนข้างที่จะ "เป็นแง่บวก" อย่างมากโดยที่เน้นย้ำให้เห็นว่า เขาเองนั้นมีความสุขในตอนที่ได้ย้ายกลับมาสโมสรอีกครั้ง ซึ่งหากพูดกันตรงๆ ใช่.. นี่คือสิ่งที่ป็อกบาพูดด้วยใจจริง ผมก็เชื่อเช่นนั้นดูจากภาษากายว่า เขาเองก็แฮปปี้ที่ได้กลับมาอยู่แมนยูขนาดไหน เรื่องนี้คิดว่าจริงแท้แน่นอน

แต่หากจะให้ลองคิดมุมอื่นด้วยนั้น มันเป็นไปได้เช่นกันที่  ณ ตอนที่กลับมา เขาแฮปปี้ แต่ช่วงปีก่อนหน้านี้เขาก็อยากย้ายจริงๆ เพราะขณะที่หลังจากนั้นช่วงปีสุดท้ายที่อยู่กับมูรินโญ่ นั่นก็เป็นเรื่องจริงเช่นกันว่า เขาเองไม่มีความสุข ทั้งผลงานทีมและผู้จัดการทีม และก็อยากย้ายทีมเพราะว่าไม่เห็นทิศทางที่ชัดเจนว่าสโมสรจะกลับมาประสบความสำเร็จยังไง และเขาเองก็เป็นนักเตะที่ต้องการที่จะได้ถ้วยรางวัลหรือเกียรติยศประดับอาชีพของตนเองอย่างชัดเจน เมื่อดูจากทัศนคติส่วนตัว และความมุ่งมั่นของตัวนักเตะ

ดังนั้นสิ่งนี้แปลว่าอะไร

ตีความจากบทสัมภาษณ์ของป็อกบาแล้วนั้น สามารถสรุปได้ชัวร์ๆว่า

1.ตอนที่ได้ย้ายกลับมา เขามีความสุขมากที่ได้กลับมาทำสิ่งที่ค้างคาอยู่ให้เสร็จสิ้นในฐานะนักเตะตัวจริงของแมนยู

เรื่องนี้จริงแน่นอน

2.ช่วงก่อนหน้านี้ ปลายยุคมู ลากมาจนถึงต้นซีซั่น2019/20 ป็อกบาอยากย้ายจริงๆ และ"เจ้าตัวพูดออกมาเอง"

เรื่องนี้ก็จริงแน่นอน


ข้อนี้ยังเป็นความเข้าใจผิดๆของแฟนแมนยูบางส่วนที่จำขี้ปากคนอื่นมาแล้วก็เอาไปพูดต่อว่า "ป็อกบาไม่เคยพูดว่าอยากย้าย"   แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น "ป็อกบาพูดออกมาจริงๆ "คนที่ติดตามข่าวจริงๆจะเคยเห็นข่าวนี้ และก็มีหลักฐาน มีสัมภาษณ์มาเป็นคลิปภาพเสียงจากปากของเจ้าตัวเลยโดยตรง เป็นการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนและนักข่าวที่ประเทศญี่ปุ่น ขณะที่เขากำลังไปทำกิจกรรมอยู่ที่นั่น

ถอดคำพูดออกมาเต็มๆประโยคแบบไม่ต้องตัดเรียกแขกเพื่อบิดเบือนประเด็น ประโยคเต็มๆภาษาอังกฤษมีดังนี้

"I have been in Manchester for three years and have been doing great; some good moments and some bad moments, like everybody. Like everywhere else"

"After this season and everything that happened this season, with my season being my best season as well ... I think for me it could be a good time to have a new challenge somewhere else. I am thinking of this: to have a new challenge somewhere else. ".

ใครที่ยังคิดว่านี่เป็นเรื่องไม่จริง ไปดูคลิปตามนี้เลย มีทั้งภาพและเสียงที่เจ้าตัวพูดแบบเต็มๆ

https://twitter.com/i/status/1140211725557309441

ซึ่งเมื่อแปลออกมาแบบไม่ต้องเปลี่ยนแปลงถ้อยคำป็อกบาแล้วนั้นก็ได้ใจความว่า

"ผมอยู่ที่แมนเชสเตอร์มาได้สามปีแล้ว และก็ทำอย่างเต็มที่ มีทั้งช่วงเวลาที่ดี และช่วงที่แย่ๆ ก็เหมือนทุกๆคน ทุกๆที่ทั่วไปนั่นแหละ ซึ่งหลังจากฤดูกาลที่ผ่านมาและอะไรทั้งหมดที่เกิดขึ้น ในส่วนตัวแล้วมันก็ถือว่าเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดของตัวเองด้วย สำหรับผมแล้วนั้นอาจจะเป็นถึงเวลาเหมาะสมแล้วที่จะหาความท้าทายใหม่ที่ไหนสักแห่ง ผมคิดถึงเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เรื่องที่ได้เวลาจะไปหาความท้าทายใหม่ๆที่ไหนก็ตาม"

ตัวจริงเสียงจริง พูดเองจากปากเต็มๆ ไม่ใช่ไมเคิลตั๋งปลอมตัวมาพูดแน่นอน

แม้จะไม่ได้พูดตรงเป๊ะว่า "กูจะย้ายทีม" แต่ประโยคทั้งหมดที่เขาพูด หากไม่ทำเป็นหัวหมอเลี่ยงบาลีอ้างนู่นนี่ หรือแถจนสีข้างถลอกทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่า นี่คือการใช้คำอ้อมๆให้ดูไม่น่าเกลียด แต่จริงๆก็ตั้งใจเปิดเผยสื่อสารโดยตรงแบบชัดเจนเลย ชัดมากๆว่า "เขาอยากจะย้าย" เพราะการจะหาความท้าทายใหม่ที่ไหนสักที่  นั่นแปลว่ามันไม่ใช่ที่ยูไนเต็ดแล้ว (ถึงจะไม่ได้ใช้คำว่า I want to leave ก็ตาม)

นี่ก็พูดชัดสุดๆแล้วแค่ไม่ใช้คำที่ตรงจัดเกินไปเท่านั้นเองซึ่งยังถือว่าเป็นการรักษามารยาทสังคมที่ดีอยู่บ้าง

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เรามองเห็นอะไร


อย่างที่บอกไปแล้วว่า  ตอนป็อกบาย้ายกลับมา มีความสุขจริง > หลังจากนั้นยุคมูปลาย ต้นโซลชา ป็อกก็อยากย้ายจริง

ดังนั้น ปัญหาก็คือ "ณ ปัจจุบัน" ผมเอง และใครก็ตามเราก็ไม่มีทางรู้ได้ว่า ป็อกบานั้นคิดและรู้สึกเช่นไร เราไม่มีใครรู้ว่า เขาในตอนนี้นั้นตัดสินใจที่จะอยู่ต่อกับทีมหรือเปล่า หลังจากที่ทีมเรามีทิศทางและอนาคตที่สดใสและดีขึ้นมากหลังจากการได้ตัวนักเตะคนสำคัญต่างๆมามากมายในปีนี้ (ซึ่งป็อกบาแทบไม่มีส่วนร่วมกับนักเตะใหม่เหล่านี้เลย) อันได้แก่ แฮรี่ แมกไกวร์ / บิสซาก้า / เจมส์ / อิกาโล่  และ บรูโน่ แฟร์นันดส์  ซึ่งช่วงที่ป็อกเล่นเต็มๆก่อนหน้านี้ คิดว่าป็อกบาเจอใครบ้าง

ลินการ์ด .. เปเรร่า .. มาร์กซิยาลร่างหมาป่วย .. แรชฟอร์ดติดCurseร่างบีนส์บีนส์0.012 สมอลลิ่ง โจนส์  มาติชร่างสล็อต

อื้อหือ แค่สองชื่อแรกก็แย่แล้ว เจอชื่อหลังๆเข้าไป ก็พอจะเข้าใจป็อกบาอยู่ว่าทำไมถึงรู้สึกว่าทีมเราจะไม่ประสบความสำเร็จ ผมเชื่อว่าข้อนี้แฟนผีน่าจะเข้าใจป็อกบาได้เป็นอย่างดี


ดังนั้น มาถึงจุดนี้แล้วมันจึงเป็นเครื่องหมายคำถามอันสุดท้ายนั่นแหละที่เหลืออยู่ว่า

สรุปแล้วป็อกบาในตอนนี้นั้น ยังต้องการจะย้ายทีมหรือไม่ หรือเห็นทีมที่มีทิศทางดีขึ้นมากในปีนี้แบบหน้ามือเป็นหลังมือจากปีก่อน เขาจะคิดยังไง  ณ ปัจจุบันไม่มีใครตอบได้เลย

บางทีหากมองในแง่ร้าย การกลับลำของเขาอาจจะเป็นเพราะว่าไม่มีที่จะไปแล้วก็ได้เพราะมาดริดไม่สู้ราคา ในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้  ดีลไม่มีวี่แววจะเกิดขึ้น  ป็อกบาจึงพลิกลิ้นกลับมาบอกว่ามีความสุขกับสโมสรเหมือนเดิม ดังที่ให้สัมภาษณ์ในPodcastอันนี้เอาไว้  

นั่นคือการมองในแง่ร้าย ซึ่งก็อาจจะเป็นจริงก็ได้

หรืออีกด้านก็อย่างที่บอก ป็อกบามันอาจจะเห็นทีมเราแล้วรู้สึก "มีกำลังใจ" ที่จะเล่นที่นี่ต่อไปก็ได้หลังจากที่เห็นทีมที่เขาชอบถึงขนาดย้ายกลับมาอยู่อีกครั้งนั้น ดูมีทิศทางที่ดีกว่าเดิมเยอะ ทั้งทีมที่มีนักเตะชั้นนำเข้ามามากมายอย่างบิสซาก้า แมกไกวร์ บรูโน่  การมีดาวรุ่งที่ดีขึ้นมาซัพพอร์ต และแถมอนาคตข้างหน้าก็กำลังจะเสริมตัวเจ๋งๆอย่างซานโช่ กรีลิช อะไรพวกนี้เข้ามาอีกถ้าซื้อตัวได้สำเร็จ

การจะกลับมาล้มเลิกความคิดเพราะเห็นแล้วว่าทีมดูมีอนาคตขึ้นนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรหากคนเราจะคิดตัดสินใจใหม่อีกครั้ง


ทุกสิ่งทุกอย่างในบทความนี้นั้นเขียนขึ้นมาเพื่อที่จะ "มอบความแฟร์" ให้กับป็อกบาอย่างสุดความสามารถ ไม่ว่าจะจากแฟนบอลฝั่งที่อยากให้ขาย หรือแฟนบอลฝั่งที่อยากให้อยู่ก็ตามที  ขอให้อ่านและพิจารณาให้เห็นFactเหล่านี้ด้วยตนเองว่ามันเกิดขึ้นจริง มีการสัมภาษณ์จริง ทั้งในแง่ดีและไม่ดี

เรื่องหนึ่งที่เป็นจุดสำคัญของบทความเรื่องนี้คือ เมื่อเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุใดๆก็ตาม ใจคนเรามันก็เปลี่ยนกันได้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

หากพูดถึงประเด็นที่แฟนผีลองจินตนาการดูเล่นๆว่า ถ้าป็อกบาที่ใจพร้อมลงเล่นเต็มร้อย (ซึ่งเวลาลงสนามก็เห็นมันทุ่มเททุกนัดนะ) ถ้าได้เล่นร่วมกับบรูโน่ แฟร์นันดส์เต็มๆจะเป็นยังไง และยิ่งมีแรชฟอร์ดกลับมาด้วยอีกคนเหมือนอย่างที่อิกาโล่ว่าเอาไว้ว่า ถ้าสามคนนี้กลับมาพร้อมหน้ากัน ไม่อยากจะคิดว่าจะโหดสัสหมาขนาดไหน

มีป็อกบาคุมเกมอยู่กลางสนาม และเล่นร่วมกับบรูโน่อย่างแพรวพราว สลับกันเปิดเกมจู่โจมกันได้ทั้งคู่โดยที่มีป็อกบาขึงอยู่ด้านหลัง บรูโน่เองก็พร้อมจะเป็นตัวสอดขึ้นเติมเกมสูง และจากนั้นในจังหวะสุดท้ายเราก็มีเพชรฆาตที่ตัดสินเกมได้อย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด คอยพังประตูปิดจ็อบให้กับเรา

แค่คิดก็มันส์แล้วหากเป็นไปได้


นั่นคือในกรณีที่ป็อกบาอยู่ต่อ ซึ่งหากอยู่ต่อก็เหมือนได้กำลังรบนักเตะมาใหม่หนึ่งคนเลยที่เก่งมากเข้ามาในทีม และไม่แน่ว่าไอ้ที่เราเห็นบรูโน่โหดๆอยู่นี้  เมื่อเจอกองกลางด้านหลังซัพพอร์ตเขาแบบป็อกบา  ทีมเราอาจจะติดปีกเข้าขั้นทีมที่ท้าชิงแชมป์ได้ทั้งทวีปนี้ก็เป็นได้ 

แต่..หากป็อกบาจะไม่อยู่ต่อ และเกิดการย้ายทีมขึ้น ยูไนเต็ดก็จะยังเดินหน้าต่อไปได้เช่นกัน เพราะเราจะได้เริ่มต้นใหม่ นำนักเตะที่มีissueว่าจะย้ายทีมหรือไม่ย้ายแบบคาราคาซังเช่นนี้ออกๆจากทีมไป เพื่อตัดเรื่องราวรบกวนการวางแผนงานของสโมสร ขายออกไปจะได้เริ่มต้นวางแผนหาตัวแทน หามิดฟิลด์หลักคนใหม่เข้ามาสักทีแล้วสร้างทีมชุดหลักใหม่ 

ไม่ว่าป็อกบาจะอยู่ต่อ หรือออกไปก็ตาม ล้วนแล้วแต่มีข้อดีกับสโมสรเราทั้งสิ้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม อยู่ที่การชั่งน้ำหนักของแฟนบอลและบอร์ดบริหารแล้วว่า มันควรจะเป็นเช่นไรต่อไปสำหรับสถานการณ์ของปอล ป็อกบา ที่กล่าวมาทั้งหมดในบทความนี้

สุดท้ายนี้นั้น ขอทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยคำจากอดีตตำนานอันดับหนึ่งเป็นสิบๆสัปดาห์อย่าง..เจมส์ เรืองศักดิ์กล่าวเอาไว้ว่า

"ฉันคงไม่อาจทำให้เธอเปลี่ยนใจ ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉัน.."

ถึงพี่เจมส์จะไม่อาจเปลี่ยนใจ แต่บรูโน่อาจจะเปลี่ยนใจป็อกบาสำเร็จก็ได้นะ

-ศาลาผี-


References

https://www.manutd.com/en/news/detail/what-paul-pogba-learned-most-from-andrea-pirlo-and-paul-scholes

https://www.manutd.com/en/news/detail/paul-pogba-says-his-mother-always-knew-he-would-rejoin-man-utd

https://en.as.com/en/2019/06/16/football/1560681336_177137.html

https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-7146797/Paul-Pogba-hints-away-Manchester-United.html

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด