:::     :::

สุดยอดการย้ายวันสุดท้ายพรีเมียร์ลีก

วันศุกร์ที่ 09 ตุลาคม 2563 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
5,964
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ปิดฉากไปเรียบร้อยสำหรับตลาดในช่วงซัมเมอร์นี้ที่ล่วงเลยมาจนถึงช่วงต้นเดือนตุลาคมจากปัญหารการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

และปัญหาจากไวรัสโคโรน่านี่เองที่ทำให้การย้ายทีมในการซื้อ-ขายประจำหน้าร้อนนี้ไม่ได้คึกคักอย่างที่ผ่านมา

โดยเฉพาะกับบรรดาทีมใหญ่ทั้งหลายแหล่ที่ดูจะไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย จะมีก็แต่ เชลซี ที่ทุ่มเงินมหาศาล แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขช้าใจได้เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาถูกแบนจากการซื้อนักเตะใหม่ ทำให้มันถูกมาระเบิดเอาในซัมเมอร์นี้เอง

ส่วนกับสโมสรอื่นทั่วทั้งยุโรปไม่ได้มีอะไรน่าเซอร์ไพรส์หรือต้องร้อง "ว้าว" ออกมากันเลย อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ได้ เอดินสัน คาวานี่ มาร่วมทีมนั้นก็มีข่าวเล็ดลอดออกมาก่อนแล้ว เลยไม่ได้ตื่นเต้นกันสักเท่าไร

โดยเฉพาะในวันสุดท้ายของตลาดซื้อ-ขายที่ปกติจะมีการเรียกเสียงฮือฮากันอยู่เสมอ

วันนี้เลยพาย้อนกลับไปในอดีตกับการย้ายทีมในวันสุดท้ายของตลาดที่กลายเป็นสุดยอดการย้ายทีมที่ยกระดับต้นสังกัดให้มีผลงานยอดเยี่ยมตามไปด้วย

เวย์น รูนี่ย์

จาก เอฟเวอร์ตัน ไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ปี 2004


ทันทีที่ เวย์น รูนี่ย์ ซัดบอลพุ่งผ่านมือ เดวิด ซีแมน เช็ดใต้คานตุงตาข่ายเป็นประตูชัยให้ เอฟเวอร์ตัน ชนะ อาร์เซน่อล เมื่อปี 2002 ในวัยเพียง 16 ปี โลกก็ได้รับรู้ว่าเจ้าหนูคนนี้ต้องมีเส้นทางอาชีพที่ไม่ธรรมดา

ในอีกสองปีให้หลังในวัยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ กองหน้าที่กำลังคึกสุดขีดก็เป็นหนึ่งในขุดพลทีมชาติอังกฤษลุยศึกยูโร 2004 ที่เด็กวัย 18 ปีกด 4 ประตูช่วยให้ทีมเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ และคว้าดาวซัลโวอันดับ 2 ของทัวร์นาเม้นต์ไปครอง

หลังจบฤดูกาล 2003/04 ทีม "ทอฟฟี่" รอดตกชั้นอย่างหวุดหวิดหลังจบที่อันดับ 17 ของตาราง ทำให้กระแสย้ายทีมของ เวย์น รูนี่ย์ แรงทีเดียวกระทั่งเจ้าตัวร้องขอย้ายทีมแม้ว่าจะรักสโมสรแค่ไหนก็ตาม

ในวันที่ 31 สิงหาคม วันสุดท้ายของตลาดซื้อขาย ในที่สุดเจ้าตัวก็ได้ย้ายทีมสมใจกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์ พร้อมกับเปิดตัวเกมแรกด้วยการตะบันแฮตทริคใส่ เฟเนร์บาห์เช่ ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

ตลอด 13 ปีในรั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ด ประตูแล้วประตูเล่าบนสกอร์บอร์ดที่มีชื่อของ เวย์น รูนี่ย์ จบลงด้วยตัวเลข 253 ประตูทุกรายการ กลายเป็นนักเตะที่ยิงประตูมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร

15 แชมป์กับสโมสร เรียกได้ว่าคว้ามาครบทุกรายการที่ลงเล่นกับสโมสร ถือเป็นหนึ่งในการซื้อตัวที่ดีที่สุดของทีม และได้ชื่อว่าเป็นตำนานของสโมสรไปเรียบร้อย

แอชลี่ย์ โคล

จาก อาร์เซน่อล ไป เชลซี

ปี 2006


หนึ่งในการย้ายทีมที่สร้างความบาดหมางมากที่สุดครั้งหนึ่งของวงการลูกหนังอังกฤษเมื่อ แอชลี่ย์ โคล ที่เป็นเด็กปั้นของ อาร์เซน่อล ย้ายไปอยู่กับคู่แข่งร่วมเมืองอย่าง เชลซี

จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อเอเย่นต์แบ็คซ้ายทีมชาติอังกฤษแอบติดต่อกับ "สิงห์บลูส์" ในปี 2005 จนโดนปรับเงิน แม้ว่าจะมีการอุทธรณ์ความผิดแต่ก็ทำได้แค่ลดจำนวนเงินค่าปรับเท่านั้น ซึ่งนอกจากทางฝั่ง โคล ที่โดนปรับ 75,000 ปอนด์แล้ว ทางฝั่ง เชลซี ก็โดนด้วยทั้งสโมสรที่โดนไป 300,000 ปอนด์ ส่วน โชเซ่ มูรินโญ่ นายใหญ่ของทีมเวลานั้นก็โดนไป 200,000 เนื่องจากแอบเจรจา (โดนลดเหลือ 75,000 ปอนด์) ในภายหลัง

แน่นอนว่าเอเย่นต์อย่าง โจนาธาน บาร์เน็ตต์ ก็โดนใบ 100,000 ปอนด์ แถมโดนแบนไลเซนต์ 18 เดือน แต่ท้ายที่สุดแล้วในอีกหนึ่งปีให้หลัง โคล ก็ได้ย้ายทีมสมใจโดยมี วิลเลี่ยม กัลล่าส์ เป็นหนึ่งในเงื่อนไขย้ายทีมในครั้งนี้พร้อมเงิน 5 ล้านปอนด์ ที่ฝั่งสิงโตน้ำเงินจ่ายให้กับ "ปืนใหญ่" จากที่เจรจากันนานกว่า 1 เดือน ในวันสุดท้ายของตลาดก็สำเร็จลุล่วง 

แน่นอนว่าเป็นฝั่ง โคล และ เชลซี ที่ได้หัวเราะดังกว่าจากความสำเร็จที่มาอย่างต่อเนื่องจนแบ็คผู้ดีได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดของโลกในช่วงนั้นเลยด้วย

แชมป์พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ, คอมมูนิตี้ ชิลด์, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ ยูโรปา ลีก คือถ้วยที่ โคล ได้ร่วมกับ "สิงห์บลูส์" ตลอดเวลา 8 ปีที่ค้าแข้งในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ โดยเฉพาะในเวทียุโรปที่ดูแล้วคงยากที่จะไปถึงฝั่งฝันกับ อาร์เซน่อล

แม้ว่าทุกวันนี้ฝั่งปืนใหญ่จะตราหน้าว่า โคล คือพวกหน้าเงิน แต่หากมองในแง่ของความสำเร็จต้องบอกว่านักเตะคิดถูกแล้ว

คาร์ลอส เตเวซ

จาก โครินเธียนส์ ไป เวสต์แฮม

ปั 2006


ถือเป็นอีกหนึ่งการย้ายทืมที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนที่แข้งฝีเท้าเยี่ยมอย่าง คาร์ลอส เตเวซ (รวมถึง ฮาเวียร์ มาสเคราโน่) ย้ายมาค้าแข้งกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในวันสุดท้ายของตลาดซัมเมอร์ปี 2006

เรื่องราวการเซ็นสัญญาครั้งนี้เป็นประเด็นใหญ่โต ซึ่งท้ายที่สุด "ขุนค้อน" โดนปรับเงินก้อนโตถึง 5.5 ล้านปอนด์จากการละเมิดกฎของพรีเมียร์ลีกที่มีการย้ายทีมที่เกี่ยวของกับบุคคลที่สาม 

ในขณะที่ มาสเคราโน่ ไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับทีมมากนัก โดยได้ลงสนามแค่ 5 เกมตลอดทั้งฤดูกาล แต่ เตเวซ คือคนสำคัญที่ช่วยให้ เวสต์แฮม ที่ร่อแร่ในเวลานั้นอยู่รอดอย่างไม่น่าเชื่อโดยเฉพาะในช่วงท้ายซีซั่นที่เจ้าตัวกด 7 ลูกกับ 5 แอสซิสต์ในช่วง 10 เกมสุดท้าย ช่วยทีมชนะ 7 นัด อยู่รอดด้วยการมีแต้มเหนือโซนตกชั้น 3 คะแนน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งประตูชัยในเกมสุดท้ายที่ทำให้ทีมชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 การันตีว่าทีมรอดตกชั้นแน่นอน เพราะด้วยประตูได้เสีย หายกลายเป็นว่าทีมแพ้นั้นจะตกชั้นทันที

เท่ากับว่าเงิน 5.5 ล้านปอนด์ที่โดนปรับไปนั้นน้อยนิดเลยเมื่อเทียบกับผลงานที่ทำให้ทีมอยู่รอดปลอดภัยในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ

และด้วยผลงานที่สร้างสรรค์ให้กับทีมไม่แปลกที่นี่จะติดอยู่ในการเซ็นสัญญาในวันสุดท้ายของตลาดอันยอดเยี่ยมเลย

ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ

จาก สเปอร์ส ไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ปี 2008


การย้ายทีมของ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ มาสู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องบอกว่าเป็นเรื่องราวที่ยืดเยื้อและขัดแย้งมากที่สุดครั้งหนึ่งของพรีเมียร์ลีก รวมถึงผลกระทบจากการมาสู่รั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ดก็ควรจะอยู่ในความยอดเยี่ยมด้วย

46 ประตูในสองฤดูกาลกับ สเปอร์ส ถือเป็นความยอดเยี่ยมทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ถึงขนาดออกมาพูดว่าต้องการกองหน้ารายนี้มาร่วมทีมให้ได้ จนมีการติดต่อกันเกิดขึ้น กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเลย

ทาง สเปอร์ส ยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังเอฟเออ้างว่ายูไนเต็ดทำผิดกฎเกี่ยวกับการติดต่อกนักเตะ แต่เรื่องราวดำเนินไปรวดเร็วจนไม่อาจจะหยุดได้

ทว่าเรื่องราวไม่ได้จบลงง่ายๆเพราะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สอดมือเข้ามา ทำให้ทาง "ป๋า" ต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง และเขาก็เปลี่ยนตัวเองเป็น "โชเฟอร์" ขับไปรับ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ถึงสนามเมืองบินเมอืงแมนเชสเตอร์ เพื่อให้แน่ใจว่าจุดหมายจะไม่ใช่ที่ฝั่งสีฟ้า แต่เป็นสีแดง

แค่ปีแรก เบอร์บาตอฟ ก็ช่วยทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก รวมถึงเข้าชิงชนะเลิศในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกด้วย ก่อนจะปิดฉากกับทีมด้วยการพังตาข่าย 56 ลูก

เอาแค่การเป็นนักเตะคนแรกในรอบ 64 ปีที่กดแฮตทริคใส่ ลิเวอร์พูล ในเกม "แดงเดือด" ให้ทีมชนะ 3-2 ก็โคตรคุ้มแล้ว

หลุยส์ ซัวเรซ

จาก อาแจ็กซ์ ไป ลิเวอร์พูล

ปี 2011


ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หลุยส์ ซัวเรซ คือหนึ่งในแข้งที่แฟนบอล ลิเวอร์พูล รักมากที่สุด ในขณะเดียวกันก็เป็นแข้งที่ทีมฝ่ายตรงข้ามเกลียดที่สุดเช่นเดียวกัน แน่นอนว่ามันทำให้เหล่าสาวก "เร้ด แมชชีน" แทบจะลืม เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่ย้ายออกไป เชลซี ในช่วงตลาดหน้าหนาวเดียวกันไปเลย

แม้ว่าการย้ายทีมของ หลุยส์ ซัวเรซ มาพร้อม แอนดี้ แคร์โรลล์ แตกต่างกันที่เรื่องของค่าตัวที่ดาวยิงอุรุกวัยมีราคา 22.7 ล้านปอนด์ แต่อีกคนค่าตัว 35 ล้านปอนด์ แต่หักลบกลบหนี้แล้วแลกกันการขาย ตอร์เรส ที่ 50 ล้านปอนด์ เท่ากับทีมบวกเงินไปไม่เท่าไร

แถมผลที่ได้รับมันคุ้มค่าสุดๆ

จาก 4 ประตูในครึ่งซีซั่นแรกมาเป็น 17 ประตูในฤดูกาล 2011/12 เรื่อยมาจนถึงปี 2012/13 ที่กด 30 ลูก กระทั่งในปีสุดท้ายกับทีมฤดูกาล 2013/14 หลุยส์ ซัวเรซ ซัดตาข่าย 31 ลูก ซึ่งเกิดขึ้นในพรีเมียร์ลีกทั้งหมด น่าเสียดายที่ปีดังกล่าวทีมจบลงด้วยการเป็นแค่รองแชมป์เท่านั้น

แม้ว่าจะมีพฤติกรรมที่ไม่ดีอยู่หลายครั้งทั้งการเหยียดผิวใส่ ปาทริซ เอวร่า หรือการกัด บรานิสลาฟ อีวาโนวิช แต่เชื่อได้เลยว่าแฟนหงส์ทุกคนไม่มีใครโกรธหรือเกลียดกับความทุ่มเทสุดแรงเสมอยามลงสนาม

แม้จะมีแค่โทรฟี่ลีก คัพเพียงรายการเดียวตลอดเวลาที่ค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์ แต่ผลงานที่ทำไว้กับทีม รวมถึงค่าตัวระดับ 65 ล้านปอนด์ตอนที่ขายให้ บาร์เซโลน่า ก็นำมาซึ่งผลประโยชน์ให้กับ ลิเวอร์พูล ล้วนๆ 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด