:::     :::

การต่อสู้แบบ "ซน เฮือง มิน"

วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2563 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
1,949
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หากจะเอ่ยถึงนักเตะเอเชียที่เก่งที่สุดในยุคนี้

เชื่อว่าหลายคนมองที่ซน เฮือง มินซูเปอร์สตาร์ของสเปอร์ส และทีมชาติเกาหลีใต้ อย่างแน่นอน นอกจากผลงานที่ยอดเยี่ยม และผ่านการพิสูจน์ตัวเอง หนึ่งในเหตุผลที่หลายคนชื่นชมเขา นั่นคือทักษะ และสไตล์การเล่น ที่ไม่น้อยหน้านักเตะจากยุโรปเลย 

กระนั้น การก้าวมาเล่นในลีกมหาโหดอย่างพรีเมียร์ลีก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยซน เฮือง มินต้องฝ่าฟันอุปสรรคอย่างมากมาย และเกือบถึงจุดที่ต้องยอมแพ้กลางทาง ช่วงนี้ เราไปดูเบื้องหลังความสำเร็จของเขากันหน่อย รวมถึงบุคคลที่ช่วยผลักดันให้เขามายืนอยู่ตรงนี้ 

ซน เฮือง มินเกิดในจังหวัดกังวอน ประเทศเกาหลีใต้ เขาเป็นเด็กที่ชอบเล่นฟุตบอลเป็นอย่างมาก ผ่านการปลูกฝังจากผู้เป็นพ่ออย่างซน วุง จุนที่มีแนวทางที่ไม่เหมือนใคร โดยไม่เคยฝากฝังลูกชายคนนี้ไปเรียนรู้วิชาลูกหนังในอะคาเดมี่ เหมือนที่คุณพ่อคนอื่นเลือกทำ แต่กลับลงมือฝึกสอนด้วยตัวเอง และเป็นแบบนี้จนลูกชายอายุ 16 ปี 


ซน ถูกฝึกหนัก ภายใต้โปรแกรมสุดโหดของคุณพ่อ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ เขาเป็นนักเตะที่สามารถเล่นฟุตบอลได้ดีทั้งสองเท้า ทั้งหมดผ่านการฝึกการสัมผัสบอลมานับพัน-นับหมื่นครั้ง โดยนอกจากการออกกำลังกายที่เข้มงวด เในส่วนของโภชนาการก็สำคัญเช่นเดียวกัน โดยคุณพ่อเน้นให้เขารับประทานอาหาร ที่เน้นข้าว และนมเป็นหลัก


ความสำเร็จย่อมแลกมาด้วยความลำบากเสมอ ซน ออกมาย้อนความทรงจำว่า พ่อมักให้เขาเดาะบอลอย่างเดียวเป็นเวลา 4 ชั่วโมง โดยที่บอลห้ามตกถึงพื้น กระทั่งวันหนึ่ง เขาเคยเดาะบอลติดกันเป็นเวลานาน เรียกได้ว่าเดาะจนตาแดง และมองไม่เห็นลูกบอล แต่นั่นเป็นบทเรียนที่ล้ำค่า ทำให้เขาเติบโตมาอย่างแข็งแกร่ง ทั้งทางร่างกาย และจิตใจ


ซน เล่าต่อไปว่า ย้อนกลับไปวัยเด็ก พ่อจะมาซ้อมกับเขาทุกวัน โดยจะซ้อมวันละ 2 ครั้ง ส่วนมากจะกินเวลาวันละ 6 ชั่วโมง โดยพ่อจะคอยสอนเรื่องเทคนิค, การเล่นบอลสองเท้า และแนวทางอีกมากมาย เขายอมรับว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพ่อไม่เคยยอมให้โดดซ้อมเลยแม้แต่ครั้งเดียว อย่างไรก็ตาม พ่อของเขาเป็นคนที่รู้เรื่องฟุตบอลเยอะมาก ดังนั้น การซ้อมเลยเป็นไปด้วยดี

เรื่องราวที่น่าสนใจคือ สมัยยังอายุน้อย ซน เคยเดินทางมาประเทศอังกฤษ เพื่อทำการทดสอบฝีเท้ากับแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และพอร์ทสมัธ แน่นอนว่า เขาต้องพบอุปสรรคครั้งสำคัญ จากการที่พูดภาษาอังกฤษ ไม่ได้เลย รวมถึงการไม่มีเพื่อน และต้องทำอะไรด้วยตัวคนเดียว ส่งผลให้เขาไม่ผ่านการทดสอบฝีเท้าจาก 2 สโมสรดังกล่าว 


กระทั่งอายุ 16 ปี ซน กลับมาฮึดสู้อีกครั้ง พร้อมกับการย้ายมาเล่นฟุตบอลที่ต่างประเทศแบบจริงจังเป็นครั้งแรกในชีวิต ด้วยการเข้าร่วมทีมเยาวชนของฮัมบูร์ก สโมสรดังจากเยอรมัน ทำให้เขาเจอกับอุปสรรคอีกครั้ง เมื่อไม่สามารถพูดภาษาเยอรมัน ได้เลยแม้แต่คำเดียว แถมเพื่อนก็ยังไม่มีเหมือนเดิม เขาเฝ้าอดทนปรับตัว ผ่านการเรียนรู้ภาษา และวัฒนธรรมทีละเล็กทีละน้อย กระทั่ง 2 ปีต่อมา เขาสามารถก้าวเข้าสู่ทีมชุดใหญ่เป็นผลสำเร็จ


ซน บอกว่า การย้ายมาต่างประเทศตอนอายุ 16 ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขายังไม่มีเพื่อนฝูง หรือคนที่ไปไหนมาไหนด้วยเลย เขารู้สึกโดดเดี่ยว และต่ำต้อย บางครั้งก็คิดถึงบ้านเกิดที่ประเทศเกาหลีใต้ อย่างไรก็ตาม ความปรารถนาอย่างแรงกล้า ในการทะยานมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ คือเป้าหมายสูงสุดที่เขาวางเอาไว้ และต้องทำให้สำเร็จด้วย


หลังจากนั้น เขาย้ายไปร่วมทีมไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ด้วยค่าตัวอันเป็นสถิติสโมสร ตามด้วยการย้ายมาเล่นกับสเปอร์ส  ในปี 2015 กับราคา 30 ล้านยูโร ส่งผลให้เขากลายเป็นนักเตะเอเชียที่มีค่าตัวมากสุดในประวัติศาสตร์ นอกจากการสร้างสรรค์เกม และการยิงประตู เขายังได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของสเปอร์ส 2 ฤดูกาลติดต่อกันอีกด้วย 

นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ ซน เป็นนักเตะระดับโลกเหมือนในทุกวันนี้ โดยยังมีบางเหตุผลเล็กที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อน นั่นคือการที่ยังไม่แต่งงานโดยเขามองว่า อยากจะโฟกัสกับการเล่นฟุตบอลเพียงอย่างเดียว ส่วนเรื่องของการมีครอบครัว ค่อยไปว่ากันหลังจากเลิกเล่นฟุตบอล 


ซน กล่าวถึงกรณีนี้ว่า เขาต้องทำให้มั่นใจว่า ขณะที่เขายังเล่นฟุตบอลอยู่นั้น ฟุตบอลต้องเป็นอันดับ 1 ในชีวิต เขาไม่มีทางรู้เลยว่า ตัวเองจะเล่นฟุตบอลระดับสูงได้อีกยาวนานแค่ไหน เมื่อเลิกเล่นไปแล้ว อาจจะเป็นตอนอายุ 33 หรือ 34 เขาสามารถมีชีวิตที่ยืนยาว กับการสร้างครอบครัวได้


ซน ทิ้งท้ายว่า เขาจะพยายามยกระดับนักเตะเอเชียให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ โดยยอมรับว่า นักเตะยุโรป และอเมริกาใต้ รวดเร็วกว่านักเตะเอเชียอยู่แล้ว แถมแข็งแกร่งกว่า นี่คือระยะความห่างขนาดใหญ่ ระหว่างนักฟุตบอลยุโรป และเอเชีย เป็นเหตุผลว่า ทำไมเขาต้องทำงานหนักมากกว่าคนอื่น นักเตะเอเชีย สักกี่คนที่ประสบความสำเร็จในศึกพรีเมียร์ลีก ? จะมีก็ผู้เล่นอย่างพาร์ค จี ซอง ที่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมได้ เพราะเขาทำงานหนัก มันเป็นงานยาก ในการลงเล่นพรีเมียร์ลีก คุณต้องทุ่มเทแบบ 100 เปอร์เซนต์เต็ม ทั้งทางเทคนิค, จิตใจ และร่างกาย

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด