ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 74 ปีที่ทีมโดนคู่แข่งทะลวงตาข่ายถึง 8 ลูกในนัดเดียว ซึ่งต้องบอกว่าหากคุณเกิดทันเกมเมื่้อปี 1946 ตอนนี้คุณคงเป็นถึงคุณทวดไปแล้ว ถ้ายังมีชีวิตอยู่แต่เชื่อว่าคงมีอยู่ไม่มากนัก

เพราะหากนับตั้งแต่เริ่มดูบอลรู้เรื่องสัก 10 ขวบ คุณก็คงอายุ 84 ปีที่ได้เห็นความเละเทะของทีมครั้งก่อนหน้านี้ (แพ้ เซบีย่า 0-8 ในเกมโกปา เดล เรย์) และได้อยู่เห็นมันอีกครั้งในเกมล่าสุด

แน่นอนว่า กีเก้ เซเตียน ผู้เป็นกุนซือคือคนที่ต้องรับไปเต็มๆ ตามด้วยนักเตะ และหนึ่งในนั้นที่ต้องรับผิดชอบด้วยก็คือ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ประธานสโมสรนั่นเอง

นอกจากมันจะเป็นความพ่ายแพ้ที่น่าอับอายแล้ว นี่ยังถือเป็นปีอันล้มเหลวอย่างไม่น่าให้อภัยของทัพ "อาซูลกราน่า" ทั้งซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า ที่ไปก่อนเพื่อนหลังพ่าย แอตเลติโก มาดริด ตามด้วยการตกรอบโกปา เดล เรย์ ซ้ำในลา ลีกา สเปนที่นำอยู่ดีๆก็แผ่วจนโดนแซง

กระทั่งในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกนี่แหละ

สิ่งหนึ่งที่เป็นประเด็นขึ้นมาให้พูดถึงคือเรื่องของการเสริมทัพที่ดูเหมือนว่าช่วงหลังนักเตะที่ทีมดึงเข้ามาผลงานแทบจะเทไปทางน่าผิดหวังซะเป็นส่วนใหญ่ในยุคของ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ที่ทำหน้าที่ประธานสโมสรตั้งแต่ปี 2014 ทั้งที่แต่ละคนค่าตัวก็ไม่ใช่น้อยๆ

หรือจะบอกว่าเกือบทุกคนที่เสริมทีมเป็นการตำน้ำพริกละลายแม้น้ำทั้งสิ้น 

มีแค่ในปีแรกเท่านั้นที่ได้แข้งคนสำคัญจนถึงปัจจุบันอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ, อีวาน ราคิติช และ มาร์ค-อันเดร แทร์ ชเตเก้น ส่วนที่เหลือค่อนไปทางน่าผิดหวังเกือบหมดจากกว่า 30 คนที่เสริมทัพ

ส่วนใครจะน่าผิดหวังที่สุดไปดูกัน

อุสมาน เดมเบเล่

ค่าตัว : 145 ล้านยูโร

เม็ดเงินจำนวนมหาศาลถูกจ่ายไปกับนักเตะที่พักรักษาตัวเป็นส่วนใหญ่ ถือเป็นสิ่งที่สโมสรก็ไม่ต้องการทั้งนั้น

จริงอยู่ว่าอาจจะแรงเกินไปหน่อยที่จะโยนความผิดไปให้กับ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว แต่ในฐานะประธานสโมสรคุณต้องยืดอกรับผิดก่อนคนอื่น

แข้งริมเส้นทีมชาติฝรั่งเศสถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีพรสวรรค์สูงและมีฝีเท้าไม่ธรรมดาจริงๆ แต่การที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับการรักษาตัวแทบจะตลอด เจ็บแล้วก็หายแล้วก็เจ็บอยู่อย่างนี้จนกลายเป็นเรื่องที่ชินชาไปแล้วสำหรับแฟนบอล

นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมเมื่อปี 2017 อุสมาน เดมเบเล่ ลงสนามไปเพียง 74 เกมเท่านั้น หรือจะบอกว่าพลาดลงสนามมากกว่าที่ได้ลงสนามซะอีก ซึ่งในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาเจ้าตัวสตาร์ทตัวจริงในเกมลา ลีกา สเปนแค่ 35 เกม ไม่ถึงหนึ่งฤดูกาลด้วยซ้ำ

ตอนนี้ทีมเริ่มจะหาทางออกด้วยการขายแข้งกระดูกเปราะรายนี้ออกจากทีมไปซะแม้ว่าจะยังเหลือเส้นทางค้าแข้งอีกยาวนาน แต่กับสิ่งที่ทีมต้องเจอมาตลอด 3 ปีมันก็เกินทนแล้วจริงๆ

ซามูแอล อูมติตี้

ค่าตัว : 25 ล้านยูโร

แฟนบอล บาร์เซโลน่า เกือบทั้งหมดไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของกองหลังอย่าง ซามูแอล อูมติตี้ มาก่อน กระทั่งทีมดึงตัวมาร่วมทีมจาก ลียง ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ 

ถือเป็นการเดินหน้าที่ประสบความสำเร็จสำหรับนักเตะด้วยการติดทีมชาติลุยยูโร 2016 แบบมีโชคแทน เฌเรมี มาติเยอ ที่เจ็บ จากนั้นก็ประเดิมเกมในรอบก่อนรองชนะเลิศแทนที่ อาดิล รามี่ ที่ติดโทษแลบนแถมทำผลงานได้ดีช่วยทีมถล่ม ไอซ์แลนด์ 5-2 

ด้วยผลงานที่ใช้ได้ทำให้เขจ้าตัวได้เล่นต่อในเกมรอบตัดเชือกที่ทีมชนะ เยอรมัน 2-0 น่าเสียดายที่เกมชิงชนะเลิศดันไปแพ้ โปรตุเกส0-1 ในช่วงต่อเวลาชวดแชมป์ไป

สองซีซั่นแรกกับทีมผ่านไปได้ด้วยดีมีแชมป์ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่, โกปา เดล เรย์ และ ลา ลีกา สเปน แถมยังช่วย "ตราไก่" ไปถึงแชมป์โลกในปี 2018 อีกด้วย

แต่ทว่าในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา อูมติตี้ เจอกับอาการบาดเจ็บจนพลาดเกมไปถึง 45 นัด ซึ้งคล้ายคลึงกับในเคสของ อุสมาน เดมเบเล่ ที่เจ็บแบบไม่หายสักที

จากที่เคยถูกมองว่าจะเข้ามาเป็นตัวแทนของ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ตอนนี้อาจจะต้องหาสโมสรใหม่ในการค้าแข้งซะแล้ว

เควิน-พริ๊นซ์ บัวเต็ง

ค่าตัว : 1 ล้านยูโร (ยืมตัว)

การซื้อ อุสมาน เดมเบเล่ กับ ซามูแอล อูมติตี้ เป็นที่เข้าใจได้เพราะทั้งสองคนมีเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต แต่กับ เควิน-พริ๊นซ์ บัวเต็ง ยังมีเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่อยู่

บาร์เซโลน่า จ่าย 1 ล้านยูโรให้กับ ลาส ปัลมาส เป็นค่ายืมตัวนะยะเวลา 6 เดือนในช่วงตลาดหน้าหนาวปี 2019 แต่ต้องบอกว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

แข้งวัย 33 ปีแทบจะไมมีส่วนร่วมกับทีมเลย โดยลงเล่นในลา ลีกา สเปนเพียงแค่ 240 นาทีเท่านั้น ไม่มีการทำประตู ไม่มีการแอสซิสต์  ไม่มีอะไรทั้งสิ้น แฟนบอลบางคนลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเขาเคยมาเล่นให้กับทีมทั้งที่เพิ่งผ่านมาแค่ปีครึ่งเท่านั้น

สิ่งเดียวที่จารึกชื่อของเขาไว้ก็คือการเป็นนักเตะชาวกาน่าคนแรกที่มาค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า

อองตวน กรีซมันน์

ค่าตัว : 120 ล้านยูโร

สดๆร้อนๆเลยสำหรับ อองตวน กรีซมันน์ ที่ย้ายมาร่วมทีมเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว แถมยังกลายเป็นข้อพิพาททำให้ บาร์เซโลน่า มีปัญหากับ แอตเลติโก มาดริด อีกด้วย

นับตั้งแต่พาทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกเมื่อปี 2018 ชื่อของเขาก็อยู่บนหน้าหนึ่งแทบไม่เว้นแต่ละวันว่าจะย้ายออกจาก "ตราหมี" กระทั่งได้ย้ายสมใจในอีกหนึ่งปีให้หลัง

แต่แทนที่มันจะเป็นจุดที่เริ่มต้นแห่งความยิ่งใหญ่และเดินหน้าคว้าแชมป์กับทัพอาซูลกราน่า สิ่งที่เขาต้องเจอกับเป็นความกดดันที่ต้องทำผลงานให้ดีเหมือนสมัยเมื่อก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่ได้เห็นมันเลยตลอดขวบปีที่ผ่านมา

ด้วยระบบการเล่นของ บาร์เซโลน่า ที่ไม่เหมือน แอต.มาดริด ที่มี ดีเอโก้ คอสต้า คอยชน หรือในทีมชาติฝรั่งเศสที่ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ปักหลักอยู่ มันก็เลยออกมาอย่างที่เห็น

หรือในอีกแง่หนึ่งการมาเล่นในถิ่นคัมป์ นูที่ทุกอย่างถูกบงการโดย ลิโอเนล เมสซี่ ทำให้เจ้าตัวไม่ได้ฉายแววเท่าที่ควร นำมาซึ่งฟอร์มที่ไม่ถูกใจแฟนบอลเลย

9 ประตูกับ 4 แอสซิสต์จาก 35 เกมในลา ลีกา สเปน แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลว หากไม่มองว่านี่คือปีแรกและยังมีโอกาสที่จะทำให้ดีขึ้น นี่คืออีกหนึ่งนักเตะที่น่าผิดหวังสำหรับการทีมอย่างไม่ต้องสงสัย

ฟิลิปเป้ คูตินโญ่

ค่าตัว : 145 ล้านยูโร

ผลงานอันยอดเยี่ยมกับ ลิเวอร์พูล ทำให้ชื่อของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก แน่นอนว่าในตอนนั้น "หงส์แดง" ไม่อาจจะตอบสนองความสำเร็จในรูปแบบของโทรฟี่ในความคิดของเขา

นั่นเป็นที่มาของการย้ายสังกัดไปอยู่กับยอดทีมอย่าวง บาร์เซโลน่า ในลา ลีกา สเปน ด้วยค่าตัวสูงสุดของสโมสรที่ 145 ล้านยูโร

แน่นอนว่า "เจ้าบุญทุ่ม" มองว่านี่คือนักเตะที่ทีมตามหาในการรุกใส่คู่แข่งในพื้นที่สุดท้ายแทนการขาดหายไปของ อันเดรส อีเนียสต้า ที่อำลาทีมไป

แต่ทว่าดูเหมือนจะปรับตัวเข้ากับทีมไม่ได้ และทำได้แค่ 5 ลูกกับ 2 แอสซิสต์จาก 34 เกมลีกในปี 2018/19 ที่อยู่กับทีมเต็มตัว สุดท้ายโดนปล่อยให้ บาเยิร์น มิวนิค ยืมตัวใช้งานในซีซั่นนี้

การทำ 2 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ในเกมสังหารโหดต้นสังกัดที่แท้จริง 8-2 ในเกมยุโรป คงไม่ได้ถึงกับเป็นใบเบิกทางให้เขากลับไปอยู่กับทีมในฐานะแข้งคนสำคัญอีกครั้งได้ แถมหาก "เสือใต้" ไปถึงตำแหน่งแชมป์ บาร์ซ่าจะต้องจ่ายเงินโบนัส 5 ล้านยูโรให้ ลิเวอร์พูล อีกต่างหากทั้งที่ทีมไม่ได้แชมป์กับเค้าด้วย

ถึงตอนนี้อนาคตยังไม่แน่นอนว่าจะไปทิศทางไหน ก็รอติดตามกันต่อไป