"7เกมสยอง" ต่อจากนี้ที่อาจทำให้โซลชาชะตาขาด
กลับมาสู่บรรยากาศของการแข่งขันฟุตบอลในระดับสโมสรกันอีกครั้ง หลังจากพักเบรคทีมชาติไปแข่งขันฟุตบอลUefa Nations League ก็เกิดอะไรหลายๆอย่างขึ้นมามากมาย ตามสไตล์บอลเบรคทีมชาติก็มักจะหางานให้สโมสรต่างๆอยู่เสมอ
และก็มีเหตุขึ้นมาจริงๆด้วย จากโดมิโน่ตัวแรก กรณีคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ผลโควิดเป็นpositive ก็ส่งผลให้นักเตะที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกับพี่โด้ในช่วงวีคนี้อาจจะงานเข้าด้วย ทั้งเพื่อนร่วมทีมชาติที่มีบรูโน่ แฟร์นันด์ส ของเราอยู่ในทีมโปรตุเกสด้วย รวมถึงทีมที่มาแข่งด้วยอย่างฝรั่งเศสเองก็ตาม จำต้องได้รับการตรวจสอบเชื้อโควิดโดยเร่งด่วน
ในยุคที่สถานการณ์โรคระบาดในระดับworldwideเป็นเช่นนี้อยู่ ไม่ช้าก็เร็วที่เรื่องแบบนี้จะต้องวนมาหาแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอย่างแน่นอน และกรณีของบรูโน่นี่ก็ถือว่าเป็นเคสที่แฟนผีหลายๆคนไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย เพราะเขาคือตัวแบกที่เป็นหัวใจสำคัญของทีมในขณะนี้อยู่ ซึ่งผลการตรวจเชื้อของบรูโน่ที่ออกมา ผลปรากฏว่าเป็น negative ปลอดจากเชื้อโควิด ก็ถือว่าโชคดีไป (รวมถึงแก๊งค์ทีมวูล์ฟก็น่าจะรอด เพราะผลเป็นnegativeหมดยกเว้นพี่โด้คนเดียว)
ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่า บรูโน่อาจจะไม่สามารถลงสนามได้ในอีก4นัดข้างหน้านั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะว่าแม้จะมีกฎที่ว่า ผู้ที่เคยได้ติดต่อโดยตรงกับผู้ป่วยที่มีเชื้อ จะต้องกักตัวเป็นเวลา2อาทิตย์ แต่ว่ากฎนี้จะ "ไม่เอามาใช้กับนักฟุตบอล" เพราะว่านักบอลนั้นฝึกซ้อมกันอยู่ในบับเบิ้ลที่มีการควบคุมดูแลอยู่แล้ว
แต่ในขณะเดียวกันด้านของคาวานี่ที่ไม่สามารถลงเจอนิวคาสเซิลได้ เพราะว่าเขายังไม่ได้แยกตัวเข้าบับเบิ้ลฝึกซ้อมที่ปารีส14วัน ก่อนจะย้ายมา (ซึ่งก็คือไม่มีอะไรคอนเฟิร์มได้ว่าคาวานี่จะไม่มีเชื้อ) ดังนั้นในเคสของกองหน้าตัวใหม่แมนยูไนเต็ดจึงจำเป็นต้องกักตัวให้เสร็จเป็นที่เรียบร้อยเสียก่อนจึงจะลงสนามให้แมนยูได้
ดังนั้นในกรณีของบรูโน่ จึงน่าจะลงสนามได้และไม่พลาด4เกมถัดไป ส่วนคาวานี่นั้นจะลงไม่ทันเกมเจอนิวคาสเซิลนัดหน้า แต่จะมีโอกาสมาทันลงเจอปารีสได้นั่นเอง
ทำไมบทความนี้ถึงต้องมาเกริ่นเรื่องโควิดกับบรูโน่เช่นนี้นั้น เป็นเพราะว่า เมื่อกลับมาสู่การแข่งขันในระดับสโมสรแล้ว โปรแกรมนับจากนี้ของแมนยูไนเต็ดถือว่าเป็นบิ๊กซินีม่าโปรแกรมเพชรหนังพันล้านระดับ "ห้าดาว"ล้วนๆ ซึ่งไม่ใช่ในแง่ที่ดีสักเท่าไหร่ เพราะเป็นเกมที่หนักระดับนรกแตกแทบทั้งสิ้น
หากใครจำได้ UCLทีมเราอยู่ร่วมกรุ๊ปออฟเดธกับPSG และก็ RB Leipzig นั่นเอง
และเท่านั้นยังไม่พอ นอกจากคิวเกมยุโรปแล้ว ในเกมลีกช่วงเดียวกันนี้ก็มีโปรแกรมเจอกับทีมระดับBig6รัวๆเช่นกัน รวมถึงจ่าฝูงในตอนนี้อีกด้วย
มาดูกันว่าโปรแกรมการแข่งของทีมเราจากนี้ (Man United Fixtures) ต้องเจอกับอะไรบ้าง เห็นแล้วจะหนาว
Newcastle United - Man United (18 Oct / เยือน)
PSG - Man United (21 Oct / เยือน)
Man United - Chelsea (24 Oct / เหย้า)
Man United - RB Leipzig (29 / Oct เหย้า)
Man United - Arsenal (1 Nov / เหย้า)
Istanbul Basaksehir - Man United (5 Nov / เยือน)
Everton - Man United (7 Nov / เยือน)
จะเห็นว่า หลังเบรคทีมชาติกลับมา แมนยูไนเต็ดต้องเจองานหนักมากจริงๆ ทั้ง3เกมแรกในUCL และเกมลีก4นัด ซึ่งเป็นการเจอนิวคาสเซิลที่ไม่ใช่งานง่าย แถมอันดับยังสูงกว่าเรา, เจอเชลซี อาร์เซนอล ทีมใหญ่ระดับบิ๊กซิกส์ที่อยู่หัวตารางติดกัน2นัดในลีก แถมตบท้ายด้วยการไปเยือน "จ่าฝูงไร้พ่าย" อย่างท็อฟฟี่สีน้ำเงินเอฟเวอร์ตันอีก
ต้องบอกว่า เป็น7นัดที่โหดร้ายสุดๆสำหรับการเริ่มต้นสู้กันอีกครั้งนับตั้งแต่ตลาดซื้อขายนักเตะปิดเรียบร้อย และได้พักเบรคทีมชาติกันมาที่หวังว่าแมนยูจะได้หายใจหายคอสักหน่อย แต่เปล่าเลย เจองานหนักรัวๆยาวไปในช่วงครึ่งเดือนนี้จนถึงต้นเดือนหน้าเลย
สถานการณ์โดยทั่วๆไปตอนนี้ของแมนยูไนเต็ด ในด้านของ "ความพร้อมนักเตะ" ที่จะได้ใช้ลงสนามมีดังนี้
Martial : โดนแบนเกมในลีก3นัด นั่นก็คือยูไนเต็ดจะไม่สามารถใช้งานหมากได้ในเกมหน้าที่เจอนิวคาสเซิล / เกมเหย้าเจอเชลซี และ เกมเหย้าเจออาร์เซนอล แต่เกมUCLที่เจอPSG กับ Leipzig จะลงได้ปกติ
Cavani : อยู่ในช่วงQuarantineตัวเองจนกว่าจะครบกำหนด ซึ่งก็จะพลาดการลงสนามนัดแรกในอาทิตย์นี้กับNewcastle United แต่จะเดบิวต์กับแมนยูได้ในเกมเจอปารีสเป็นต้นไป
Bailly : ยังไม่แน่ใจสภาพความฟิตหลังจากมีอาการบาดเจ็บในช่วงพักเบรคเกมทีมชาติ แม้เจ้าตัวจะบอกว่าแค่ล้า และกลับมาลงสนามได้ภายหลัง แต่ดูเหมือนมีแนวโน้มว่าอาจกลับไปเป็นสำรองลินเดอเลิฟเหมือนเดิม
Axel Tuanzebe : กลับมาฟิตสมบูรณ์พอดี
Bruno Fernandes : ผลตรวจเป็นnegative และจะไม่ต้องกักตัวตามที่กังวลไว้แม้ว่าCR7จะติดโควิดก็ตามทีตามกฏที่ได้เกริ่นเอาไว้แล้ว
Pogba : เช่นเดียวกันกับกรณีบรูโน่ กลับมาสามารถลงสนามได้ตามปกติ
เมื่อประมวลสถานะavailableของนักเตะคนสำคัญเราในการลงสนามนั้นจะเห็นว่า นัดที่อันตรายจัดๆก็คือ5เกมต่อจากนี้ที่แมนยูไนเต็ดทั้งเจองานยาก ทั้งไม่ได้ลงสนามแบบฟูลทีม
เกมเจอนิวคาสเซิล -ไม่มีทั้งคาวานี่ และ มาร์กซิยาล
เกมเยือนปารีส -คาวานี่ มาร์กซิยาลพร้อมรบ แต่เป็นงานหินมากในUCL
เกมเหย้าเจอเชลซี -ไม่มีมาร์กซิยาล
เกมเหย้าเจอไลป์ซิก -อีกหนึ่งงานหนักในUCLเช่นกัน
เกมเหย้าเจออาร์เซนอล -ไม่มีมาร์กซิยาล
จะเห็นว่า 5นัดนี้ เกมลีก3นัดตัวหลักสำคัญๆที่เป็นความหวังนั้นไม่ได้ลงสนามกันครบเพราะขาดMartialที่ติดแบนจากdirect red card ส่วนอีก2เกมแชมเปี้ยนส์ลีก เป็นเกมหนักระดับที่โอกาสเก็บแต้มนั้นหนักหนาสาหัสมาก ความสำคัญระดับเดียวกับรอบชิงนั่นแหละเพราะถ้าแพ้ โอกาสตกรอบUCLลงไปเล่นยูโรป้าอีกปีมีสูงมากๆ ดังนั้นเกม5นัดถัดไป ถือว่า "หนักมากๆ"
แต่หากดูต่อไปอีกสองนัด มันคือเกมที่ต้องไปเยือนอิสตันบูล บาซัคเซฮีร์ ซึ่งไปเยือนถิ่นตุรกีนอกจากจะต้องเดินทางไกลซึ่งเหนื่อยมากแล้วนั้น การเจอกับทีมจากตุรกีไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และพวกเขาก็ไม่ใช่หมูให้เคี้ยวได้แน่นอน แม้ชื่อชั้นจะไม่เท่าปารีสกับไลป์ซิก แต่ว่าก็ว่ากันตามจริงเถอะนะ แมนยูไนเต็ดตอนนี้เจอทีมไหนก็เหนื่อยทั้งนั้น ด้วยสภาพทีมและฟอร์มการเล่นปัจจุบันที่มีปัญหาในหลายๆด้าน แฟนผีอาจจะต้องยอมรับความจริงข้อนี้กันให้ได้
ดังนั้นเกมเจออิสตันบูล จึงถือเป็นอีกเกมหนักมากไม่แพ้กันในช่วงนี้
ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยการต้องไปเยือนทีมที่กำลังร้อนแรงสุดๆอย่างเอฟเวอร์ตันของพี่แจ้อันเชลอตติ ที่ตอนนี้ทีมดูสมบูรณ์และมั่นใจเอามากๆโดยเฉพาะรายของ DCL และ James Rodriguez ซึ่งหนักแน่นอนกับการเจอทีมที่กำลังเข้าฝัก มั่นใจ แถมมีผู้จัดการทีมระดับworld-class คุมทีมอยู่ด้วยแล้ว
ทั้งหมดทั้งมวลนี้จะเห็นแล้วว่า เกมข้างหน้านี้คือ "7นัดอันตราย" อย่างยิ่งที่ถือว่าค่อนข้างหนักหน่วงทุกนัด ไม่มีเวลาให้ได้หายใจเลยแม้แต่นัดเดียว ที่สำคัญคือแข่งติดๆกันแบบ เว้นระยะห่างไม่เกิน3-4วันก็เตะต่อแล้ว กลางสัปดาห์-สุดสัปดาห์ สลับกันแบบนี้ไปจนถึงต้นเดือนหน้าเลย7นัดรวด ซึ่งการเตะติดๆกันเช่นนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วงมากว่า หากมีอาการ "เป๋" เกิดขึ้น โมเมนตัมทีมจะส่งผลให้ฟอร์มการเล่นในช่วงเดียวกันนี้ติดขัดตามไปด้วยในนัดอื่นๆ ถ้าเป๋ทีก็อาจจะเป๋ยาวได้เลย ค่อนข้างน่าเป็นห่วงตรงนี้
และที่สำคัญคือ หากว่าช่วงนี้เป๋ยาว จะส่งผลกระทบหนักมากทั้งในลีกและบอลยุโรป
ในบอลยุโรปนั้นมันคือเกม3นัด ซึ่งก็หมายถึงจำนวนแมตช์ "ครึ่งหนึ่ง" ของรอบแบ่งกลุ่มทั้งหมด6นัดเข้าไปแล้ว ซึ่ง3นัดแรกนี้แหละเมื่อผ่านไปแล้วมันจะทำให้เห็นภาพได้ค่อนข้างชัดเจนแน่ๆว่า แมนยูจะผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้หรือไม่ หรือว่าอาจจะต้องตกรอบไปเล่นยูโรป้าลีก หรือกระทั่งหลุดไปอันดับ4แบบไม่เหลืออะไรเลยในซีซั่นนี้ก็เป็นได้
3นัดแรกน่าจะเห็นอนาคตในบอลยุโรปของแมนยูได้พอสมควรแล้วในทางปฏิบัติ สามารถจะเห็นแนวโน้มได้
ส่วนเกมลีก4นัด นิวคาสเซิล เชลซี อาร์เซนอล เอฟเวอร์ตัน พวกนี้อันดับสูงกว่าเราทั้งนั้น ลองมาคำนวณดูกันเล่นๆ ขณะนี้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแข่งไปแล้ว3นัดมีแค่3คะแนนจากการ ชนะ1 แพ้2 4เกมถัดไปคาดเดาผลการแข่งขันแบบง่ายๆ
-นิวคาสเซิลที่หมากคาวานี่ลงสนามไม่ได้ เกมนี้ชนะยากมาก ปีก่อนโดนนิวฯเล่นไว้น่าจะยังจำกันได้ เกมนี้มีโอกาสแพ้สูงมาก
-เชลซี แม้จะเล่นในโอลด์แทรฟฟอร์ด แต่ช่วงโควิดนี้เล่นในบ้านนอกบ้านแทบไม่มีผล และก็อาจจะโดนเชลซีย้ำแค้นอีกรอบ มีโอกาสแพ้เช่นกัน เพราะว่าก่อนเจอเชลซีก็ต้องแข่งกับปารีส หลังเจอเชลซีก็ต้องเก็บตัวไว้เจอไลป์ซิกอีก ให้แพ้ไปเลย
-อาร์เซนอล เหมือนทีมเราจะไม่ค่อยแพ้ทางอาร์เซนอลมากนัก บอลเปิดแลกกันมีโอกาสที่จะสามารถทำสกอร์ได้ คู่นี้มองในแง่ดีอาจจะแบ่งแต้มกับน่อลได้คนละ 1แต้ม หรือเราอาจจะพลิกชนะได้เพราะเกมเปิด
-เอฟเวอร์ตัน ไปเยือนทีมของพี่แจ้ตอนนี้ ปกติก็ชนะยากอยู่แล้ว มาเจอเสือติดปีก หนักกว่าเดิมอีก โชคดีสุดคืออาจจะยันเสมอได้ หรือไม่ก็แพ้
คำนวณแบบมองโลกโคตรแง่ร้ายไม่ให้กำลังใจทีมสุดๆ(ฮา) ก็มีโอกาสที่จะเกิดแบบนี้ได้ก็คือ 4นัดได้แค่แต้มเดียว หรืออาจจะสักสองแต้ม (แพ้2 เสมอ2) ตามที่เก็งไว้ น่าจะไม่ดีไปกว่านี้แล้ว ยกเว้นแต่ว่าชนะอาร์เซนอลได้ หรือชนะใครได้สักนัดนึง
ส่วนในกรณีที่ดีที่สุด แมนยูก็อาจจะได้คะแนนสัก 4แต้มเห็นจะได้ (เช่น ชนะอาร์เซนอล[3] เสมอเอฟเวอร์ตัน[1] อีกสองนัดแพ้เชลซี แพ้นิว)
Best Scenario : Man United จะมี 3+4 = 7 คะแนน จาก7นัด (จากคะแนนเต็ม21)
Worst Scenario : Man United จะมี 3+1 หรือ 3+2 = เราจะมี 4 หรือ 5คะแนนจาก 7นัด (จากคะแนนเต็ม21)
ลองสังเกตดูว่า สถานการณ์ในลีกตอนนี้ของแมนยูไนเต็ดค่อนข้างอันตรายมากๆแล้ว เพราะต่อให้เป็นBest Scenario ก็คือ แมนยูจะมี 7คะแนน ตอนที่แข่งไป7นัด ซึ่งก็ยังน้อยอยู่ดี แล้วคิดสภาพว่าเมื่อนั้นเลขยังไม่ถึง2หลัก ยูไนเต็ดจะนอนจมครึ่งตารางหลังของลีกอย่างแน่นอนไม่ว่าที่อันดับใดก็ตาม ซึ่งสุ่มเสี่ยงมากๆ
หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้อาจจะมีคำถามว่า
"แน่ใจเหรอว่า สถานการณ์ที่ดีที่สุดของแมนยู4เกมต่อจากนี้จะได้แค่4แต้ม ไม่เผื่อให้ทีมชนะเลยเหรอ?"
"ยังไม่ทันแข่งเลย กลัวขนาดนั้นไม่ต้องเชียร์หรอก?"
: ต้องบอกว่ามันคือการคาดเดาความเป็นไปได้นะครับ ยังไงในฐานะแฟนบอลเดนตายผมซึ่งเป็นแฟนผีโดยสายเลือดยังไงก็ต้องเชียร์ทีมจนหยดสุดท้ายอยู่แล้วในทุกๆนัด แต่นี่คือการเก็งสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามสภาพความเป็นจริง
ในกรณีิbest scenario 4แต้มนั้นคือการให้ชนะได้1นัดแล้ว อีกนัดเสมอ อีกสองนัดแพ้ ซึ่งลักษณะของผลแข่งขันก็ใกล้เคียงความเป็นจริงในตอนนี้ ที่แมนยูไนเต็ดแข่งมาสามนัดก็กระท่อนกระแท่น ชนะ1แพ้2 นั่นล่ะ
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พูดตามตรงเลยว่า เห็นภาพที่แมนยูจะจบเกมลีก7นัดแรกด้วยคะแนนเลข2หลัก (10คะแนน++) ขึ้นไปนั้นยากมากๆ ทั้งๆที่นับจากคะแนนเต็ม21แต้มด้วย
และถ้าหากเอามารวมกับผลลัพธ์อีก3นัดของ UCL ปราฏว่า ยูไนเต็ดลงเล่นสามนัด เก็บคะแนนได้ดีสุด 3แต้ม(จากอิสตันบูลแล้วกัน) ส่วนเกมเจอปารีส ไลป์ซิก แพ้หมด อยากบอกว่า 3แต้มจาก3นัด ไม่เพียงพอต่อการผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มแน่นอน เพราะอีก3เกมที่เหลือก็ต้องเจอทีมพวกนี้อีกรอบ
ถึงตอนนั้นก็จะเห็นสถานการณ์ของUCLเหมือนกัน
พอเอา "2สถานการณ์" ที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้7นัดมารวมกัน เราจะเห็นได้ว่า
"อยู่ครึ่งตารางด้านล่างในลีก + บอลยุโรปก็มีโอกาสตกรอบสูง"
ไม่ว่าจะตกรอบแบบไปเล่นยูโรป้า หรือตกรอบแบบอันดับ4 ไม่เหลืออะไรเลยก็ตาม ถ้าไม่ผ่านเข้ารอบน็อคเอ้าท์คือแย่หมด
ซึ่งหากเกิดแบบนี้ขึ้นมา ก็แน่นอนครับ หวยจะไปออกที่โอเล่ กุนนาร์ โซลชาอย่างแน่นอน ภาพที่ออกมาก็คือชัดเจนว่า แมนยูกำลังเข้าตาจน และเสี่ยงมากที่จะเกิดการ"ปลดผู้จัดการทีม"เพื่อสังเวยผลงานอันย่ำแย่ของทีมอีกครั้ง
ในยามที่สถานการณ์ทีมกำลังย่ำแย่ด้วยปัญหาต่างๆประดังเข้ามา ทั้งการขาดผู้เล่นจากการติดแบนและกักตัว ฟอร์มการเล่น การเจอแมตช์หนักที่ยากๆติดต่อกัน7นัดแบบไม่ได้พัก ต้องพูดว่านับจากนี้เป็นต้นไป ต้องส่งใจเชียร์ทีมกันหนักพอสมควรเลยให้เอาตัวรอดไปให้ได้
และถ้าผลการแข่งขันออกมาย่ำแย่ตามที่คาดเดาไว้ตรงนี้ โอกาสที่โอเล่จะโดนปลดกลางอากาศมีสูงมากจริงๆ ทั้งจากข่าวลือเรื่องการปลดและการรอเสียบอยู่ของพอเช็ตติโน่ และราคาต่อรองตามบ่อนต่างๆ
แต่ในทางกลับกัน หากว่าโซลชาสามารถทะลึ่งพาทีมกลับมาฟอร์มดีในช่วงนี้แบบรัวๆ และในการเจอ4ทีมใหญ่อย่าง ปารีส ไลป์ซิก เชลซี อาร์เซนอล ถ้าชนะสัก 2ใน4 ภาพรวมมันก็จะดูไม่แย่มากนัก
ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ถือว่าเป็น "บททดสอบ" ให้กับโซลชาเช่นกันในการบริหารจัดการและคุมทีมให้ฝ่าฟันช่วงนี้ไปได้ ก็เหมือนกับคำกล่าวเท่ๆที่กล่าวว่า "แพ้เป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร" นั่นเอง ในยามที่ทุกสิ่งไม่เป็นใจ ตัวนักเตะก็ไม่มีให้จากการเสริมทีมของบอร์ด
อีกนัยหนึ่งก็จะเป็นการวัดกึ๋นของโซลชาให้เห็นกันจะจะเลยในช่วงนี้ว่า เขาดีพอจะคุมแมนยูไนเต็ดต่อไปในระยะยาวหรือไม่ จากการที่โดนตั้งข้อสงสัยเรื่องฝีมือการคุมทีม ครั้งนี้น่าจะเป็นตัวชี้วัดที่ดีเลย ถ้าหากทำไม่ได้ โอกาสเกิดลูปนรกขึ้นอีกครั้งก็มีสูง
"พาทีมติดท็อป4 > ไม่เสริมทัพ > ทีมฟอร์มตก หลุดท็อป4 > ปลดผู้จัดการ > ตั้งคนใหม่และอัดงบเสริมทัพ > พาทีมติดท็อป4"
ถือเป็นการกลับมาเริ่มเตะเกมระดับสโมสรกันแบบเต็มๆหลังจากเสริมนักเตะกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังตลาดปิด คราวนี้แหละ สงครามที่แท้จริงกำลังจะเริ่มแล้ว และมัน "เริ่มตั้งแต่นัดแรก" ในเกมเยือนนิวคาสเซิลกลางดึกคืนวันเสาร์ เช้าตรู่วันอาทิตย์ที่18ตุลาคมนี้เลย ..ช่างแลจะเป็นmission impossibleซะเหลือเกินของโซลชา
และ 7เกมสยองของโซลชา ก็กำลังจะเริ่มต้น ณ บัดนี้..
-ศาลาผี-
สยองแน่นอน เดี๋ยวต้องไปเจอทีมพี่น้อยซะด้วยสิ
References
https://www.thesun.co.uk/sport/football/12849670/man-utd-anthony-martial-banned-chelsea-arsenal/