:::     :::

ความเหมือนที่แตกต่าง

วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน 2563 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
1,829
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เป็นซีซั่นที่สองติดต่อกันที่ทีมน้องใหม่ในฐานะแชมป์ 'แชมเปี้ยนชิพ' ต้องบุกเยือน แอนฟิลด์ ตั้งแต่เกมแรกของฤดูกาลพรีเมียร์ลีก

เกมแรกของซีซั่น 2019-20 นอริช ซิตี้ ได้รับคำชมอย่างมาก จากการเล่นฟุตบอลเกมรุก และต่อบอลสั้นตามช่องที่สวยงาม โดยเฉพาะ ทอดด์ แคนท์เวลล์, เอมิเลียโน่ บูเอนเดีย และ ทีมู พุกกี้

แต่ นอริช แพ้กลับออกไปแบบหมดรูป 1-4
เกมแรกของซีซั่นนี้ 2020-21 ลีดส์ ยูไนเต็ด ได้รับเสียงปรบมืออีกครั้ง ทั้งจากแฟนบอลทีมตัวเองและแฟนบอลคู่แข่ง หลังเกือบแบ่งแต้มกลับบ้านได้อยู่แล้ว
แต่มาเสียจุดโทษแพ้ 3-4 ในช่วงท้ายเกม
รายละเอียดของเกม ไม่ขอเอ่ยถึง แต่สิ่งที่ได้เห็นจาก ลีดส์ ชุดนี้คือแท็กติกการเล่นที่มีความยืดหยุ่น แตกต่างไปจาก นอริช ที่ต้องแลกความสวยงามในเกมฟุตบอล กับการตกชั้น
หากมองย้อนกลับไปซีซั่นที่แล้ว คริส ไวล์เดอร์ สร้าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด โดยยึดมั่นระบบกองหลังสามคนที่ใช้มาตั้งแต่ตอนอยู่ใน แชมเปี้ยนชิพ เริ่มจากแนวรับต้องเหนียวแน่น และแข็งแกร่ง เป็นอันดับแรก
แดนกลางและแนวรุก ต้องเพรสซิ่งเกมคู่แข่งตลอดเวลา และแนวทางการสร้างเกมรุก มีทั้งบอลสั้นและบอลยาว อาศัยลูกตั้งเตะ ทั้งฟรีคิกและเตะมุมเป็นทีเด็ดในการเข้าทำ
นี่คือจุดแข็งที่ทำให้ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด อยู่รอดในพรีเมียร์ลีกสบายๆ แถมยังแอบลุ้นพื้นที่ยุโรปด้วย
ขณะที่ แอสตัน วิลล่า เคยเพลิดเพลินกับแนวทางการเล่นเกมรุกที่สวยงาม ก่อนจะค้นพบว่ามีโอกาสตกชั้นสูง ดีน สมิธ จึงเปลี่ยนแนวทางมาเล่นบอลสั้นสลับยาวเช่นกัน บวกกับอาศัยโชคที่พารอดตกชั้นในเกมสุดท้าย
มีแต่ นอริช ของ ดาเนียล ฟาร์เค่ ที่ยังคงหลงระเริงกับเสียงชื่นชมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การต่อบอลสั้นทำเกมรุกที่สวยงาม หรือการสร้างทีมจากพลังหนุ่ม
สุดท้าย นกขมิ้นเหลืองอ่อน ก็ต้องสังเวยด้วยการตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกอย่างรวดเร็ว
นี่คือบทเรียนที่ทั้ง ลีดส์, เวสต์บรอมวิช และ ฟูแล่ม สามารถมองเป็นตัวอย่างในการเผชิญฤดูกาลนี้ได้
ฤดูกาลแรกของ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า ใน แชมเปี้ยนชิพ ซีซั่น 2018-19 จบลงด้วยความชอกช้ำ แต่ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีให้โค้ชสูงวัยชาวอาร์เจนไตน์ได้เรียนรู้กับสไตล์ของฟุตบอลอังกฤษ
โดยเฉพาะเรื่องการต่อบอลสั้นจากผู้รักษาประตูและแนวรับที่เป็นเครื่องหมายการค้าของ บิเอลซ่า ถูกปรับให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเมื่อฤดูกาลที่แล้ว
และสิ่งที่ได้เห็นเพิ่มเติมในเกมแรกของซีซั่นนี้จาก แอนฟิลด์ คือการขึ้นเกมรุกที่มีทั้งสั้นสลับยาว ไม่ฝืนต่อบอลสั้นอย่างเดียวแบบที่เคยเห็นใน แชมเปี้ยนชิพ ทั้งสองฤดูกาลที่ผ่านมา
แต่ปัญหาที่น่าเป็นห่วงของ ลีดส์ และ บิเอลซ่า ในฤดูกาลที่แสนยาวไกล และอัดโปรแกรมแน่นเอี้ยดแบบซีซั่นนี้คือ ขนาดทีม และความแตกต่างระหว่างทีมตัวจริงกับซุ้มม้านั่งสำรอง
เห็นได้ชัดตั้งแต่ซีซั่น 2018-19 มาแล้วว่า บิเอลซ่า มักไม่ชอบเปลี่ยนแปลงสิบเอ็ดตัวจริง หากไม่เจอสถานการณ์นักเตะเจ็บหรือติดโทษแบน แม้นักเตะบางคน (อาทิ แพทริค แบมฟอร์ด) จะปืนฝืดหรือฟอร์มห่วยแค่ไหนก็ตาม
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ อาร์เซน่อล ต้องเรียก เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ กลับจากการยืมตัวระหว่างฤดูกาล แม้กองหน้าดาวรุ่งรายนี้ซัลโวถึง 5 ประตูจากการลงตัวจริงเพียง 4 เกม และสำรองถึง 15 เกม
สิบเอ็ดตัวจริงที่ บิเอลซ่า ยึดมั่นมาตลอดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว นอกจากผู้รักษาประตูที่ กีโก้ กาซีย่า ยึดมือหนึ่งมา 36 เกมแรก ก่อนเสียให้ อิลล็อง เมสลีเยร์ เฝ้าเสาใน 10 เกมสุดท้าย
แนวรับ ลุค เอย์ลิง แบ็กขวา 35 เกม, เบน ไวท์ เซนเตอร์แบ็ก ครบทั้ง 46 เกม, เลียม คูเปอร์ เซนเตอร์แบ็ก 36 เกม, สจ๊วร์ต ดัลลาส แบ็กซ้าย 45 เกม ส่วนตัวเลือกสำรอง เกตาโน่ เบราร์ดี้ 13 เกม, แบร์รี่ ดั๊กลาส 6 เกม
แดนกลาง คัลวิน ฟิลลิปส์ ตัวรับลง 37 เกม, มาเตอุส คลิช 44 เกม, ปาโบล เอร์นานเดซ 27 เกม และแนวรุก เอลแดร์ คอสต้า 33 เกม, แจ๊ค แฮร์ริสัน 45 เกม เอซเกียน อาลิออสกี้ 21 เกม ขณะที่ตัวเลือกอืาน อดัม ฟอร์ชอว์ 6 เกม, เจมี่ แช็คเคิลตัน 5 เกม และ เอียน โพเวดา เกมเดียว
ส่วนแดนหน้า แพทริค แบมฟอร์ด 43 เกม กับ ไทเลอร์ โรเบิร์ตส์ 12 เกม เปิดโอกาสให้ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ แค่ 2 เกม และ ฌอง-เกวิน โอกุสแต็ง ไม่ได้ลงตัวจริงในลีกเลย
ถือเป็นโชคดีของ ลีดส์ และ บิเอลซ่า ที่ตลอดฤดูกาลประสบปัญหานักเตะบาดเจ็บไม่มากนัก แต่นั่นก็ได้สร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นระหว่างนักเตะตัวจริงกับสำรอง
การเสียคู่เซนเตอร์แบ็ก เบน ไวท์ หมดสัญญายืมตัวกลับ ไบรท์ตัน และ เลียม คูเปอร์ กับ เกตาโน่ เบราร์ดี้ ที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้ บิเอลซ่า ไม่มีทางเลือก ต้องส่ง ปาสกาล สเตราค์ ตัวสำรองวัย 21 ปี ยืนเซนเตอร์คู่กับ โรบิน ค็อก ตัวใหม่ชาวเยอรมันที่เพิ่งย้ายมาจาก ไฟรบวร์ก
และทั้ง สเตราค์ กับ ค็อก ยังอ่อนประสบการณ์ในการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม ลีดส์ กลายเป็นจุดอ่อนให้แนวรุกของ ลิเวอร์พูล เจาะเข้ายิงถึง 4 ประตู แต่นั่นก็คือสิ่งที่ บิเอลซ่า ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ศูนย์หน้าตัวเป้าก็คืออีกหนึ่งปัญหาที่ แอนฟิลด์ แม้ แพทริค แบมฟอร์ด มีหนึ่งประตูจากความผิดพลาดของคู่แข่ง แต่โดยรวมถือว่าน่าผิดหวัง ทั้งจังหวะต่อบอล เบียดปะทะ แม้จะพอมีส่วนร่วมกับเกมรุกอยู่บ้าง
นั่นทำให้แฟนๆ อยากเห็นศูนย์หน้าตัวใหม่ โรดรีโก้ โมเรโน่ ที่นั่งสำรองอยู่ข้างสนาม และ บิเอลซ่า ก็ตอบสนองความต้องการอย่างรวดเร็วตั้งแต่นาที 62
กลับกลายเป็นว่า โรดรีโก้ ยิ่งหายไปจากเกม แถมยังทำเท้าลั่นแหย่ใส่ ฟาบินโญ่ จนเสียจุดโทษท้ายเกมด้วย แม้ บิเอลซ่า จะออกมาปกป้องว่าความพ่ายแพ้ไม่ได้เกิดจากนักเตะเพียงคนเดียวก็ตาม
แต่ศูนย์หน้าชาวสเปนรู้ดีแก่ใจว่าตอนนี้เขากำลังเริ่มต้นการเล่นในอังกฤษรอบสองด้วยการติดลบซะแล้ว
แม้ ลีดส์ กลับจาก แอนฟิลด์ มือเปล่า แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือการเล่นที่หลากหลาย และมีความยืดหยุ่นมากกว่า นอริช เมื่อฤดูกาลที่แล้ว รวมถึง ฟูแล่ม น้องใหม่อีกทีมที่เริ่มต้นซีซั่นใหม่ด้วยการแพ้ต่อ อาร์เซน่อล แบบเละเทะทั้งผลการแข่งขัน รูปเกม และแท็กติก
ถ้าจะให้ดีกว่านี้ อันเดรีย ราดริซซานี่ ประธานสโมสร จัดนักเตะใหม่ให้ บิเอลซ่า อีกสักหน่อย รับรองซีซั่นนี้มีลุ้นจบครึ่งบนของตารางตามรอย เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ได้แน่ๆ

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด