โอบาเมย็อง ย้ายจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาร่วมทีม "ปืนใหญ่" ในตลาดหน้าหนาวปี 2018 ด้วยค่าตัว 56 ล้านปอนด์ซึ่งถือเป็นสถิติสโมสรในตอนนั้น
นับจนถึงปัจจุบันที่ฟุตบอลถูกระงับเอาไว้อย่างไร้กำหนดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หัวหอกทีมชาติกาบองลงสนามให้ อาร์เซน่อล ไปแล้ว 97 นัดจากทุกรายการ ทำได้ 61 ประตู และอีก 13 แอสซิสต์
สถิติอันยอดเยี่ยมของ โอบาเมย็อง ไม่เพียงเกิดขึ้นเฉพาะตอนเล่นให้ อาร์เซน่อล แต่ย้อนไปสมัยแจ้งเกิดเต็มตัวกับ แซงต์-เอเตียน ต่อด้วยอีก 4 ปีครึ่งกับ "เสือเหลือง" ในเวทีบุนเดสลีกา ผลงานของ "โอบา" ก็สุดยอดไม่แพ้กัน
โอบาเมย็อง ซัดไป 41 ประตูจาก 97 นัดกับ แซงต์-เอเตียน และอีก 141 ประตูจาก 213 นัดกับ ดอร์ทมุนด์
ด้วยผลงานขนาดนี้เราจึงสามารถพูดได้เต็มปากว่าในรอบทศวรรษที่ผ่านมา ดาวยิงเจ้าของอักษรย่อ "PEA" ที่ไม่ได้หมายถึงการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค คือหนึ่งในดาวยิงที่ดีที่สุดของวงการลูกหนัง
ในช่วงที่เล่นให้ อาร์เซน่อล โอบาเมย็อง สามารถคว้าตำแหน่งดาวซัลโวได้ในฤดูกาลแรกที่เล่น "เต็มฤดูกาล" ที่ครองตำแหน่งร่วมกับ ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในฤดูกาลที่แล้วหลังกดไป 22 ประตูเท่ากัน
มาถึงฤดูกาลนี้ การทำประตูของหัวหอกวัย 30 ปีก็ยังยอดเยี่ยมส่องไปอีก 17 ประตูจาก 26 นัดในลีก รั้งรองดาวซัลโวต่อจาก เจมี่ วาร์ดี้ หัวหอก เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ยิงไป 19 ประตูเพียงคนเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม "โอบา" คือหนึ่งในนักเตะที่มีผลงานส่วนตัวยอดเยี่ยม แต่แทบไม่ประสบความสำเร็จร่วมกับทีมที่เล่นโดยตลอดอาชีพที่ผ่านมามีเพียงแชมป์บอลถ้วย 2 รายการคือ เฟร้นช์ ลีก คัพ กับ เดเอฟเบ โพคาล ประดับบารมีเท่านั้น
ด้วยอายุอานามที่เข้าสู่ปลายอาชีพเต็มตัวและมีเป้าหมายความแชมป์สั่งลาให้ได้ อนาคตของ โอบาเมย็อง จึงถูกจับตามองอย่างมากว่าจะปักหลักกับ อาร์เซน่อล ต่อไปหรือออกไปหาความท้าทายใหม่กับทีมที่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า
โอบาเมย็อง เหลือสัญญากับ อาร์เซน่อล ถึงเพียงซัมเมอร์ 2021 และได้รับความสนใจจากหลายทีมทั่วยุโรป ขณะเดียวกัน อาร์เซน่อล ก็ต้องตัดสินใจให้เร็วที่สุดว่าจะจัดการอย่างไรเพราะหากปล่อยให้หมดสัญญาก็จะต้องเสียฟรี ไม่ได้เงินคืนแม้แต่ปอนด์เดียว
ข่าวลือหลายระบอกบอกว่าอดีตดาวยิงดอร์ทมุนด์แจ้งกับทางปืนใหญ่แล้วว่าจะไม่ต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไปซึ่งก็เท่ากับบีบให้สโมสรต้องตัดสินใจขายในซัมเมอร์นี้ หรือเว้นแต่ว่า ยอมจ่ายค่าเหนื่อยตามที่เจ้าตัวต้องการและยอมตัดสินใจต่อสัญญาออกไป
หากท้ายที่สุดแล้ว อาร์เซน่อล ต้องเสีย โอบาเมย็อง ในซัมเมอร์นี้ก็นับว่าเป็นความเสียหายอย่างยิ่งยวดเพราะสถิติในการเล่นบ่งบอกคุณภาพในตัวดีอยู่แล้ว
นอกจากตัวเลขการทำประตูที่แฟนบอลทุกคนประจักษ์รับรู้แล้ว ยังมีอีกหลายสถิติที่ โอบาเมย็อง ทำได้ดีไม่แพ้กัน
1. ใช้โอกาสได้อย่างมีประสิทธิภาพ
17 ประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ของ โอบาเมย็อง มาจากการสับไกเข้ากรอบเพียง 35 ครั้งเท่านั้น เป็นสัดส่วนที่แสดงให้เห็นถึงความเฉียบขาดและใช้โอกาสไม่เปลือง
การเล่นเป็นกองหน้าไม่ใช่ว่ามีโอกาสมากมายในการทำประตูเพราะกองหลังคู่แข่งก็ต้องหาทางขัดขวางโอกาสอยู่ตลอดเช่นกัน ดังนั้นเมื่อได้จังหวะลุ้นยิงแล้วต้องทำอย่างมีประสิทธิภาพ เปลี่ยนโอกาสที่มีให้เป็นประตูให้ได้
โอบาเมย็อง ง้างเท้ายิงเฉลี่ย 2.5 ครั้งต่อนัด ขณะที่ฤดูกาลก่อน เขาได้ยิง 2.6 ครั้งต่อนัดและจบด้วยการยิงไปได้ 22 ประตูซึ่งก็เป็นผลงานที่ใกล้เคียงกันทีเดียว
ในฤดูกาลนี้มีเพียง เจมี่ วาร์ดี้ ที่ใช้โอกาสได้คุ้มค่ากว่าเขาหลังยิงไป 19 ประตู จากจังหวะยิงเฉลี่ย 2.3 ครั้งต่อนัด
2. การผ่านบอล
โอบาเมย็อง ไม่ได้มีหน้าที่หลักในการผ่านบอล แต่เขาก็ทำได้ดีระดับหนึ่ง โดยผ่านบอลจังหวะสำคัญเฉลี่ย 0.8 ครั้งต่อนัด สูงเป็นอันดับ 5 ร่วมของทีม และถ้าดูเฉพาะคนที่ลงเล่น 20 นัดขึ้นไป สถิติตรงนี้ดีเป็นอันดับ 2 ของทีมเลยทีเดียว
ขณะเดียวกัน เขายังเปิดบอลเข้าเป้าเฉลี่ยแล้ว 0.8 ครั้งต่อนัด สูงเป็นอันดับ 4 ของทีม และเป็นอันดับ 1 ถ้านับเฉพาะคนที่ลงเล่นอย่างน้อย 20 นัด
เรียกได้ว่านอกจากจะเป็นกำลังสำคัญในการทำประตูแล้วนั้น เขายังผ่านบอลได้ดีและช่วยเกมรุกของ อาร์เซน่อล ได้อย่างมาก
3. ครองบอลเหนียวแน่น
กองหน้าที่ดี ไม่จำเป็นต้องเก็บบอลเอาไว้กับตัวนานเพราะควรต้องรีบยิงประตูให้เร็วที่สุดก่อนที่จะถูกคู่ต่อสู้รุมแย่งบอลได้
แต่ในหลายครั้ง การครองบอลและเก็บบอลในแดนหน้าของผู้เล่นกองหน้าก็สร้างประโยชน์ให้กับทีมได้อย่างมากเพราะทีมไม่เสียบอลและนำมาซึ่งการถูกโต้กลับและอาจเป็นฝ่ายที่เสียประตูเอง
ในฤดูกาลนี้ โอบาเมย็อง เสียการครองบอลเพียงแค่ 0.8 ครั้งต่อนัด ดีสุดเป็นอันดับ 7 ร่วมของพรีเมียร์ลีก ดีขึ้นจากฤดูกาลก่อนที่เสียการครองบอล 0.9 ครั้งต่อนัด
ย้อนไปสมัยเล่นให้ ดอร์ทมุนด์ เขาทำผลงานด้านนี้ไม่ดีเท่าไหร่ เพราะเสียค่าเฉลี่ยที่เสียการครองบอลเกิน 1 ครั้งต่อนัดในทุกฤดูกาล
---
ทั้งหมดคือสถิติที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง และเป็นสิ่งที่ อาร์เซน่อล ต้องตัดสินใจให้ดีว่าจะเลือกทุ่มเงินค่าเหนื่อยต่อสัญญาออกไป หรือเลือกปล่อยออกจากทีมในซัมเมอร์นี้
