:::     :::

240 ล้านปอนด์ก็ไม่ช่วยอะไร!

วันพุธที่ 30 กันยายน 2563 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
19,030
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เมื่อพรีเมียร์ลีก เข้าสู่สัปดาห์แรกของฤดูกาล หลังจากที่ทุบคลังไป 240 ล้านปอนด์ในซัมเมอร์นี้ ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ เชลซี

    ไม่กี่สัปดาห์ถัดมา พวกเขาเก็บไปได้แค่ 4 แต้ม จาก 3 นัดแรกในลีก มันจึงเกิดคำถามถึงทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด และทีมของเขา

    สิ่งต่างๆ เริ่มต้นจากแย่ไปสู่ขั้นที่แย่ลงอีกเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา เมื่อพวกเขากระเด็นตกรอบคาราบาว คัพ จากการแพ้จุดโทษต่อคู่ปรับอย่าง สเปอร์ส และ โชเซ่ มูรินโญ่

    มันเกิดอะไรขึ้นกับ 'ซูเปอร์แฟร้งค์' และ สิงห์บลูส์ ที่อุตส่าห์ลงทุนไปมหาศาล?

    นี่คือปัญหาที่ แลมพาร์ด กำลังเผชิญอยู่...


เกมรับห่วยขั้นเทพ

    เพียงคุณย้อนกลับไปไม่กี่วันก่อนที่ เชลซี ไปเยือน เวสต์บรอมวิช คุณจะรู้เลยว่าพวกเขาเล่นเกมรับได้แย่แค่ไหนในฤดูกาลนี้ การเสีย 3 ประตูในครึ่งแรกให้กับทีมบ๊วยถือเป็นเรื่องน่ากังวลที่สุด

    เกมพบกับ สเปอร์ส คู่หูตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กเปลี่ยนโฉมหน้าอีกครั้งเป็น เคิร์ท ซูม่า กับ ฟิคาโย่ โทโมรี่ ขณะเดียวกันก็มีผู้รักษาประตูคนใหม่อย่าง เอดูอาร์ เมนดี้ มาแทนที่ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า

    แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา เอริก ลาเมล่า ทำประตูตีเสมอให้ ไก่เดือยทอง ในช่วงท้ายเกม และจังหวะนั้นนักเตะ สิงห์บลูส์ เอาแต่พากันยกมือเพื่อประท้วงเป็นลูกล้ำหน้าในการที่จะทำให้ทีมไม่เสียประตู

    ในความเป็นจริงแล้ว เขาอยู่อยู่ในไลน์ และลูกนั้นก็จะถูกจดจำจากการเล่นเกมรับที่ห่วยแตกของ เชลซี มันเป็นหายนะสำหรับพวกเขาในการพบ สเปอร์ส และคงจะเป็นเรื่องที่น่ากังวลที่จะของ แลมพาร์ด ต่อไปเรื่อยๆ


แลมพาร์ดไม่มีทีมที่ดีที่สุด

    การจะประสบความสำเร็จในพรีเมียร์ลีก หรือที่อื่น ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์ชัดเจนแล้วว่าคุณต้องมีทีมชุดหลักในการตัดสินใจ นักเตะเดิมๆ กับระบบเดิม ทีมที่เล่นแบบรู้จักกันเพื่อนำสิ่งที่ดีที่สุดไปสู่ภายนอก

    ในขณะที่ไม่ค่อยมีใครคาดหวังเท่าไหร่ว่าทีมโฉมใหม่ของ แลมพาร์ด จะท้าชิงแชมป์ได้ในฤดูกาลนี้ และมันก็ชัดเจนมากขึ้นว่าคงต้องใช้เวลา แลมพาร์ด ไม่ได้ช่วยเหลือตัวเขาเองในการเลือกทีม และดูเหมือนว่าเขาก็ยังไม่รู้ว่า 11 ตัวจริงที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาคืออะไร

    จาก 41 เกมในพรีเมียร์ลีก ที่คุม เชลซี แลมพาร์ด เปลี่ยนตัวจริงในเกมรับถึง 20 ครั้ง ในตำแหน่งมิดฟิลด์ ฤดูกาลนี้พวกเขาก็เปลี่ยนคู่หูไปแล้วถึง 3 ครั้ง

    ทิโม แวร์เนอร์ เริ่มต้นด้วยการเป็นเบอร์ 9 ของ สิงห์บลูส์ แต่ไปๆ มาๆ ทุกวันนี้กลับไปเล่นปีกซะงั้น และยังมีความสับสนอยู่มากกว่า ไค ฮาแวร์ตซ์ เหมาะจะเล่นตรงไหน แลมพาร์ด ต้องทำงานให้รวดเร็ว ไม่งั้นหมากเกมนี้อาจจะพังเอาก็ได้


เสียงครวญครางตรงโฮลดิ้งมิดฟิลด์

    คู่หูมิดฟิลด์ตรงนั้น มันชัดเจนว่า เชลซี มีจิ๊กซอว์ชิ้นหนึ่งที่ขาดหายไป เมื่อพูดถึงตำแหน่งตัวโฮลบอลหน้าแผงเกมรับ ในเกมกับ สเปอร์ส แลมพาร์ด เลือกใช้ มาเตโอ โควาซิช และ จอร์จินโญ่ แต่มันก็ยังเหลืออีกเยอะกับสิ่งที่ต้องการ

    เหมือนว่า แลมพาร์ด ไม่ต้องการให้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เล่นตำแหน่งนั้น เนื่องจากเขาเคลื่อนที่ได้ดีเกินกว่าจะมายืนตัวต่ำ ขณะที่ โควาซิช ทำผลงานได้น่าประทับใจในฤดูกาลที่แล้วจนคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีมาครอง ซึ่งความชัดเจนของเขา และ จอร์จินโญ่ ดูจะไม่เหมาะกับงานนี้

    จอร์จินโญ่ นั้นเล่นบอลง่ายเกินไป เนื่องจากเกมของเขาขาดความรวดเร็ว และก็มีการพูดถึงโอกาสที่เขาจะย้ายไปยัง อาร์เซน่อล ก่อนที่ตลาดรอบนี้จะปิดด้วย ดีแคลน ไรซ์ เป็นเป้าหมายของ สิงห์บลูส์ มานาน และเขาก็อาจเป็นจิ๊กซอว์ตัวนั้นของ แลมพาร์ด


แข้งใหม่ต้องใช้เวลา

    แน่นอนว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดหวังทุกอย่างกับนักเตะใหม่ของ เชลซี ที่จะเดินทางแบบราบรื่นโดยไม่มีสะดุดเลย แม้ว่าบิ๊กเมนจำนวนมากจะมาพร้อมค่าตัวก้อนโต และนั่นทำให้เกิดความคาดหวัง

    ฮาแวร์ตซ์ ย้ายมาด้วยค่าตัว 89 ล้านปอนด์ และเขาก็เพิ่งมีอายุเพียง 21 ปี ทิโม แวร์เนอร์ 53 ล้านปอนด์, ชิลเวลล์ 50 ล้านปอนด์... เป็นต้น พวกเขาไม่ใช่การเซ็นสัญญาเล็กๆ และแต่ละคนก็คงจะต้องรู้สึกกดดัน ฮาคิม ซิเย็ค เจ้าของค่าตัว 36 ล้านปอนด์ แต่ยังไม่ได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก เลย เนื่องจากบาดเจ็บ

    เอดูอาร์ เมนดี้ ก็ราคา 21 ล้านปอนด์ ซึ่งมาพร้อมความคาดหวังจะแทนที่ เกปา และกระตุ้นให้นายทวารค่าตัว 72 ล้านปอนด์ ซึ่งแพงที่สุดในประวัติศาสตร์พัฒนาตัวเองขึ้นมา

    มันไม่ใช่เรื่องจริงที่พวกเขาจะโดดเด่นได้ในทันที แฟนๆ เชลซี ต่างก็หวังว่าอีก 6 เดือนข้างหน้าพวกเขาจะกลายเป็นตัวจริงแบบต่อเนื่อง แต่ตอนนี้ พวกเขายังไม่ใช่ และพวกเขาก็ต้องการเวลาเพื่อปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่


บางคนยังชั้นไม่ถึง

    เมื่อมีนักเตะใหม่เข้ามา เชลซี จึงต้องพยายามที่จะปล่อยของเก่าบางคนออกไป

    เกมแพ้ สเปอร์ส ในคาราบาว คัพ เมื่อวันอังคาร ถือเป็นการให้โอกาสบางคนอีกครั้ง ซึ่งมันพิสูจน์ได้ว่านักเตะเหล่านั้นยังไม่ดีพอ

    นักเตะอย่าง จอร์จินโญ่ และ มาร์กอส อลอนโซ่ มีแนวโน้มที่จะย้ายออกไปมากที่สุด แต่ก็ยังมี อันโตนิโอ รือดิเกอร์, เอแมร์ซอน, ตีเยมูเอ้ บากาโยโก้ และ รูเบน ลอฟตัส-ชีค กำลังรอสิ่งที่จะเกิดขึ้นอยู่ ล่าสุด มิลฟิลด์อย่าง รอสส์ บาร์คลี่ย์ ก็ถูกปล่อยไป แอสตัน วิลล่า แบบยืมตัวทั้งซีซั่นแล้ว

    รือดิเกอร์ ที่มีข่าวกับ สเปอร์ส แทบจะไม่ได้มีส่วนร่วมกับ เชลซี ในฤดูกาลนี้ และมันชัดเจนว่ามีหลายคนที่ แลมพาร์ด ไม่ได้คิดว่าจะพึ่งพาได้ แม้ทีมจะอยู่ในช่วงวิกฤตก็ตาม


หมดรักกับลูกทีม

    เมื่อนานมาแล้ว แลมพาร์ด เลือกที่จะเดินจากไปด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้ เขามีหน้าที่ตรงเส้นข้างสนาม และพยายามที่จะยืนยันอำนาจเด็ดขาดเหนือนักเตะของเขาเอง

    เขาปะทะกับนักเตะหลายคนระหว่างที่ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทีม โดยเร็วๆ นี้ก็ดราม่ากับ มาร์กอส อลอนโซ่ ในสุดสัปดาห์ก่อน

    แลมพาร์ด โมโหจัดหนักชุดใหญ่ใส่แบ็กซ้ายชาวสเปนในเกมกับ เวสต์บรอมวิช หลังจากนักเตะแสดงท่าทีไม่พอใจเมื่อโดนเปลี่ยนตัวออกช่วงพักครึ่ง โดยเดินกลับไปยังรถบัสทันที แทนที่จะนั่งให้กำลังใจเพื่อนร่วมทีมบนสแตนด์ในครึ่งหลัง

    นอกจากนี้ เขายังมีปัญหากับ รือดิเกอร์ และ แลมพาร์ด ก็เคยขับไล่ ดาวิด ลุยซ์ ออกจากทีมตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของการทำงานในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วย มีตัวอย่างในเรื่องพวกนี้มากมาย และผู้จัดการทีมต้องรีดปัญหาต่างๆ ออกไปให้ได้ในเวลาไม่กี่สัปดาห์ หรือไม่กี่เดือน


อาการบาดเจ็บ

    ต้องบอกว่า แลมพาร์ด มีปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บของนักเตะในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลนี้

    ไม่ว่าจะเป็น บิลลี่ กิลมอร์, ซิเย็ค และ คริสเตียน พูลิซิช ทั้ง 3 คนถือเป็นแกนหลักในทีมชุดใหญ่ที่ยังไม่ได้ลงเล่นในฤดูกาลนี้เลย สองคนหลังกำลังจะกลับมา แต่ กิลมอร์ ยังคงต้องรออีกหลายสัปดาห์

    มีเพิ่มอาการตะคริวของ แวร์เนอร์ เข้าไปจากเกมวันอังคารอีก ยังมีเหตุร้ายหลายครั้งที่ทำให้ แลมพาร์ด เริ่มต้นซีซั่นได้ยากกว่าที่เขาจะนึกถึง

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด