:::     :::

เรือใบที่รอวันอับปาง?

วันพุธที่ 17 มิถุนายน 2563 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
1,915
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เรือใบสีฟ้า กลับมาลงสนามในสังเวียนหญ้าอีกครั้ง แต่นั่นไม่ใช่เสทีที่พวกเขากำลังให้ความสนใจ หากแต่เป็นที่ศาลต่างหาก

ในที่สุด วันเวลาที่แฟนฟุตบอลชาวไทยรอคอยก็มาถึง


พรีเมียร์ลีก รีสตาร์ท !!


คืนนี้แล้วนะครับ ที่ฟุตบอลลีกสูงสุดของอังกฤษจะกลับมาโม่แข้งให้ได้ชมกันอีกครั้ง แม้การกลับมาครั้งนี้จะกลับมาแบบไม่มีผู้ชมในสนาม ตามสไตล์ New Normal แต่ก็ถือเป็นนิมิตรหมายอันดีที่ลีกกลับมาลงแข่งขันกันได้สักที


แถมการกลับมาคราวนี้ ประเดิมด้วยคู่ใหญ่เลยเสียด้วย เมื่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมรองจ่าฝูง พบกับ อาร์เซน่อล ในเกมตกค้างที่เลื่อนเตะออกมาจากโปรแกรมปกติ สาเหตุมาจากที่แมนฯซิตี้ต้องหวดกับเลสเตอร์ ซิตี้ ในรอบชิงชนะเลิศถ้วย คาราบาว คัพ เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้เอง


แน่นอนว่า ถ้าดูตามหน้าเสื่อแล้ว แมนฯซิตี้ ค่อนข้างกินขาดผู้มาเยือนจากลอนดอนอยู่พอสมควร แต่ผู้สันทันกรณีหลายท่านกลับไม่มั่นใจในความพร้อมของเด็กๆของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า สักเท่าไหร่


นั่นเป็นเพราะว่า พวกเขายังมีเรื่องที่ต้องกังวลอยู่ แถมมันยังเกี่ยวพันกับอนาคตของทีม และเหล่าสตาร์ดังแบบตรงๆด้วย


ใช่แล้วครับ นั่นคือ เรื่องที่แมนฯซิตี้ โดนทางยูฟ่าลงดาบ แบน 2 ปี จากฟุตบอลสโมสรยุโรป โทษฐานทำผิดกฎการเงิน หรือที่ฝรั่งเรียกกันว่า ไฟแนนซ์เชียล แฟร์ เพลย์ นั่นเอง


14 กุมภาพันธ์ 2020 อาจเป็นวันสีชมพูหวานของคนทั่วโลก ทว่าที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม มันคือวันที่ท้องฟ้าหม่นหมองและมีเมฆสีดำปกคลุม ราวกับกำลังจะถูกพายุลูกใหญ่เดินทางมาเยี่ยมเยียน


มันคือวันที่ ยูฟ่า ประกาศลงโทษพวกเขาจากข้อหาจงใจหลีกเลี่ยงกฏไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ มาโดยตลอดนับตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา


“เราขอประกาศว่าสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้กระทำความผิดเรื่องความตั้งใจฝ่าฝืนกฏไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ ของยูฟ่า ด้วยการแสดงผลกำไรที่ไม่เป็นจริง อีกทั้งยังไม่ให้ความร่วมมือในการสอบสวน”


“ดังนั้นยูฟ่า จึงทำการลงโทษสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยการปรับเงินจำนวน 30 ล้านยูโร และถูกห้ามเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลรายการยุโรป เป็นเวลา 2 ฤดูกาล มีผลตั้งแต่ฤดูกาล 2020-21 เป็นต้นไป”


เหมือนฟ้าผ่าลงกลางเมืองแมนเชสเตอร์เลยนะครับ เพราะมันไม่ได้สร้างแรงกระเพื่อมแค่การปรับเงินหรือถูกแบนในถ้วยยุโรปแค่นั้น แต่บทลงโทษครั้งนี้ มันกำลังจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อไปเป็นทอดๆ บางทีอาจรุนแรงจนถึงขั้นสิ้นสุดยุคทองของเรือใบสีฟ้าเลยก็เป็นได้


เรื่องทั้งหมดมันเริ่มต้นจากสื่อ เยอรมัน ที่ชื่อว่า แดร์ สปิเกล ครับ


สื่อจอมขุดคุ้ยเจ้านี้ได้ค้นพบหลักฐานบางอย่างที่สำคัญ ซึ่งมันสื่อได้ว่าสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั้นเล่นไม่ซื่ิอเกี่ยวกับกฏไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ โดยมีการบิดเบือนข้อมูลทางการเงินที่ส่งให้ ยูฟ่า


วิธีการที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ทำก็คือ พวกเขานำเงินส่วนตัวจากเจ้าของทีมไปยักย้ายใส่ในส่วนของสปอนเซอร์ผู้สนับสนุนทีม เช่น ส่งรายงานให้ยูฟ่าว่าสโมสรมีรายรับจากสปอนเซอร์เจ้านี้เป็นจำนวนเงินปีละ 15 ล้าน แต่สปอนเซอร์นั้นจ่ายมาจริงเพียง 3 ล้าน ส่วนต่างอีก 12 ล้านคือเงินที่เจ้าของทีมเอามาโปะให้




นั่นเท่ากับว่า เมื่อยื่นบัญชีส่งให้ยูฟ่าตรวจสอบในทุกๆ ปี ตัวเลขรายรับ-รายจ่ายของพวกเขาก็จะอยู่ในเกณฑ์ที่ ยูฟ่า ตั้งไว้มาโดยตลอด และทำให้พวกเขาสามารถใช้เงินเสริมทัพได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยไม่ต้องพะวงเรื่องสมดุลบัญชีเหมือนทีมอื่นๆ เลย เพราะไม่ว่าพวกเขาจะใช้จ่ายไปมากขนาดไหน พวกเขาก็จะใช้วิธีนี้มาตกแต่งตัวเลขในบัญชีให้ตรงตามเกณฑ์อยู่เสมอ


พอสื่อเยอรมันเปิดเผยข้อมูลนี้ออกไป จึงเข้าทาง ยูฟ่า ในทันที เพราะทางยูฟ่าเองก็หมายหัว แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มานานแล้ว ซึ่งถ้าหากย้อนกลับไปดูวีรกรรมเก่าๆ จะพบว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้​ นั้นเคยถูกเตือนมาแล้วครั้งนึงในปี 2014 พร้อมๆ กับทีมอื่นๆ อีก 7 ทีม ได้แก่ กาลาตาซาราย, แทร๊ปซอนสปอร์, บูร์ซาสปอร์, เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก, อันจิ มาคาชคาล่า, รูบิน คาซาน และเลฟสกี้ โซเฟีย


โดยในคราวนั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้​ ถูกลงโทษด้วยการปรับเงิน 60 ล้านยูโร แต่หากภายใน 3 ปีต่อจากนั้นไม่ทำผิดกฏอีก ยูฟ่าจะทยอยคืนเงินค่าปรับให้ 40 ล้านยูโร ในปี 2017 ขณะเดียวกันพวกเขายังถูกลงโทษด้วยการลดจำนวนนักเตะที่ส่งเล่นใน แชมเปี้ยนส์ ลีก จาก 25 เหลือแค่ 21 คนอีกด้วย


ซึ่งว่ากันตามจริงแล้ว โทษคราวนั้นก็นับว่าหนักและน่าจะทำให้พวกเขาเข็ดได้แล้วนะครับ แต่ตรงกันข้าม แมนเชสเตอร์​ ซิตี้ เหมือนย่ามใจ ไม่ยี่หระต่อโทษข้างต้นแม้แต่น้อย กลับคิดค้นหาทางซอกแซกจนถูกจับได้อีกครั้ง


และกับคราวนี้ บทลงโทษที่ได้รับมันหนักกว่า สาหัสกว่า แถมยังหาช่องดิ้นเพื่อหลุดคดียากกว่าอีกต่่างหาก

… 


ผมค่อนข้างมั่นใจว่าแมนเชสเตอร์​ ซิตี้ จะเอาตัวรอดจากวิกฤติคราวนี้ไม่ได้ เนื่องจากทางยูฟ่าเองคงต้องรวบรวมหลักฐานต่างๆ มามากพอจนมั่นใจแล้วว่าการเปิดหน้าลงดาบคราวนี้ พวกเขาจะไม่เสียท่าให้กับความเป็นศรีธนญชัยของทัพเรือใบสีฟ้าอีกแล้ว 


อีกทั้ง การลงโทษคราวนี้ ยังน่าจะเป็นการเชือดไก่ให้ให้ทีมอื่นๆ ในยุโรปที่พยายามหาทางซอกแซกแบบแมนเชสเตอร์​ ซิตี้ ได้ดู เพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลมไปอีกทางด้วย 


ถึงอย่างไรก็ดี แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ได้ทำการยื่นอุทธรณ์กับบทลงโทษในคดีดังกล่าวอย่างทันท่วงทีเช่นกัน


“พวกเรารู้สึกผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้ประหลาดใจไปกับแถลงการณ์ของคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดยูฟ่าในวันนี้” 


“นี่คือคดีที่เริ่มต้นโดยยูฟ่า, ดำเนินคดีโดยยูฟ่า และก็ตัดสินโดยยูฟ่า เราจะทำการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลกีฬาโลกให้เร็วที่สุด”


ซึ่งเรือใบสีฟ้าก็ทำจริงๆ ครับ พวกเขามองว่านี่คือการพิจารณาคดีที่เต็มไปด้วยอคติและไม่เป็นธรรมสักเท่าไหร่ เพราะกระบวนการทุกอย่างถูกจัดทำโดยยูฟ่าเพียงองค์กรเดียว เขาจึงได้ไปยื่นอุทธรณ์ต่อศาลกีฬาโลก หรือ ซีเอสเอ ทันที


วันที่ 20 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ศาลกีฬาโลกได้ตอบรับคำอุทธรณ์ดังกล่าวและกำหนดวันพิจารณาคดีนี้อีกครั้งในช่วงระหว่างวันที่ 8-10 มิถุนายน 


ซึ่งผลการตัดสินครั้งนี้ไม่ว่าจะออกหัวหรือออกก้อย ยังไงก็จะมีผลกระทบที่ทัพเรือใบยังคงต้องตามแก้ปัญหาตามมาอีกกระบุงโกยอย่างแน่นอน

… 


ทีนี้ผลกระทบอย่างแรกที่ตามมาหลังจากแมนเชสเตอร์​ ซิตี้ ถูกลงโทษห้ามเล่นฟุตบอลยุโรปเป็นเวลา 2 ฤดูกาล นั่นก็คือเหล่าบรรดานักเตะซูเปอร์สตาร์ในทีมจะอยู่ต่อ หรือจะย้ายออก เพื่อหาโอกาสได้ลงเล่นในถ้วยใบที่เป็นเหมือนพรมแดงของโลกฟุตบอลอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก


ซึ่งผมมองว่ามีแนวโน้มจะ “ย้ายออก” กันมากกว่าจะอยู่ต่อนะครับ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้


  1. ไม่ได้เล่นฟุตบอลยุโรป

นี่น่าจะเป็นเหตุผลหลักเลย อย่างที่รู้กันว่าในปัจจุบัน ถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็เปรียบเหมือนถ้วยฟุตบอลโลกในระดับสโมสรไปแล้ว ใครๆ ก็อยากลงเล่นและยังเป็นเวทีสร้างชื่อที่สำคัญที่สุดอีกด้วย 


ดังนั้น ในเมื่อต้นสังกัดถูกแบนจากถ้วยใบนี้ตั้ง 2 ปี การย้ายออกไปเพื่อหาความท้าทายใหม่ที่อื่น น่าจะเป็นทางออกที่เหล่าซูเปอร์สตาร์ทั้งหลายเลือกเดินอย่างแน่นอน


คิดเล่นๆ ว่านักเตะอย่าง เควิน เดอ บรอยน์, กุน อเกวโร่, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ลีรอย ซาเน่ พวกนี้ยังไม่เคยได้แชมเปี้ยนส์ ลีก กันเลย และถ้าต้องไม่ได้เล่นไปถึง 2 ปี นักเตะระดับนี้จะรอคอยกันได้จริงเหรอ อีกข้อที่สำคัญก็คือ พวกเขาไม่ได้เป็นลูกหม้อของสโมสรหรือมีความเป็นซิตี้เซ่นส์แบบข้นคลั่กอะไรขนาดนั้น การจะหวังเห็นสตาร์เหล่านี้อยู่ช่วยทีมแบบที่ เดล ปิเอโร่ ทำกับยูเวนตุสตอนปี 2006 นั้น ผมว่ามันเกิดขึ้นยากถึงยากมาก 


  1. สโมสรจำต้องขายนักเตะออก เพื่อปรับสมดุลของบัญชี

ในเมื่อถูกลงดาบไปแล้ว แมนเชสเตอร์​ ซิตี้ จำเป็นที่จะต้องหันมาดูแลตัวเลขในบัญชีอย่างโปร่งใสจริงๆ บ้าง ว่ากันตามตรงในเรื่องรายรับจากตั๋วเข้าชมเกม, ของที่ระลึกต่างๆ หรือแม้แต่ฐานแฟนบอลที่พร้อมจะสนับสนุนสินค้าของพวกเขาทั่วโลกนั้น ยังด้อยกว่าอีกหลายๆ ทีมในพรีเมียร์ลีกอยู่เยอะ ไหนจะการไม่ได้เล่นฟุตบอลยุโรปอีก เท่ากับว่าเงินรางวัลจำนวนมหาศาลที่พวกเขาจะได้ต้องหายไปเช่นกัน


วิธีที่จะปรับให้ตัวเลขในบัญชีสมดุลขึ้นมาคือต้องขายนักเตะที่มีค่าเหนื่อยสูงๆ ออกไปจำนวนหนึ่ง ทั้งตัวที่สโมสรอยากขายและตัวที่สโมสรไม่อยากขายแต่นักเตะขอย้ายเอง ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ เอติฮัด ชนิดที่คล้ายกับตอน ยูเวนตุส ถูกปรับตกชั้นในปีิ 2006 เลยทีเดียว


  1. เป๊ป น่าจะวางมือจาก ซิตี้

ข้อนี้มีความเป็นไปได้มากที่สุด และจะส่งผลต่อการตัดสินใจอยู่หรือไม่อยู่ต่อของนักเตะในทีมอีกหลายๆ คนอีกด้วย


ชื่อชั้นของ เป๊ป นั้นยังคงหอมหวานเสมอในแวดวงลูกหนังยุโรป นอกจาก บาร์เซโลน่า ทีมเก่าของเขาที่พร้อมอ้าแขนต้อนรับตลอดเวลาแล้ว ยังมีื ยูเวนตุส กับ เชลซี ที่ตามจีบกุนซือสมองเพชรรายนี้มานานแล้ว ซึ่งว่ากันตามตรง เป๊ปเองก็คงเริ่มหมดสนุกกับการผจญภัยในอังกฤษแล้วเหมือนกัน ยิ่งกับฤดูกาลนี้ที่เขาถูก คลอปป์ พา ลิเวอร์พูล ทิ้งห่างแบบไม่เห็นฝุ่น ยิ่งอาจทำให้เขาตัดสินใจถึงอนาคตง่ายขึ้นอีกเยอะเลย


ผลกระทบระลอกต่อมา และอาจเป็นระลอกที่เลวร้ายที่สุดหากเกิดขึ้นจริง นั่นก็คือหลังจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถูกลงโทษรอบนี้ พวกเขาจะเริ่มถูกควบคุมเรื่องการเงินจากยูฟ่าชนิดที่กระดิกตัวยากมากขึ้น จนอาจทำให้เจ้าของทีมอย่าง ชีค มันซูร์ เริ่มเบื่อของเล่นชิ้นนี้ขึ้นมาดื้อๆ ก็ได้


หากเป็นเช่นนั้นจริง เราอาจได้เห็นเพื่อนบ้านผู้น่ารำคาญของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน​ ทีมนี้ กลับไปเป็นเพื่อนบ้านผู้เงียบเชียบ เหมือนเมื่อ 20 ปีก่อนก็เป็นได้



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด