ชื่อหนึ่งที่กำลังตกเป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมาก นั่นคือ “ทาคูมิ มินามิโนะ” ดาวเตะทีมชาติญี่ปุ่น ที่ปัจจุบัน เขาย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูล เป็นที่เรียบร้อย หลังจากโชว์ฟอร์มอย่างยอดเยี่ยมกับต้นสังกัดเดิมอย่าง เร้ด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก ในลีกออสเตรีย 

ช่วงนี้ เราไปดูเส้นทาง และก้าวเดินของมินามิโนะ ในอาชีพลูกหนังของเขากัน บอกก่อนว่า เขาถือเป็นนักเตะอีกหนึ่งคนที่ต้องฝ่าฟัน และใช้ความพยายามอย่างหนักในการพิสูจน์ตัวเอง โดยเฉพาะลีกยุโรปที่โหดกว่าบ้านเกิดของเขาหลายเท่าตัว 

ผลผลิตจากเซเรโซ โอซาก้า

มินามิโนะ เริ่มต้นเส้นทางลูกหนัง ด้วยการเป็นเด็กเยาวชนของเซเรโซ โอซาก้า ทีมดังในลีกสูงสุดของญี่ปุ่น อย่างเจลีก กระทั่งปี 2012 เขาถูกดันขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัว โดยเวลานั้น เขามีอายุเพียงแค่ 17 ปี แน่นอนว่า เขาผ่านประสบการณ์ดีร้าย ผสมปนเปกันไป 

หลังจากนั้น เขาสามารถพัฒนาการเล่นของตัวเองได้อย่างน่าชื่นชม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการได้ร่วมงาน และประสานงานในสนามกับดิเอโก้ ฟอร์ลัน กองหน้ามากประสบการณ์ ที่ผ่านการค้าแข้งในเวทียุโรปมาอย่างโชกโชน 

การก้าวขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ของเซเรโซ โอซาก้า เป็นครั้งแรก เขาก็เริ่มฉายแสงออกมา จนเป็นที่สนใจของหลายสโมสรชั้นนำ แม้จะเป็นนักเตะที่อายุไม่มากนัก ทว่าเขาก็สามารถยิงประตูได้พอสมควร แม้ว่าผลสุดท้าย สโมสรที่เขารักจะต้องตกชั้นไป ทว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้น ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาแบบไม่ทันตั้งตัว 

ชีวิตใหม่ที่ออสเตรีย

ในช่วงปี 2014 ข้อเสนอจากเร้ด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก สโมสรในลีกออสเตรีย ถูกยื่นเข้ามา แน่นอนว่า เซเรโซ โอซาก้า ที่ขึ้นชื่อในเรื่องการเปิดโอกาสให้นักเตะย้ายไปเติบโตที่ลีกยุโรป ตอบตกลงไป ส่งผลให้มินามิโนะ กลายเป็นนักเตะอายุน้อยสุดที่เซเรโซ โอซาก้า ส่งไปยุโรป ด้วยวัยแค่ 19 ปีเท่านั้น

เหตุผลที่เซเรโซ โอซาก้า ปล่อยตัวให้กับเร้ด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก นั่นเพราะทั้งสองต่างมีอุดมการณ์ในการสร้างนักเตะ เพื่อต่อยอดไปสู่ทีมที่ใหญ่เหมือนกัน ซัลซ์บวร์ก ผ่านการปั้น ต่อยอดนักเตะไปสู่สโมสรใหญ่มากมาย อาทิซาดิโอ มาเน่ และนาบี เกอิต้า 2 ขุนพลของลิเวอร์พูล ชุดปัจจุบัน 

เก็บเกี่ยวความสำเร็จ 

เร้ด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก ไม่ได้ซื้อตัวมินามิโนะ เพียงเพราะเหตุผลด้านการตลาดเพียงอย่างเดียว หรือเน้นการขายเสื้อแบบที่หลายคนเข้าใจ ทว่าทีมวางให้เป็นฟันเฟืองหลัก จนสามารถช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จอย่างมากมาย โดยเฉพาะการครองความยิ่งใหญ่ในลีกออสเตรีย 

สถิติบ่งบอกว่ามินามิโนะ เล่นกับเร้ด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก เฉลี่ยฤดูกาลละ 30 เกมขึ้นไป (นับรวมทุกรายการ) นอกจากนี้ เขายังยิงประตูเฉลี่ยเกินหลัก 10 ประตูขึ้นไปในทุกซีซั่นด้วย ยกเว้นแค่ปีแรกที่เป็นช่วงเวลาแห่งการปรับตัว ถือเป็นตัวเลขที่บ่งบอกความสม่ำเสมอของเขาเป็นอย่างดี 

นับตั้งแต่มินามิโนะ ย้ายมาเล่นในยุโรป กาลเวลาผ่านไป จนก้าวเข้าสู่ฤดูกาลที่ 6 เขาผ่านการคว้าแชมป์ลีกออสเตรีย 5 สมัยติดต่อกัน และแชมป์ออสเตรีย คัพ 4 ครั้ง พร้อมกันนี้ เขายังได้รับเกียรติบรรจุลงในขุนพลลิเวอร์พูล ชุดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่เพิ่งผ่านพ้นไป 

โรคโฮมซิก 

การเป็นเด็กอายุ 19 ที่ต้องมาเล่นในลีกยุโรปเป็นครั้งแรกในชีวิต มินามิโนะ ต้องพบเจอกับปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะการปรับตัว และโรคคิดถึงบ้านที่เล่นงานเขาอย่างหนัก นอกจากนี้ เขายังรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว เพราะคนญี่ปุ่น ไม่ค่อยสนใจลีกออสเตรีย สักเท่าไหร่ 

มินามิโนะ ออกมาย้อนความทรงจำว่า ตลอดช่วง 2-3 เดือนแรกที่ย้ายมาอยู่ออสเตรีย เขาคิดถึงบ้านเป็นอย่างมาก แน่นอนว่า เขาคิดถึงครอบครัว, วัฒนธรรม, อาหาร และความเป็นอยู่ที่ญี่ปุ่น แต่มันก็เป็นสิ่งที่เขาต้องปรับตัวให้ได้ อีกหนึ่งอย่างคือการเรียนภาษาเยอรมัน อย่างหนักหน่วง

เขาเล่าต่อว่า ลีกออสเตรีย ไม่ได้ถ่ายทอดสดกลับไปที่ญี่ปุ่น ส่วนมากแล้ว คนญี่ปุ่น มักจะดูลีกเยอรมัน, อังกฤษ, สเปน และอิตาลี ผู้เล่นชาวญี่ปุ่น ในลีกเหล่านี้คือซูเปอร์สตาร์ สำหรับคนที่เล่นในลีกออสเตรีย อย่างเขา จะเป็นที่รู้จักแค่ของคนวงใน และผู้ที่ติดตามทีมชาติญี่ปุ่น เท่านั้น

สไตล์การเล่น 

สถิติการเล่นนั้น เขาลงเล่นกับเร้ด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก 199 นัด โดยยิงได้ 64 ประตู บวกกับ 44 แอสซิสต์ โดยเขาสามารถลงเล่นในตำแหน่งที่เหมาะกับการเล่นเกมรุกสมัยใหม่ พร้อมกันนี้ ยังสามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในแผงเกมรุกของด้านหลังกองหน้า รวมถึงการขยับไปเป็นกองหน้าในบางครั้ง

เขาถือว่าเป็นนักเตะที่มีความเข้าใจในเกมสูงมาก และเล่นบอลได้ฉลาด สร้างความได้เปรียบให้ทีมในหลายจังหวะการเล่น หลักฐานที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ การไล่บี้แผงแนวรับของลิเวอร์พูล ในการเจอกันในเวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

นอกจากการเล่นแนวรุกที่หลากหลายแล้ว เขายังสามารถถอยลงมาแถบริมเส้น เพื่อช่วยทีมเล่นเกมรับได้อีกด้วย การเคลื่อนที่ของเขาฉลาดมาก เมื่อแนวรับสามารถแย่งบอลกลับมาครองได้ เขาสามารถเปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้อย่างรวดเร็ว 

สไตล์การเล่นทั้งหมดนั้น น่าจะตอบโจทย์ปรัชญาการคุมทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ ที่เน้นนักเตะที่มีความเข้าใจเกมเป็นหลักสำคัญ ผ่านการเคลื่อนที่ เพรสซิ่ง และวิ่งอยู่ตลอด ซึ่งพรีเมียร์ลีก น่าจะเป็นเวทีที่เอาไว้ให้ มินามิโนะ ได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง