"สงครามเก้านัด" แม่ทัพโอเล่ และขุมกำลังที่โคตรพร้อมบวก
โอเล่เปิดเผยถึงการเตรียมตัวสู่โปรแกรมรีสตาร์ทของพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง โดยเป็นเรื่องการฝึกซ้อมของทีม และการเตรียมสภาพจิตใจของนักเตะให้พร้อมสำหรับโปรแกรมในวันที่ 19 มิถุนายนนี้ ในเกมที่ต้องดวลกับท็อตแน่มฮอตสเปอร์
มีหลายประเด็นที่โอเล่พูดถึงเอาไว้ ซึ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับแมตช์ที่เหลืออยู่ในซีซั่นนี้ทั้งสิ้น ซึ่งมันทำให้เราได้เห็นถึง "ภาพที่โอเล่มอง" การตั้งเป้า ความคาดหวัง และความเป็นไปได้ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ตั้งอยู่บนความเป็นจริงทั้งนั้น มีหลากหลายหัวข้อที่ผู้จัดการของเราได้พูดถึงเอาไว้ดังนี้
เกมแรกของซีซั่น VS เกมแรกของรีสตาร์ทซีซั่น
ในระยะเวลาช่วงสองอาทิตย์สุดท้ายที่ผ่านมา ก่อนจะโม่แข้งเตะกันจริงๆในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ที่สนามซึ่งเจ้าบ้านเพิ่งจะปรับปรุงใหม่ และบรรดานักเตะของเราก็จะต้องลงไปเผชิญหน้าลูกทีมของอดีตนายเก่าอย่างโจเซ่ มูรินโญ่นั่นเอง ซึ่งโอเล่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่ต้องเจอกับทีมน้ามูเอาไว้ดังนี้
"เกมแรกจะต้องเตะกันในช่วงสองสัปดาห์นี้แล้ว ดังนั้นเราต้องปรับการฝึกซ้อมให้มากขึ้นเพื่อเรียกจังหวะการเล่นของทีมให้กลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง ทุกๆคนรู้ดีว่าเราจะต้องทำให้ดีที่สุด และโฟกัสในเกมที่ดวลกับท็อตแน่ม"
และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงต้นซีซั่น2019/20ที่ผ่านมาตอนต้องเจอกับเชลซี ทีมของเฮียแลมพ์นั้น อย่างที่เราทราบกันว่า พวกเราสร้างเซอไพรส์สุดช็อคด้วยการถล่มเชลซีเละ 4-0 อย่างไม่น่าเชื่อ และโอเล่ก็เชื่อว่าเราอาจจะทำแบบต้นฤดูกาลได้อีกครั้ง เพราะโดยเฉพาะอย่างยิ่งการกลับมาของนักเตะอย่างปอล ป็อกบา
"เรารู้ดีว่ามันเป็นเกมใหญ่ ต้นฤดูกาลเราเจอเชลซีมาแล้วตอนเริ่มลีก ดังนั้นผมมีความมั่นใจว่าลูกทีมของผมสามารถลงเล่นกับสเปอร์ด้วยสภาพจิตใจดีเยี่ยมที่พร้อมจะโชว์ผลงานดีๆให้เราได้เห็นอย่างแน่นอน"
การกลับมาของคีย์เพลย์เยอร์
หลังจากที่มีอาการบาดเจ็บมาอย่างยาวนานจากอาการเจ็บข้อเท้าเรื้อรังของปอล ป็อกบา บัดนี้นักเตะที่ว่ากันว่าดีที่สุดของแมนยูไนเต็ดนั้นกำลังจะกลับมาลงเล่นฟุตบอลเต็มสูบอีกครั้งแล้วในสัปดาห์ที่กำลังจะถึงนี้ ในขณะที่มาร์คัส แรชฟอร์ดก็กลับมาจากอาการกระดูกร้าวแล้วอีกรายเช่นกัน
การรีเทิร์นของคู่หูนี้คงจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกทีมลงสนาม ซึ่งโอเล่ได้เปิดเผยเกี่ยวกับการกลับมาของเจ้าหนูแมนคูเนี่ยนแรชฟอร์ด และมิดฟิลด์แชมป์โลกฝรั่งเศสอย่างป็อกบาเอาไว้ดังนี้
"ปอล กับ มาร์คัสกลับมาแล้ว ส่วนเอริคกับสก็อตต์ก็เคยเจ็บไปนานเช่นกัน ดังนั้นพวกเราต้องการที่จะหลอมรวมทีมกลับเข้าด้วยกันอีกครั้ง หวังว่าทุกๆจะพร้อมสำหรับเกมแรกที่จะเกิดขึ้น ทีมเราเหมือนได้การต่อเวลาพิเศษยืดออกมา ดังนั้นผมไม่คิดว่าเราจะสามารถคาดหวังกับเหล่าลูกทีมที่เจ็บยาวและพลาดการลงสนามไปนานเหล่านี้ให้กลับมาเล่นเต็มๆเกมได้"
ด้านความแข็งแกร่งของทีม
การที่ยูไนเต็ดได้ผู้เล่นหลายคนกลับมา ทำให้ทีมไม่ขาดขุมกำลังในแนวลึกที่จะทดแทนกันได้ และยังมากพอที่จะสามารถเล่นได้2เกมต่อสัปดาห์เลยทีเดียว โอเล่พูดถึงความพร้อมที่จะลุยเกมหนักเอาไว้ดังนี้
"มีการเปลี่ยนกติกากันตรงที่เราสามารถเปลี่ยนตัวได้ถึง5คน และใส่รายชื่อที่ม้านั่งสำรองได้ถึง9 ผมว่าอันนี้ช่วยได้มากเลย เพราะว่าเหล่านักฟุตบอลทุกคนไม่ได้สัมผัสเกมกันมานานมากๆ การจะกลับมาแข่งขันอีกครั้งจึงเป็นเรื่องท้าทายสำหรับพวกเขา"
"เราต้องคอยดูแลเรื่องอาการบาดเจ็บและความฟิตที่จะเกิดกับพวกเขา ซึ่งตอนนี้ทีมมีขนาดใหญ่และแข็งแกร่ง มีนักเตะมากมายหลายคนที่เตรียมตัวพร้อมจะลงสนามในเกมแรกนี้และคาดหวังว่าจะได้ลงเล่น แต่ถึงอย่างนั้นถ้าไม่ได้ลงในเกมแรกเลย เดี๋ยวพวกเขาก็จะได้ลงเกมสอง ไม่ก็เกมสามในที่สุดอยู่ดี"
การคว้าแชมป์
ในปีที่แล้วยูไนเต็ดดูเหมือนจะเป็นทีมที่ได้ขึ้นมาท้าทายตำแหน่งแชมป์ของถ้วยต่างๆอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็ไม่ได้ถ้วยอะไรติดมือเลยนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายคือแชมป์ยูโรป้าลีกที่ชนะอาแจ็กซ์ในปี2017 ยูไนเต็ดต้องประกาศศักดาด้วยการเป็นแชมป์รายการใดรายการหนึ่งบ้าง และโอเล่ก็พูดถึงความสำคัญของการได้แชมป์เหล่านี้ที่มีผลต่อสภาพจิตใจและความรู้สึกในทีม
"เราต้องทำให้แน่ใจว่า ช่วงเวลาสั้นๆที่เหลือนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ดีของเราก่อนที่จะเริ่มต้นกันใหม่ในซีซั่นหน้า ถ้าจบด้วยการคว้าแชมป์อะไรสักอย่างมันจะเยี่ยมมากเลย เราต้องโฟกัสในสิ่งที่เราสามารถจัดการกับมันได้ นั่นก็คือฟอร์มการเล่นของทีมเราเองนี่ล่ะ ถ้าเราสามารถเข้าถึงรอบชิงได้ หรือขึ้นไปจบที่อันดับ2ในรายการอะไรต่างๆเช่นนี้มันจะเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากเลย"
และทั้งหมดนั้นคือการเปิดเผยของโอเล่ กุนนาร์ โซลชาที่เตรียมพร้อมกับโปรแกรมพรีเมียร์ลีกรีสตาร์ทครั้งนี้ซึ่งจะเห็นได้เลยว่า สภาพทีมตอนนี้ทั้งในเชิงกายภาพ(ความฟิต ปริมาณนักเตะ)ก็พร้อม ในขณะที่สภาพจิตใจ ความฮึกเหิมมั่นใจ ก็ถือว่าเต็มเปี่ยมเช่นกัน นักเตะทุกคนดูกระหายการลงแข่ง แต่ที่สำคัญคือ เด็กๆทีมเราดูจะ "สนุก" กับสิ่งที่ทีมเป็นอยู่ในขณะนี้
มันคือปรัชญาส่วนหนึ่งของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่ทำให้ฟุตบอลมันเป็นเรื่องสนุก เหมือนวิธีคิดที่ทีมเรามอบให้กับเด็กๆในทีมเยาวชนแมนยูไนเต็ดนั่นเองตามที่เคยเปิดเผยเรื่องราวของน้องคอร์บิ้นในทีมU-13เอาไว้
"สงครามเก้านัด"
ในเมื่อส่วนที่เป็น "เรื่องของตัวเอง" นั้นพร้อมแล้ว เรามาดู "เรื่องของคนอื่น" กันบ้างดีกว่า ว่า..ในส่วนของคู่แข่งที่เราจะต้องเจอนั้นมีใครบ้าง ซึ่งจริงๆเคยเขียนไปก่อนหน้านี้นานมาแล้วสักพักเรื่องการคาดเดาคะแนน ตอนนี้เรากลับมาดูกันอีกครั้งว่า รอบนี้ยังเหลือทีมไหนอยู่บ้าง
30.เยือนสเปอร์(8) 31.เหย้าเชฟยูฯ(7) 32.เยือนไบรจ์ตัน(15) 33.เหย้าบอร์นมัธ(18)
34.เยือนวิลล่า(19) 35.เหย้าเซ้าท์(14) 36.เยือนพาเลซ(11) 37.เหย้าเวสต์แฮม(16) 38.เยือนเลสเตอร์(3)
ในบรรดา9ทีมจาก "สงครามเก้านัด" ที่เหลือของแมนยูไนเต็ดนี้ ต้องบอกว่า ณ ตอนนี้เราอาจจะจำเป็นต้องตัดปัจจัยเรื่องความได้เปรียบในการเล่นเหย้าเยือนออกไปหน่อยนึง เนื่องจากไม่มีผู้ชมเข้าสนาม และบางเกมอาจจะต้องเตะสนามอื่น ไม่ตรงตามนี้ เพราะฉะนั้นเราจะคาดการณ์จากฟอร์มการเล่น และอันดับในตารางกันเพียวๆ
เท่าที่ดูค่อนข้างเชื่อว่า โอกาสที่เป็นไปได้ก็คือ เราอาจจะ แพ้1นัด เสมอ2นัด ชนะ6
1.แพ้1นัดที่ว่า อาจจะเป็นสเปอร์นัดแรกนี้เลย(ฮา) หรือไม่ก็ เลสเตอร์นัดสุดท้าย
2.ในขณะที่ เกมเสมอสองนัดก็อาจจะเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะในแมตช์ สเปอร์ เลสเตอร์ เชฟฟิลด์ยูไนเต็ด สามทีมแข็งที่เหลืออยู่จากทั้งหมด 9นัด
3.ส่วนทีมอื่นๆช่วงกลางๆโปรแกรมรีสตาร์ท ไล่ตั้งแต่เกมสาม (นัด32) เจอไบรจ์ตัน — บอร์นมัธ — วิลล่า — เซาท์แธมตัน — พาเลซ — เวสต์แฮม เอาแบบตรงๆเลย 6ทีมนี้ผมไม่คิดว่าจะมีใครทำให้แมนยูไนเต็ดสะดุดได้เลยแม้แต่ทีมเดียว อย่างที่วันก่อนได้นำเสนอในเพจไปว่า แมนยูไนเต็ดเป็นทีมที่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่ "ค่าเฉลี่ยอันดับในลีกต่ำที่สุด"
ภาษาชาวบ้านคือ 9นัดสุดท้าย แมนยูเจอแต่ทีมอ่อนๆเยอะสุดในลีกนั่นแหละ
ค่าเฉลี่ยอันดับในลีกของคู่แข่ง ที่แต่ละทีมจะต้องเจอในนัดที่เหลือ และแมนยูก็เจอทีมอันดับต่ำๆมากที่สุดในลีก
ดังนั้นตามการกะประมาณคะแนนแมนยู(แพ้1เสมอ2ชนะ6) เราน่าจะได้เพิ่มอีกราวๆ 20 แต้ม ซึ่งตอนนั้นก็จะอยู่ที่ 65คะแนนพอดีตอนจบฤดูกาล ซึ่งก่อนหน้านี้เคยคาดเดาคะแนนท้ายซีซั่นเอาไว้ครั้งนึงแล้วตอนที่ยังเหลือเกมเตะเยอะกว่านี้ และยังไม่ได้แข่งกับแมนซิตี้ที่เราชนะไป2-0 ตอนนั้นคาดเดาคะแนนเอาไว้ดังนี้
เชลซี 65 / แมนยู65 (ของเก่าเดาไว้ที่64) / สเปอร์ 64 / วูล์ฟ 60 / เชฟยูฯ 55
พอมาเทียบกับคะแนนแมนยูไนเต็ดที่คาดการณ์ใหม่ครั้งนี้ก็ไม่ได้หนีของเดิมเลยที่64 ตอนนี้ดูแนวโน้มใหม่ มีโอกาสได้65แต้มค่อนข้างสูงมากๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นเมื่อไปรวมกับข้อมูลเดิมที่เดาไว้ ก็จะพบว่าแมนยูนั้นแต้มมีโอกาสจบเท่าเชลซีเป๊ะๆสูงมากปีนี้ ซึ่งดูจากแนวโน้มฟอร์มผีเข้าผีออกของทั้งคู่ ก็น่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่ ณ ตอนนี้แมนยูลูกได้เสีย +14อยู่ ในขณะที่สิงห์บลูส์นั้น+12
ก็ได้แต่หวังว่าเราจะกลับมาแล้วยิงให้เยอะไว้ก่อน เหมือนฟอร์มก่อนหยุดโควิดไป หากนัดสุดท้ายจบที่แต้มเท่า เราจะสามารถปาดแซงเชลซีด้วยลูกได้เสียได้ หากคะแนนเท่ากันจริงๆ ตอนนี้เราห่างเชลซีแค่3แต้ม ในขณะที่นำวูล์ฟกับเชฟยูอยู่2แต้ม แต่เชฟยูแข่งน้อยกว่า
ซึ่งทีมที่เป็นคู่แข่งของเราจริงๆก็มีแค่เชลซี กับวูล์ฟที่น่ากลัวหน่อย : เชลซีเป็นต่อตรงที่เป็นทีมใหญ่และคะแนนนำเราอยู่สามแต้ม เขายังพลาดได้1นัดเต็มๆขณะที่เราต้องชนะเท่านั้น ส่วนวูล์ฟก็ประมาทไม่ได้ เพราะวูล์ฟคือทีมอันดับ3ที่ 9นัดที่เหลือเจอแต่ทีมอ่อนๆ รองจากเรากับแมนซิตี้เท่านั้นเอง (ดูจากตารางค่าเฉลี่ยด้านบนได้)
คู่แข่งที่แท้ทรูของโอเล่ กุนนาร์ โซลชา
ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าหวังน้ำบ่อหน้ากับการจะมาลุ้นให้แมนเชสเตอร์ซิตี้โดนแบน แล้วโควตาUCLจะตกลงมาถึงอันดับที่5 เราควรจะโฟกัสกับการไล่ล่าอันดับ4ให้ได้แบบชัวร์ๆเท่านั้น เพราะถ้าวางเป้าหมายไว้สูง ต่อให้พลาด เราก็จะอยู่5อยู่ดีถ้าแซงเชลซีไม่ได้ และถ้าสุดท้ายแล้วส้มหล่นจริงๆ เราก็ยังพอมีลุ้นบ้าง
เขียนมาถึงตรงนี้ เมื่อดูปัจจัยทั้งหมดแล้ว ผมเชื่อเหลือเกินว่า แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดปีนี้น่าจะคว้าอันดับ4ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกในปีหน้าได้ และไม่แน่อาจจะคว้าถ้วยภายในประเทศติดมือได้ด้วย กับความพร้อมของทีมที่สามารถลงเตะรัวๆได้อาทิตย์ละ2นัดหรืออาจจะ3นัด ที่กำลังจะมาถึงในอาทิตย์หน้าแล้ว
เชื่อเหลือเกินว่าทีมเราทำได้ เหมือนที่ผู้จัดการทีมก็เชื่อมั่นในตัวเด็กๆเราเหมือนกัน
#BELIEVE
-ศาลาผี-
References
https://www.theutdarena.com/ole-talks-about-uniteds-preparation-for-pl-restart/