:::     :::

รวมทีมแข้งแพงห่วยที่สุดในพรีเมียร์ลีก

วันอาทิตย์ที่ 09 สิงหาคม 2563 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
26,158
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อเล็กซิส ซานเชซ เพิ่งจะแยกทางกับ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการดับฝันร้ายตลอด 18 เดือนระหว่างทั้งสองฝ่าย

    กองหน้าทีมชาติชิลีมายัง ผีแดง ในเดือนมกราคม ปี 2018 แบบไร้ค่าตัวจาก อาร์เซน่อล แต่ด้วยค่าเหนื่อยที่จ่ายรวมอย่างเดียวก็ดูเหมือนว่าจะแพงกว่าค่าตัวเสียอีก

    ยูไนเต็ด จ่ายไปรวม 59.3 ล้านปอนด์ในค่าเหนื่อยของ อเล็กซิส และเขาก็ยิงได้เพียง 3 ประตูในพรีเมียร์ลีก เท่านั้น

    นั่นหมายความว่าสโมสรจ่ายเงินให้ อเล็กซิส ถึง 19.8 ล้านปอนด์ต่อหนึ่งครั้งที่เขาส่งบอลซุกก้นตาข่าย ในความจริงมันมีการแฉออกมาว่าเขาได้รับถึง 28,000 ปอนด์ในแต่ละครั้งที่สัมผัสบอลในสีเสื้อ ผีแดง ด้วย

    ช่างเป็นอะไรที่ไร้สาระสิ้นดี

    ตอนนี้เขาได้ย้ายไปยัง อินเตอร์ มิลาน ด้วยข้อตกลงที่ถาวรแล้ว

    กรณีของเขามันจึงน่าสนใจต่อการจัด 11 ตัวจริงของทีมราคาแพงที่ล้มเหลวมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก

ผู้รักษาประตู

เกปา อาร์รีซาบาลาก้า (เชลซี - 71.6 ล้านปอนด์)

    หลังขาย ติโบต์ กูร์กตัวส์ ออกไป เชลซี ก็ต้องการผู้รักษาประตูคนใหม่ และพวกเขาก็ทุ่มเงินฉีกสัญญา เกปา มาร่วมทีม จนกลายเป็นนายทวารค่าตัวแพงที่สุดในโลก

    แต่ 24 เดือนต่อมา กลายเป็นว่า แฟร้งค์ แลมพาร์ด พยายามที่จะขายเขาออกไป หลังจากทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังมาตลอด 2 ซีซั่นในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์

    เขาไม่เพียงแค่ล้มเหลวในการสร้างความเชื่อมั่นให้แนวรับเท่านั้น แต่ เกปา ยังมีค่าเหนื่อยสูงที่สุดเป็นอันดับสองในทีม สิงห์บลูส์ ที่ 150,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ด้วย


แบ็กขวา

แซร์ช โอริเย่ร์ (สเปอร์ส - 23 ล้านปอนด์)

    โอเค การติดทีมชุดนี้ของเขาอาจดูรุนแรงเกินจริงไปหน่อย เพราะราคา 23 ล้านปอนด์ ก็ไม่ได้ถือว่ามากจนเกินไป เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ในทีม และ โอริเย่ร์ ก็ไม่ได้ล้มเหลวอะไรมากมายกับ สเปอร์ส

    แต่ก็เช่นเดียวกับ ดาวินซอน ซานเชซ เขาไม่ได้ช่วยยกระดับแนวรับ ไก่เดือยทอง อะไรมากมายทั้งที่จ่ายไปเยอะ เขาลงเล่นในพรีเมียร์ลีกไป 58 นัดจาก 3 ฤดูกาล และยังได้รับบาดเจ็บอีกหลายหนด้วย


เซนเตอร์แบ็ก

ดาวินซอน ซานเชซ (สเปอร์ส - 42 ล้านปอนด์)

    ซานเชซ ทุบสถิติค่าตัวแพงที่สุดของสโมสรในตอนที่ถูกเซ็นสัญญามา เมื่อปี 2017 แต่เขาก็ไม่ได้ช่วยอะไรทีมจากนอร์ทลอนดอนมากมาย

    ปราการหลังโคลอมเบียต้องกลายเป็นตัวสำรองของทั้ง โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ และ ยาน แฟร์ต็องเก้น ในบางครั้งด้วย และยังดูไม่คุ้มกับราคาค่าตัวของเขาเลย


เซนเตอร์แบ็ก

เอเลียควิม ม็องกาล่า (แมนฯ ซิตี้ - 43.5 ล้านปอนด์)

    แมนฯ ซิตี้ กล้าจ่ายถึง 43.5 ล้านปอนด์ คว้า ม็องกาล่า มาจาก ปอร์โต้ เมื่อปี 2014 จากนั้นก็จ่ายค่าเหนื่อยรวมอีก 12.5 ล้านปอนด์ ให้กับเขา เขาลงเล่นเพียงแค่ 57 นัดในพรีเมียร์ลีก

    นั่นหมายความว่า เรือใบ แทบจะจ่ายค่าตัวเขานัดละ 1 ล้านปอนด์ในลีกเลยทีเดียว ก่อนที่ถูกปล่อยยืมไปให้กับ บาเลนเซีย และ เอฟเวอร์ตัน ไม่มีอะไรจะแย่กว่านี้อีกแล้ว


แบ็กซ้าย

แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ (แมนฯ ซิตี้ - 52 ล้านปอนด์)

    เมนดี้ มายัง เรือใบ ด้วยค่าตัว 52 ล้านปอนด์ ในปี 2017 แต่เขาก็เพิ่งจะลงเล่นไปเพียงแค่ 53 นัดเท่านั้นในทุกรายการ

    เขาต้องพลาดไปถึง 85 เกมด้วยอาการบาดเจ็บ และแม้จะฟิตแล้ว ทว่าดาวเตะเฟร้นช์แมนก็ยังไม่มีอะไรที่น่าประทับใจในทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เลย


ปีกขวา

อังเคล ดิ มาเรีย (แมนฯ ยูไนเต็ด - 59.7 ล้านปอนด์)

    ดิ มาเรีย มายังถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในปี 2014 ด้วยความหวังของหมู่มวลมนุษยชาติ แต่สิ่งนั้นกลับไม่เกิดขึ้น เขารับค่าเหนื่อย 280,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และนั่นไม่มีความคุ้มเลย

    ปีกรายนี้ล้มเหลวในทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล และก็อยู่ได้เพียง 12 เดือนก่อนถูกขายไปให้ เปแอสเช จากนั้นเขาก็คืนฟอร์มด้วยการยิงได้ถึง 81 ประตู และทำอีก 87 แอสซิสต์ให้กับทีมจากฝรั่งเศส


กองกลาง

ตีเยมูเอ้ บากาโยโก้ (เชลซี - 40 ล้านปอนด์)

    หลายคนแทบลืมไปแล้วว่า บากาโยโก้ ยังเป็นนักเตะของ เชลซี เขาแทบจะเป็นการเซ็นสัญญาที่เลวร้ายที่สุดของสโมสรในช่วงไม่กี่ปีหลัง

    เขาลงสนามเพียง 29 นัดจาก 3 ปี กับ สิงห์บลูส์ และไม่มีทางมาอยู่ในแผนการทำทีมของ แลมพาร์ด หลังถูกปล่อยยืมไปให้กับ มิลาน และ โมนาโก

    เรายังไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนในฤดูกาลหน้า แต่ที่แน่ๆ ก็คือไม่ใช่ถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ อย่างแน่นอน


กองกลาง

แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ (เชลซี - 34 ล้านปอนด์)

    เรากำลังคุยถึงนักเตะที่ไม่น่าจะมีโอกาสเล่นในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ อีกคน ซึ่งนั่นก็คือ ดริงค์วอเตอร์

    เขาติดตาม เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มาจาก เลสเตอร์ แต่ทั้งสองกลับมาเส้นทางอาชีพที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว

    ดริงค์วอเตอร์ ไม่เคยสร้างชื่อได้เลยในถิ่นลอนดอน และตั้งแต่นั้นเขาก็ถูกปล่อยยืมไปให้กับทั้ง เบิร์นลี่ย์ และ แอสตัน วิลล่า ซึ่งก็ไม่มีที่ไหนประสบความสำเร็จเลย


ปีกซ้าย

อเล็กซิส ซานเชซ (แมนฯ ยูไนเต็ด - ฟรี)

    แมนฯ ยูไนเต็ด อาจไม่ต้องจ่ายเงินเลย เพราะ อเล็กซิส นั้นถูกแลกตัวกับ เฮนริค มคิทาร์ยาน

    แต่เมื่อมองไปยังค่าเหนื่อยแล้ว ต้องบอกว่า 'อะไรวะเนี่ย!' 59.3 ล้านปอนด์ ผีแดง ถูกประเมินว่าต้องจ่ายให้เขา 19.8 ล้านปอนด์ต่อหนึ่งประตูในลีก และ 28,000 ปอนด์ต่อแต่ละครั้งที่สัมผัสบอลด้วย ยังดีที่ตอนนี้มันจบลงแล้ว


กองหน้า

เฟร์นานโด ตอร์เรส (เชลซี - 50 ล้านปอนด์)

    ตอร์เรส คือความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของ เชลซี เขาย้ายมายังถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ แต่เราก็ไม่เคยเห็นฟอร์มในแบบที่เขาทำได้กับ ลิเวอร์พูล อีกเลย

    เขายิงได้เพียง 20 ประตูในลีกจาก 110 เกม และนอกเหนือจากค่าตัวอันมหาศาลแล้ว สิงห์บลูส์ ก็ยังต้องจ่ายค่าจ้างอีก 150,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ด้วย


กองหน้า

แอนดี้ แคร์โรลล์ (ลิเวอร์พูล - 35 ล้านปอนด์)

    หากจะบอกว่านี่คือการซื้อตัวที่ตื่นตระหนกก็คงไม่ผิด มันเกิดขึ้นเพื่อนำเขามาแทนที่ ตอร์เรส อย่างเร่งด่วน จาก นิวคาสเซิ่ล

    เขาไม่ได้ลงเล่นเลยตลอ 2 เดือนแรกหลังจากย้ายมา เนื่องด้วยอาการบาดเจ็บที่ติดตัว และในที่สุด เมื่อเขาได้ลงสนามก็กลับสร้างแต่ความผิดหวัง

    แคร์โรลล์ ยิงไปแค่ 6 ประตู จาก 42 นัดในพรีเมียร์ลีก ให้ หงส์แดง และนับแต่นั้นเขาก็ถูกขายไป เวสต์แฮม แบบขาดทุน และปัจจุบันก็อยู่ที่บ้านเก่าอย่าง นิวคาสเซิ่ล

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด