:::     :::

เอาชีวิตไปทิ้งที่ เรอัล มาดริด

วันศุกร์ที่ 02 ตุลาคม 2563 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
3,343
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
"ฝันที่จะได้เล่นให้กับ เรอัล มาดริด มาตั้งแต่เด็ก" คำพูดนี้คือประโยคที่เราได้ยินอยู่เสมอยามที่นักเตะย้ายไปร่วมทีมยักษ์ใหญ่แห่งโลกลูกหนัง

ไม่รู้ว่าจะพูดเพื่ออวยสโมสรใหม่หรือพูดเพราะมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่ถึงกระนั้นมันก็ได้ใจแฟนบอล "โลส บลังโกส" ไปเต็มๆ

แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วจะรอดหรือร่วงก็ขึ้นอยู่กับว่าทำได้ดีแค่ไหน

อย่างที่เราเห็นในแข้งรายล่าสุดอย่าง เอแด็น อาซาร์ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเพลย์เมกเกอร์ที่ดีที่สุดในโลกสมัยค้่าแข้งกับ เชลซี แต่พอย้ายไปอยู่ในรั้วซานติอาโก้ เบร์นาเบว อย่าว่าแต่ได้ลงโชว์ฟอร์ม แม้แต่สภาพร่างกายยังไม่เต็มร้อย

ล่าสุดก็มาเจอกับอาการบาดเจ็บต้องพักอีกร่วมเดือน

อาจจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าจะล้มเหลวในอนาคต แต่ดูจากแนมโน้วในปีแรกแล้วถือว่าสูงเลย

ที่ผ่านมามีนักเตะที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นมากมายที่ถูกดึงตัวมาอยู่กับ "ราชันชุดขาว" แต่ลงเอยด้วยความผิดหวัง ถึงขั้นล้มเหลวเลยก็ว่าได้

จะมีใครกันบ้างลองไปดูกัน

วอลเตอร์ ซามูเอล

        

ปราการหลังจอมแกร่งสร้างชื่อมากับ โบคา จูเนียร์ส กระทั่งมาเปรี้ยงสุดขีดกับ โรม่า อยู่ในชุดแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ในปี 2000/01

4 ปีในรั้วสตาดิโอ โอลิมปิโก วอลเตอร์ ซามูเอล ยกระดับตัวเองให้ก้าวขึ้นมาเป็นเซนเตอร์อันดับต้นๆของทวีปยุโรป ในขณะที่ เรอัล มาดริด กำลังดิ้นรนเพื่อกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ และเป้าหมายของทีมก็คือการสร้าง "กาลาคติกอส" รวมบรรดาสุดยอดแข้งดังมาไว้ในทีม

25 ล้านยูโรถือเป็นจำนวนเงินที่ไม่มากนักที่ "ราชันชุดขาว" จ่ายไปเมื่อเทียบกับสมัยเมื่อปี 2004 แต่เมื่อเทียบกับตอนนี้ถือว่าไม่ใช่น้อยๆเลย

ซามูเอล ได้เป็นหนึ่งในขุนพลของทีมร่วมกับซูเปอร์สตาร์ทั้ง ซีเนดีน ซีดาน, เดวิด เบ็คแฮม,หลุยส์ ฟิโก้, โรแบร์โต้ คาร์ลอส, อีเกร์ กาซียาส, โรนัลโด้ "อาร์ 9" และ ราอูล กอนซาเลซ แต่ผลงานของทีมต้องบอกว่าล้มเหลว แถมมีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซืออีก

อันดับ 2 ในลา ลีกา สเปนดว้ยการตามหลัง บาร์เซโลน่า คู่ปรับตลอดกาล 4 แต้ม ในขณะที่บอลถ้วยทั้งยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ โกปา เดล เรย์ ร่วงตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้าย

แม้จะลงเล่นถึง 40 เกม เรียกได้ว่าเป็นตัวหลัก แต่ก็อยู่กับทีมได้แค่ปีเดียวก็ต้องเดินก้มหน้ากลับมาสู่ลีกอิตาลีอีกครั้ง โดย เรอัล มาดริด ยอมขาดทุนขายออกไปเพียงแค่ 16 ล้านยูโรเท่านั้น

ยังดีที่ลีกแดนรองเท้าบู๊ต วอลเตอร์ ซามูเอล กลับมากู้ชื่อเสียงอีกครั้งคว้าแชมป์กับทีมมากมายทั้งแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา 3 สมัย, โคปปา อิตาเลีย 3 สมัย, ซูเปอร์โคปปา อิตาเลีย 4 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอีก 1 สมัย

ฮาเมส โรดรีเกซ


ประตูสุดสวยในฟุตบอลโลก 2014 ยังไม่ทันจางหาย ฮาเมส โรดรีเกซ ก็กลายเป็นสมาชิกใหม่ของ เรอัล มาดริด ที่ยอมทุ่มเงิน 75 ล้านยูโรให้ โมนาโก เพื่อคว้าเพลย์เมกเกอร์ทีมชาติโคลอมเบียร่วมทีม

นับตั้งแต่ คาร์โล อันเชล็อตติ มาจนถึง ราฟาเอล เบนีเตซ ชีวิตของ ฮาเมส ดำเนินไปอย่างปกติสุข จนกระทั่งการมาของ ซีเนดีน ซีดาน เจ้าตัวก็ค่อยๆกลายเป็นส่วนเกินของทีมและนั่งอยู่ที่ม้านั่งสำรองเป็นส่วนใหญ่

ด้วยความสำเร็จที่นายใหญ่ชาวฝรั่งเศสนำมาสู่ทีมทำให้ไม่มีใครสนใจว่าภายในทีมจะเป็นยังไง นำมาซึ่งการถูกปล่อยยืมตัวไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค สองปีในปี 2017-19 

ผลงาน 15 ประตูกับ 20 แอสซิสต์กับทีม "เสือใต้" พร้อมกับแชมบุนเดสลีกา เยอรมัน 2 สมัย และ เดเอฟเบ โพคาล 1 สมัย ไม่เพียงพอที่จะทำให้ยักใหญ่เซ็นสัญญาไปร่วมทีมอย่างถาวร และแม้จะกลับสู่รั้ว ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ก็ยังไม่อาจชนะใจ ซีดาน ที่กลับมาคุมทีมอีกครั้ง

ตลอดทั้งซีซั่้นที่ผ่านมาได้ลงเล่นเพียงแค่ 14 เกม เป็นสัญญาที่ชัดเจนว่าเจ้าตัวคงอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

โชคดีที่ได้ย้ายมาเล่นกับ เอฟเวอร์ตัน ที่มีนายเก่าอย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ ที่ชุบชีวิตให้กลับมาอีกครั้งจากผลงานในซีซั่นนี้ที่ออกสตาร์ทในพรีเมียร์ลีก อังกฤษไปแล้ว 3 เกมกับผลงาน 1 ประตู 1 แอสซิสต์

ไมเคิ่ล โอเว่น


"หนูน้อยมหัศจรรย์" ที่ก้าวขึ้นมาเป็นสุดยอดกองหน้าตั้งแต่อายุเพียง 18 ปี นำมาซึ่งความอิจฉาของแฟนบอลทั้งหลายที่มีต่อ ลิเวอร์พูล ต้นสังกัดของนักเตะที่มีเพชรเม็ดงามนี้อยู่ในทีม

จุดสูงสุดในชีวิตของ ไมเคิ่ล โอเว่น ที่เป็นสิ่งที่นักฟุตบอลทุกคนใฝ่ฝันกับรางวัล "บัลลง ดอร์" ในปี 2001 เป็นตัวการันตีถึงความยอดเยี่ยมได้เป็นอย่างดี

กระทั่งในปี 2004 เรอัล มาดริด ที่กำลังสร้าง "กาลาคติกอส" ขึ้นมาชื่อของ โอเว่น ย่อมอยู่ในลิสต์และทีมก็ได้ตัวไปในราคาแสนถูกแค่ 8 ล้านปอนด์ จนทำให้แฟน "หงส์แดง" หลายคนเกลียดขวัญใจของเขาไปเลย

อย่างไรก็ตามชีวิตส่วนใหญ่ของ โอเว่น ลงเล่นเป็นตัวสำรองซะส่วนใหญ่ โดยเฉพาะรายการระดับบิ๊กอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกที่ไม่เคยลงเล่น 90 นาทีเต็มเลย ส่วนในลีกก็ลงเล่นเต็มเกมแค่ 8 เกม มีแค่ในโกปา เดล เรย์ เท่านั้นที่ลงเล่นตัวจริงและอยู่เต็มเกมครบทุกนัด 

เช่นเดียวกับ วอลเตอร์ ซามูเอล, ไมเคิ่ล โอเว่น จบซีซั่นด้วยมือเปล่าและอยู่กับทีมเพียงแค่ปีเดียวก่อนโดนขายให้ นิวคาสเซิ่ล และมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กระทั่งแขวนสตั๊ดกับ สโต๊ค ซิตี้

เรียกได้ว่าหากไม่ใช่ที่ ลิเวอร์พูล โอเว่น ไม่เคยเป็นจอมถล่มประตูอีกเลย

นิโกล่าส์ อเนลก้า


ในช่วงปลายยุค 90' กองหน้าในพรีเมียร์ลีก อังกฤษที่เก่งที่สุดต้องมีชื่อของ นิโกล่าส์ อเนลก้า อย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าจะอายุเพิ่งเพียงแค่ 17 ปีนี้เท่านั้น พร้อมกับค่าตัวเพียง 500,000 ปอนด์เท่านั้น

ความสำเร็จของทัพ "ปืนใหญ่" ในปี 1997/98 ทั้งแชมป์พรีเมียร์ลีก และ เอฟเอ คัพ กลายเป็นกองหน้าที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งของวงการลูกหนัง

ด้วยความยอดเยี่ยมของผลงานนี่เองทำให้ในช่วงซัมเมอร์ 1999 เรอัล มาดริด ยอมทุ่ม 22.3 ล้านปอนด์เพื่อคว้าไปล่าตาข่ายให้กับทีม โดยในปีเดียวกันก็ยังมี สตีฟ แม็คมานามาน, อีบัน เอลเกร่า และ มิเชล ซัลกาโด้ ที่ย้ายมาพร้อมกัน

ทว่านี่ก็กลายเป็นอีกหนึ่งความล้มเหลวในรั้วซานติอาโก้ เบร์นาเบว หัวหอกทีมชาติฝรั่งเศสต้องรอนานถึง 5 เดือนกว่าจะยิงประตูแรกกับทีมได้หรือเรียกได้ว่าเข้าสู่ช่วงครึ่งซีซั่นหลังแล้ว แต่ก็เป็นความทรงจำดีๆ (อันน้อยนิด) เพราะมันคือเกม "เอล กลาซิโก้" ที่ทีมชนะ บาร์เซโลน่า 3-0

ทั้งความไม่พอใจที่เจ้าตัวแทบไม่ได้โอกาส ในขณะที่ เรอัล มาดริด ที่ไม่ทนกับฟอร์มการเล่นที่ห่วยแตก ทำได้แค่ 7 ประตูจาก 31 เกม ซึ่งดูเหมือนเยอะแต่ก็เล่นเป็นตัวสำรองซะส่วนใหญ่ 

ซัมเมอร์ปี 2000 หลังจากหนึ่งปีที่อยู่กับทีมก็โดยขายให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ด้วยค่าตัว 22 ล้านปอนด์ ถือว่าไม่ได้ขาดทุนมาก

อย่างน้อยก็ยังมีอะไรให้พอจดจำบ้างทั้งกับประตูใน "เอล กลาซิโก้" รวมถึงเกมรอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ยิงประตูได้ทั้งเหย้า-เยือนกับ บาเยิร์น มิวนิค ช่วยให้ทีมกรุยทางไปคว้าแชมป์ในบั้นปลายได้สำเร็จ

โจนาธาน วู้ดเกต


เม็ดเงิน 13.4 ล้านปอนด์ที่ เรอัล มาดริด จ่ายให้กับ นิวคาสเซิ่ล เพื่อดึง โจนาธาน วู้ดเกต มาร่วมทีม ต้องใช้คำว่าขาดทุนย่อยยับ

เซนเตอร์ที่ได้ชื่อว่ามีอนาคตยาวไกลที่สุดคนหนึ่งของวงการลูกหนังเริ่มต้นอาชีพกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด เรียนรู้วิชาจากทั้ง ลูคัส ราเดเบ้ และ ริโอ เฟอร์ดินานด์ แต่จากปัญหาทางการเงินของสโมสรทำให้ทีมต้องขายให้ นิวคาสเซิ่ล และมาอยู่กับ เรอัล มาดริด ในปี 2004

น่าสนใจที่ "ราชันชุดขาว" กล้าลงทุนกับนักเตะที่แม้ฝีเท้าดีแต่ว่าประวัติเรื่องอาการบาดเจ็บต้องใช้คำว่า "เลวร้าย" สุดๆ

และมันก็เป็นอย่างนั้นเมื่อฤดูกาลแรกในรั้วซานติอาโก้ เบร์นาเบว เจ้าตัวไม่ไดด้ลงสนามเลยแม้แต่เกมเดียว 

เท่านั้นไม่พอการลงสนามเกมแรกของตัวเองในฤดูกาล 2005/06 ยังเปิดฉากอย่างเลวร้ายด้วยการทำเข้าประตูตัวเองแถมโดนใบแดงไล่ออกจากสนามอีกด้วย

ตลอดชีวิตค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด เจ้าตัวลงเล่นรวมทุกรายการ 14 เกมเท่านั้น ทำได้ 1 ประตูในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกกับ โรเซนบอร์ก

เรื่องดีๆเรื่องด้วยคงเป็นการได้อยู่ร่วมกับเหล่าตัวพ่อของวงการในยุค "กาลาคติกอส" นั่นแหละ

กาก้า


โปรเจ็คต์ "กาลาคติกอส 2" เริ่มต้นในปี 2009 แน่นอนว่า กาก้า ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ เอซี มิลาน ต้องอยู่ในข่ายที่ ฟลอเรนติโน่ เปรซ ต้องการและก็คว้าตัวมาเข้าสังกัดที่ราคา 67 ล้านยูโร ซึ่งเป็นสถิติโลกในตอนนั้น ก่อนมาโดน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ย้ายมาในซัมเมอร์เดียวกันทำลายลง

แต่ในขณะเดียวกันที่สตาร์ทีมชาติโปรตุเกสเดินหน้าถล่มประตูเป็นว่าเล่นให้กับทัพ "ราชันชุดขาว" ชื่อของ กาก้า ดูเหมือนจะกลายเป็นแค่พระรองของทีมเท่านั้น

นอกจากผลงานจะไม่เปรี้ยงปร้างอย่างที่หลายคนคาดหวัง ในปีที่สองกับทีมยังต้องเจออาการบาดเจ็บที่เข่าเล่นงานอีก และนั่นทำให้เขาไม่เคยเป็น "กาก้า" คนเดิมอีกเลย โดยตลอด 4 ปีกับทีมลงสนามรวม 120 เกม ทำได้แค่ 29 ประตูกับ 39 แอสซิสต์

สุดท้ายระหกระเหินกลับไป เอซี มิลาน ในปี 2013 และ ซาน เปาโล ในปีต่อมา กระทั่งไปเล่นให้ ออร์แลนโด้ ซิตี้ ในเมเจอร์ลีก สหรัฐฯ สามปีและแขวนสตั๊ดไปในปี 2017


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})