วิลเลี่ยน รับใช้ เชลซี มานาน 7 ฤดูกาลเต็ม หรือตั้งแต่ปี 2013 ที่ย้ายมาจาก ชัคตาร์ โดเนทส์ค ก่อนตัดสินใจยุติการค้าแข้งที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ หลังสัญญาสิ้นสุดเพื่อเดินหน้าหาความท้าทายใหม่
ทุกสื่อรายงานตรงกันว่า วิลเลี่ยน ที่เพิ่งอายุครบ 32 ปี ตอบตกลงย้ายร่วมทีม อาร์เซน่อล เป็นที่เรียบร้อยหลังได้สัญญา 3 ปีตามต้องการ ขณะที่สัญญาใหม่ที่ เชลซี ยื่นให้มีระยะเวลาเพียง 2 ปี
แม้ในสนาม อาร์เซน่อล กับ เชลซี จะเป็นทีมร่วมกรุงลอนดอนที่เคยผลัดกันขึ้นครองความยิ่งใหญ่ เช่นเดียวกับในปัจจุบันเป็นคู่แข่งแย่งโควตายุโรปในฤดูกาลหลังและเพิ่งเจอกันมาในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ แต่ในเรื่องตลาดซื้อ-ขาย การย้ายตัวระหว่างสองทีมนี้กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
นับเฉพาะในยุคพรีเมียร์ลีก มีนักเตะถึง 10 คนที่เคยเล่นให้ อาร์เซน่อล และ เชลซี ซึ่งมีทั้งย้ายจาก อาร์เซน่อล ไปเล่นให้ เชลซี หรือย้ายจาก เชลซี มาเล่นให้ อาร์เซน่อล รวมถึงไปค้าแข้งกับทีมอื่นก่อนคั่นกลางระหว่างสองทีมนี้
วันนี้เราจะพาย้อนกลับไปดูกันว่า 10 นักเตะที่เคยผ่านการเล่นให้ "ปืนใหญ่" และ "สิงห์บลูส์" มีใครกันบ้าง ก่อนที่ วิลเลี่ยน จะกลายเป็นคนที่ 11 ในเร็วๆ นี้
1. นิโกล่าส์ อเนลก้า
อาร์เซน่อล : 1997-1999
เชลซี : 2008-2012
อาร์แซน เวนเกอร์ ดึงตัว นิโกล่าส์ อเนลก้า ตอนที่ยังเป็นวัยรุ่นมาจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในช่วงต้นปี 1996 ด้วยค่าตัวเพียง 5 แสนปอนด์
อเนลก้า พัฒนาตัวเองขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดในช่วงเวลาไม่กี่ปีกับ อาร์เซน่อล โดยเป็นอีกหนึ่งตัวสำคัญของทีมในฤดูกาล 1997-98 ที่ช่วยทีมได้ "ดับเบิ้ลแชมป์" หลังได้โอกาสอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ เอียน ไรท์ ดาวยิงจอมเก๋าได้รับบาดเจ็บ
ฤดูกาลต่อมา อเนลก้า ยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมและโชว์พรสวรรค์อันจัดจ้านออกมาอย่างเต็มที่จนก้าวไปติดทีมชาติฝรั่งเศส และพอจบฤดูกาลก็ได้ย้ายร่วมทีม เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวถึง 22.5 ล้านปอนด์ หรือเพิ่มขึ้นเกือบห้าสิบเท่าในเวลาเพียง 2 ปีเศษ
อเนลก้า เล่นให้ เชลซี ในปี 2008 ที่ย้ายมาจาก โบลตัน โดยทำผลงานได้ยอดเยี่ยมทีเดียวด้วยการยิงไป 59 ประตูจาก 125 นัด พาทัพสิงห์บลูส์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 1 สมัย และเอฟเอ คัพ อีก 2 สมัย
2. เอ็มมานูเอล เปอตีต์
อาร์เซน่อล : 1997-2000
เชลซี : 2001-2004
เอ็มมานูเอล เปอตีต์ เป็นหนึ่งในแข้งฝรั่งเศสของ อาร์เซน่อล ยุคแรกที่ อาร์แซน เวนเกอร์ คุมทีม โดยย้ายมาจาก โมนาโก ในปี 1997 และได้พาทีมได้ดับเบิ้ลแชมป์ทันทีในฤดูกาลแรก
เปอตีต์ ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในช่วง 3 ฤดูกาลกับทีม การจับคู่ของเขากับ ปาทริค วิเอร่า เพื่อนร่วมชาติฝรั่งเศสได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในคู่มิดฟิลด์ที่ดีที่สุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกและทั้งคู่ก็ได้แชมป์โลกด้วยกันในปี 1998 อีกด้วย
กองกลางผมยาวย้ายไปร่วมทีม บาร์เซโลน่า ในปี 2000 พร้อมกับ มาร์ค โอเวอร์มาร์ส แต่เพียงฤดูกาลเดียวก็หวนคืนพรีเมียร์ลีกร่วมทีม เชลซี ทว่าก็เป็นช่วงปลายอาชีพแล้วทำให้ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก
3. วิลเลี่ยม กัลลาส
เชลซี : 2001-2006
อาร์เซน่อล : 2006-2010
อดีตกองหลังทีมชาติฝรั่งเศสย้ายร่วมทีม อาร์เซน่อล ในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายซัมเมอร์ 2006 หลังไม่พอใจสัญญาใหม่ที่ เชลซี ยื่นให้ โดยสลับขั้วกับ แอชลีย์ โคลล์ ที่ข้ามฟากไปอยู่ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์
กัลเลส เคยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกกับ เชลซี 2 สมัยในฤดูกาล 2004-05 และ 2005-06 ทำให้การย้ายมา อาร์เซน่อล จึงได้รับหน้าที่กัปตันทีมต่อจาก เธียรี่ อองรี ที่ย้ายไปอยู่ บาร์เซโลน่า ในปี 2007
ในฤดูกาลแรกที่รับหน้าที่กัปตันทีม กัลลาส ช่วยให้ อาร์เซน่อล มีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกนับจากฤดูกาล 2003-04 แต่สุดท้ายจบอันดับ 3 ของตาราง ตามหลังทีมแชมป์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4 คะแนน
หลังจากนั้นปี 2010 แนวรับเลือดน้ำหอมย้ายไปอยู่อีกทีมลอนดอนอย่าง สเปอร์ส และทำให้กลายเป็นนักเตะประวัติศาสตร์ที่เคยเล่นให้ทั้ง เชลซี, อาร์เซน่อล และ สเปอร์ส
4. แอชลี่ย์ โคล
อาร์เซน่อล : 1999-2006
เชลซี : 2006-2014
แอชลี่ย์ โคล คือแข้งดังหลายแรกที่ย้ายตรงจาก อาร์เซน่อล ไปร่วมทีม เชลซี ในยุคพรีเมียร์ลีก โดยสลับขั้วกับ วิลเลี่ยม กัลลาส
โคล เป็นเด็กฝึก อาร์เซน่อล ที่ก้าวขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ในปี 1999 ก่อนประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งดับเบิ้ลแชมป์ในปี 2002 และแชมป์ไร้พ่ายในปี 2004 รวมถึงเกือบเป็นแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2006 ที่พ่ายต่อ บาร์เซโลน่า หวุดหวิด
แบ็กซ้ายทีมชาติอังกฤษย้ายไป เชลซี ในช่วงเวลาที่ทัพ "สิงห์บลูส์" กำลังเดินหน้าโกยแชมป์ต่อเนื่องทำให้เขาประสบความสำเร็จกวาดโทรฟี่หลายรายการทั้งแชมป์พรีเมียร์ลีก, แชมป์ลีก คัพ, แชมป์เอฟเอ คัพ (4 สมัย), แชมป์ยูโรปา ลีก และแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก
โคล เพิ่งแขวนสตั๊ดไปเมื่อปีที่แล้ว โดยเป็นนักเตะที่คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มากสุดตลอดกาล 7 สมัยซึ่งเกิดขึ้นกับการเล่นให้ อาร์เซน่อล และ เชลซี
5. ลาสซาน่า ดิยาร่า
เชลซี : 2005-2007
อาร์เซน่อล : 2007-2008
ลาสซาน่า ดิยาร่า เป็กเด็กฝึกของ เลอ อาร์ฟ ก่อนย้ายร่วมทีม เชลซี ในปี 2005 ทว่าก็ไม่ได้ลงสนามมากนักตลอด 2 ปีเศษกับทีมที่ได้ลงเล่นเพียง 31 นัด
กองกลางชาวฝรั่งเศสย้ายร่วมทีม อาร์เซน่อล ในช่วงวันเดดไลน์ปี 2007 แต่เส้นทางการค้าแข้งกับ "ปืนใหญ่" ยังไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิมมากขึ้นกว่าเดิมเลย โดยตลอดได้ลงสนามเพียง 13 เกมทุกรายการเท่านั้น
ก่อนที่ในช่วงตลาดหน้าหนาวเดือนมกราคมปี 2018 จะถูก พอร์ทสมัธ คว้าตัวไปร่วมทีม และมีส่วนช่วยทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ และชีวิตหลังจากนั้นได้โอกาสเล่นให้ทีมใหญ่ทั้ง เรอัล มาดริด รวมถึง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่เป็นต้นสังกัดสุดท้ายก่อนแขวนสตั๊ดเมื่อปีที่แล้ว
6. ยอสซี่ เบนายูน
เชลซี : 2010-2013
อาร์เซน่อล : 2011/12
ยอสซี่ เบนายูน แจ้งเกิดกับ มัคคาบี้ ไฮฟา ในอิสราเอลก่อนย้ายร่วมทีม ราซิ่ง ซานตานเดร์ ในสเปน ต่อด้วย เวสต์แฮม ในปี 2005 ตามด้วย ลิเวอร์พูล ในอีก 2 ปีถัดมา
ช่วงเวลากับ เชลซี ของ เบนายูน ไม่ประสบความสำเร็จนักเพราะได้ลงเล่นเพียง 24 นัดก่อนย้ายไปเล่นให้ อาร์เซน่อล ในรูปแบบการยืมตัวในฤดูกาล 2011/12 โดยตอนนั้นทีม "ปืนใหญ่" เพิ่งปล่อยตัว เชส ฟาเบรกาส และ ซามีร์ นาสรี่ ออกจากทีม
เบนายูน ได้มีโอกาสลงเล่นมากขึ้นที่ อาร์เซน่อล จากสถิติ 25 นัดทุกรายการและยิงได้ 6 ประตู แต่ก็อยู่ได้เพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น และย้ายไปเล่นให้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ด้วยสัญญายืมตัว
7. เชส ฟาเบรกาส
อาร์เซน่อล : 2003-2011
เชลซี : 2014-2019
อดีตกองกลางทีมชาติสเปนถูก อาร์แซน เวนเกอร์ ดึงตัวมาร่วมทีมในปี 2003 ขณะอายุเพียง 16 ปี โดยเขาใช้เวลาในทีมเยาวชนหนึ่งฤดูกาลก่อนก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักในฤดูกาล 2004-05
ด้วยพรสวรรค์ที่เต็มเปี่ยมทำให้ ฟาเบรกาส แจ้งเกิดเต็มตัวกับการเล่นให้ อาร์เซน่อล จนกระทั่งได้รับความไว้วางใจให้เป็นกัปตันทีมตั้งแต่อายุ 21 ปี ก่อนที่จะย้ายกลับ บาร์เซโลน่า ในปี 2011
ฟาเบรกาส ได้ลงเล่นพอสมควรกับบาร์ซ่า ทว่าสุดท้ายก็ไม่สามารถเบียดตำแหน่งของ ชาบี เอร์นานเดซ กับ อันเดรส อีเนียสต้า ได้ทำให้ย้ายกลับพรีเมียร์ลีกร่วมทีม เชลซี ในปี 2014 ในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ โดยพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ 2 สมัยก่อนย้ายไปร่วมทีม โมนาโก เมื่อต้นปีที่แล้ว
8. ปีเตอร์ เช็ก
เชลซี : 2004-2015
อาร์เซน่อล : 2015-ปัจจุบัน
ปีเตอร์ เช็ก ย้ายร่วมทีม เชลซี ในปี 2004 ซึ่งเป็นยุคแรกหลัง โรมัน อบราโมวิช เข้ามาเทกโอเวอร์
ตลอดช่วงเวลา 11 ปีในสแตมฟอร์ด บริดจ์ เช็ก ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนายทวารที่ดีที่สุดอีกคนของพรีเมียร์ลีก โดยช่วยทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ อย่างละ 4 สมัย รวมถึงแชมป์ยูโรปา ลีก และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกด้วย
อย่างไรก็ตามการมาของ ติโบ กูร์กตัวส์ ทำให้เขาต้องกลายเป็นมือสอง ทำให้ตัดสินใจย้ายมาเล่นให้ อาร์เซน่อล ในปี 2015 ซึ่งในช่วง 3 ฤดูกาลแรกก็สามารถยึดมือหนึ่งของ "ปืนใหญ่" ได้ก่อนเป็นสำรองในฤดูกาลสุดท้าย
นัดสุดท้ายของ เช็ก กับ อาร์เซน่อล คือยูโรปา ลีก รอบชิงชนะเลิศ ปี 2019 ที่ "ปืนใหญ่" แพ้ยับ 1-4 ก่อนที่ เช็ก จะแขวนถุงมือและกลับไปทำงานบริหารให้กับ เชลซี
9. โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
อาร์เซน่อล : 2012-2018
เชลซี : 2018-ปัจจุบัน
โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เป็นหนึ่งใน 3 ผู้เล่นเกมรุกที่ อาร์เซน่อล ดึงมาร่วมทีมในปี 2012 เพื่อทดแทนการจากไปของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ที่ย้ายไปร่วมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด โดยตอนนั้น ชิรูด์ เพิ่งพา มงต์เปลลิเย่ร์ คว้าแชมป์ลีก เอิง มาครอง
ชิรูด์ เล่นให้ "ปืนใหญ่" นาน 5 ปีครึ่ง สถิติการทำประตูถือว่าน่าพอใจด้วยผลงาน 105 ประตูกับอีก 41 แอสซิสต์ จาก 253 นัด พาทีมได้แชมป์เอฟเอ คัพ 3 สมัย
ด้วยรูปแบบการเล่นที่เปลี่ยนไปทำให้ ชิรูด์ ไม่อยู่ในแผนของ อาร์แซน เวนเกอร์ และได้ย้ายไปร่วมทีม เชลซี ในต้นปี 2018 ซึ่งเขาก็ได้แชมป์เอฟเอ คัพ กับทีมในปีนั้นทันที
ฤดูกาลต่อมา ชิรูด์ คว้าแชมป์ยูโรปา ลีก กับ เชลซี โดยที่รอบชิงชนะเลิศ เขาโหม่งทำประตูทีมเก่า อาร์เซน่อล ได้ด้วยในเกมที่สิงห์บลูส์เก็บชัยชนะขาดลอย 4-1 และดับฝันปืนใหญ่ที่ลุ้นคว้าตั๋วไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก
ปัจจุบัน ชิรูด์ ยังคงค้าแข้งกับ เชลซี โดยที่กลับมาทำผลงานได้ดีในช่วงท้ายฤดูกาลจนพาทีมคว้าตั๋วไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ รวมถึงเข้าชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ แต่ว่าแพ้ต่อ อาร์เซน่อล 1-2
10. ดาวิด ลุยซ์
เชลซี : 2011-2014 และ 2016-2019
อาร์เซน่อล : 2019-ปัจจุบัน
ปราการหลังบราซิเลียนเล่นให้ เชลซี 2 ช่วง โดยช่วงแรกระหว่างปี 2011 ถึง 2014 ที่ได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูโรปา ลีก และเอฟเอ คัพ จากนั้นย้ายไป ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 2 ฤดูกาลก่อนย้ายกลับมา เชลซี อีกรอบ
ในรอบ 2 ที่เดอะ บริดจ์ ลุยซ์ ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และยูโรปา ลีก ก่อนข้ามฟากย้ายร่วมทีม อาร์เซน่อล ในซัมเมอร์ 2019 พร้อมกลายเป็นกำลังหลักของทีมทันทีด้วยการลงเล่น 43 นัดในทุกรายการ ช่วยทีมคว้าแชมป์เอฟ เอ คัพ ได้สำเร็จ
แม้ช่วงที่ผ่านมา ลุยซ์ จะถูกวิจารณ์อย่างหนักหลังโชว์ข้อผิดพลาดให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็แสดงให้เห็นว่ายังสามารถช่วยทีมในเกมสำคัญได้ จนได้รับการขยายสัญญาเพิ่มอีก 1 ปี
