11เกมปราบเยอรมัน คืนวันที่อยู่ในความทรงจำของปีศาจแดง
RB Leipzig เป็นทีมที่8จากเยอรมันที่ได้เจอกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในฟุตบอลเกมยุโรป และก็มาเยือนในฐานะจ่าฝูงบุนเดสลีกาด้วย ซึ่งนับย้อนไปมันก็ห้าปีแล้วที่เราได้เจอกับโวล์ฟสบวร์กเป็นทีมสุดท้ายที่ปะทะสโมสรจากเยอรมัน แต่ว่าตลอดยุคของแชมเปี้ยนส์ลีกนั้นเรามีผลงานเจอทีมในบุนเดสด้วยจำนวนทั้งสิ้น 33เกม ชนะไปทั้งหมด17เกม ซึ่งก็เกินครึ่งแล้ว
ถือว่าแมนยูถูกโฉลกเวลาเจอทีมจากประเทศนี้พอสมควร (UCL1999ก็ใช่)
ดังนั้นเมื่อคู่แข่งอย่างจูเลียน นาเกลส์มันน์ (ซึ่งเป็นแฟนบาเยิร์นสมัยเด็กๆ)มาเยือนถึงถิ่น เรามาดูกันว่าสิบเอ็ดเกมแห่งความทรงจำของชัยชนะต่อทีมเยอรมันในอดีต มีเกมไหนน่าสนใจบ้าง
11. UNITED 2 WOLFSBURG 1 (รอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีก, 2015)
เจอกันครั้งแรกกับโวล์ฟสบวร์กเมื่อปี2009ตอนที่พวกเขาเป็นแชมป์ของเยอรมัน และหกปีต่อมากงล้อแห่งชะตากรรมหมุนเวียนมาบรรจบอีกครั้งเมื่อเราเจอกันในแชมเปี้ยนส์ลีก ความพยายามทำประตูของDaniel Caligiuri เกือบจะทำปาร์ตี้กร่อยแล้ว แต่สุดท้ายเป็นจุดโทษของฮวน มาต้า ที่ยิงอย่างสวยงามและประตูของคริส สมอลลิ่ง ก็พาให้เราชนะและฉลองกันที่โอลด์แทรฟฟอร์ดในที่สุด
10. UNITED 2 STUTTGART 0 (รอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีก, 2003)
แม้ว่าทั้งสองทีมจะจองตั๋วเข้ารอบ16ทีมสุดท้ายไปแล้ว แต่ม้าขาวสตุ๊ทการ์ดก็มาเยือนแมนเชสเตอร์ที่เป็นจ่าฝูงของกรุ๊ปE หลังจากที่แมนยูไปเยือน และโดนตบหาทางกลับบ้านไม่เจอ 2-1 ที่เยอรมัน พวกเขาในตอนนั้นประกอบด้วย อเล็กซานเดอร์ เคล็บ, เควิน คูรานยี่ และก็ ฟิลิป ลาห์มสมัยหนุ่มๆอยู่ในทีม แต่ว่ามีนักเตะดาวเด่นของเราสองคนที่สร้างความแตกต่างสำเร็จ นั่นก็คือ Ruud van Nistelrooy ที่ยิงก่อนจบครึ่งแรกและเป็นประตูประวัติศาสตร์เทียบเท่า Denis Lawในบอลยุโรป ก่อนที่Ryan Giggs จะมายิงตอกซ้ำในช่วงครึ่งหลัง
พี่เว่นกูได้ลูกบอลกลับบ้านจ้าาาา
9. WOLFSBURG 1 UNITED 3 (รอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีก, 2009)
ขณะนั้นยูไนเต็ดผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปแล้ว และก็เดินทางไปถิ่นรัฐSaxonyตอนใต้เพื่อเผชิญหน้ากับแชมป์บุนเดสในขณะนั้นที่ต้องการหนึ่งคะแนนเพื่อรับประกันความปลอดภัย ซึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นเกมที่ไม่เป็นไรและง่ายๆสำหรับพวกเขา ในขณะที่แมนยูไนเต็ดประสบปัญหาหนักของอาการบาดเจ็บนักเตะจนทำให้ไม่มีกองหลังใช้หนักมาก ทำให้ป๋าต้องจับเอา Fletcher ลงไปเป็นเซ็นเตอร์คู่กับ Carrick ส่วน Rooneyก็ไม่ได้ลงสนาม แต่ว่า Michael Owen ที่ลงสนามมาก็ทำประตูแรกผ่านไป
ประตูที่สอง ประตูที่สาม ค่อยๆผ่านไป
เริ่มโขกด้วยลูกหัวเม็ดแรก ก่อนที่เม็ดสองจะรอเข้าฮอร์สโล่งๆ และลูกสุดท้ายกระชากจากระยะ50หลาหลุดเดี่ยวเข้าไปชิพแบบเหนือๆ คว้าแฮตทริก3ประตู และ3คะแนนให้แมนยูสำเร็จ
คิดเอาเองว่าป๋าเก่งขนาดไหนที่ใช้CBแบบนั้น แถมตัวในสนามก็ยังมีกิ๊บโบ้ กับ โอแบร์ตองลงพร้อมกันด้วย
8. BAYER LEVERKUSEN 1 UNITED 2 (รอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีก, 2002)
หลังจากโดนเขี่ยตกรอบในรอบรองชนะเลิศปี2002ด้วยความขมขื่น เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันไม่สามารถพาทีมเข้ารอบชิงไปเล่นในบ้านเกิดเมืองนอนที่กลาสโกว์ได้เพื่อไปเจอกับเรอัลมาดริดในปีนั้น ห้าเดือนต่อมา ยูไนเต็ดกลับมาที่BayArenaอีกครั้งเพื่อที่จะเอาคืนLeverkusenให้สำเร็จ
ในรอบรองนั้นเราเละมาก แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้ รุดฟานนิสเตอรอยในชุดสีน้ำเงินที่ไม่คุ้นเคย ยิงลูกยิงประหยัดไฟใส่เลเวอร์ไปสองเม็ดอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ดาวเตะอย่าง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟในตอนนั้น จะยิงกู้หน้าให้พวกเขามาได้หนึ่งลูก แต่สุดท้ายเราก็ชนะ
(เบอร์บาเสื้อแดง รุดเสื้อน้ำเงิน โคตรเท่)
7. BAYER LEVERKUSEN 0 UNITED 5 (รอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีก, 2013)
แม้จะเริ่มเกมลีกในประเทศได้ไม่ดีในซีซั่น 2013/14 แต่ว่าในบอลยุโรปก็เดินหน้าไปได้อย่างดีเมื่อพวกเขาไปเยือนเบย์อารีน่าอีกครั้งช่วงปลายพฤศจิกายน พวกเขาอยู่อันดับสองของบุนเดส แถมขณะนั้นพวกเขาไม่แพ้ใครเลยกับเกมในบ้าน แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อวาเลนเซีย จอนนี่อี แวนส์ คริส สมอลลิ่ง นานี่ เรียงหน้ากันทำประตู พร้อมด้วยOGจาก Emir Spahic อีกหนึ่ง ส่วนดาวยิงตัวจริงอย่างรูนีย์ ได้คืนนั้นไปคนเดียว4แอสซิสต์
เอ่อ.. เม็ดไหนลูกบอล?
6. UNITED 3 BORUSSIA DORTMUND 2 (ยูโรเปี้ยนคัพ รอบแรก เลกแรก, 1956)
หลังจากบดขยี้อันเดอเลชท์ 12-0 จากสองเลกในการเปิดซิงเกมระดับทวีปเป็นครั้งแรก เกมถัดมาเหล่าบัสบี้เบ๊บส์ต้อนรับการมาเยือนของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แชมป์ของOberligaตะวันตก (7ปีก่อนก่อตั้งบุนเดสลีกา) หลังสงครามโลกไปเล่นที่สนามเมนโร้ดของแมนซิตี้ เดนิส ไวโอเล็ท และ เดวิด เพ็กก์ ซัดสามประตูให้ยูไนเต็ดภายในครึ่งชั่วโมงแรก แต่ทีมจากเยอรมันตีตื้นขึ้นมาช่วงท้ายจาก Helmut Kapitulski กับ Alfred Preissler แต่ไม่ทัน จบเกม3-2 ก่อนที่เดือนถัดมาจะเสมอกันแบบยิงประตูไม่ได้ทั้งคู่ที่ Rote Erde Stadion ของBVB แต่ก็เพียงพอจะให้เด็กหนุ่มของเซอร์แมตต์เข้าไปสู่รอบแปดทีมสุดท้ายได้สำเร็จ
8ปีต่อมาค่อยดีหน่อย
5. BORUSSIA DORTMUND 1 UNITED 6 (FAIRS CUP รอบสอง เลกแรก, 1964)
คู่อริเก่าจากแปดไปก่อน(ในข้อ5) แต่คราวนี้มาเจอกันในถ้วยเก่า Fairs Cup และไปยิงกันถล่มทลายใส่คู่แข่งถึงถิ่นแคว้นRuhr ด้วยแฮตทริกของบ็อบบี้ ชาร์ลตัน, เดวิด เฮิร์ด, จอร์จ เบสต์ และก็เดนิส ลอว์ ดาหน้าถล่มเจ้าถิ่นเพื่อที่จะพิสูจน์ให้เห็นกันชัดๆอีกครั้ง ซึ่งดอร์ทมุนด์ก็ยังมีผู้เล่นหน้าเดิมๆอยู่ในทีมอย่างเช่น Dieter Kurrat ผู้ยิงคืนให้เสือเหลือง ก่อนที่ในฤดูกาลถัดไปพวกเขาจะคว้าแชมป์Cup Winner's Cup ได้สำเร็จด้วยการปราบแอตมาดริดรอบแปดทีม ทุบขุนค้อนรอบรอง ก่อนตบผยองเหล่าหงส์แดงลิเวอร์พูล 2-1 ในรอบชิงปี1966
คู่หูคู่ฮา เอือะ อัวะ เอือะ
4. UNITED 4 SCHALKE 1 (แชมเปี้ยนส์ลีกรอบรองชนะเลิศ เลกสอง, 2011)
ปีศาจแดงที่เข้ารอบชิงครั้งที่สามภายใน4ปีของการแข่งขันรายการหลักบอลยุโรป ไล่ถล่มทีมของราล์ฟ รังนิคไปด้วยสกอร์รวมทั้งหมด 6-1 ซึ่งแม้ว่า โจเซ่ มานูเอล จูราโด้ จะทำประตูทีมเยือนสุดช็อคใส่เราก่อนในครึ่งชั่วโมงแรก แต่ยูไนเต็ดที่เครื่องร้อนก็ยิงคืนจากวาเลนเซีย และดารอน กิ๊บสัน ก่อนที่จะยิงเพิ่มจากแอนเดอร์สันในครึ่งหลัง ย้ำความแน่นอนให้ปีศาจแดงบุ๊คตั๋วไปลอนดอน เข้ารอบชิงเล่นที่เวมบลีย์ในที่สุดเมื่อสิ้นเสียงนกหวีดลง
(สุดท้ายเราก็แพ้บาร์ซ่า 3-1 คาเวมบลีย์)
แมนยูตบชาลเก้แบบoutclass แต่เจอ "นอยเคอา" องค์ลง
3. SCHALKE 0 UNITED 2 (แชมเปี้ยนส์ลีกรอบรองชนะเลิศ เลกแรก, 2011)
หนึ่งสัปดาห์ก่อนการสังหารหมู่ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ทีมของเซอร์อเล็กซ์โชว์หนึ่งในผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทวีปในช่วงนั้นตลด90นาที ชาลเก้ที่อัดอินเตอร์มิลานแชมป์เก่าตกรอบไปนั้น พักครึ่งเวลาต้องขอบคุณปฏิกิริยาเหนือมนุษย์ของ "นอยเคอา" Manuel Neuer ในวัยเยาว์ที่เซฟจ้าละหวั่น แต่สุดท้ายแล้วนอยเออร์ก็เอาปีศาจแดงไม่อยู่ เมื่อความป่าเถื่อนที่ว่า ถูกคิลเลอร์พาสหลุดเข้าไปยิงของไรอันกิ๊กส์ก่อน ในนาทีที่67 ก่อนที่ในสามนาทีต่อมา รูนีย์จะเจาะไลน์ป้องกันหลุดไปยิงลูกสองเป็นประตูทีมเยือนสองเม็ด จนทำให้เซอร์อเล็กซ์หลุดยิ้มออกมาได้สำเร็จหลังจากเครียดกับไอ้นอยมาทั้งเกม!
แย่หน่อยนะที่มาเจอพวกเราในร่างเวิร์ลด์คลาส!
2. UNITED 5 RB LEIPZIG 0 (แชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม, 2020)
สดๆร้อนๆตะกี๊นี้ นี่น่าจะเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ลำดับต้นๆในประวัติศาสตร์ตลอดร้อยกว่าปีของแมนยูไนเต็ด ต่อทีมจากเยอรมันอีกเกมนึงอย่างแน่นอน ซึ่งแฟนบอลยุคนี้ได้ดูกับตาสดๆร่วมกันในค่ำคืนนี้ เมื่อแมนยูไนเต็ดเผชิญหน้ากับอาร์เบไลป์ซิก ทีมจ่าฝูงในขณะนี้ของบุนเดสลีกาซะด้วย ซึ่งก่อนเกมการจับฉลากมาอยู่ในกรุ๊ปออฟเดธเป็นที่หนักใจของแฟนบอลพอสมควร
แต่แมนยูไนเต็ดที่ติดเครื่องยาวๆมาหลายนัดแล้วตั้งแต่เจอนิวคาสเซิล ก็สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมอันเหลือเชื่อด้วยการสู้กับบอลระบบและวินัยการเล่นเกมเพรสซิ่งของไลป์ซิกอย่างอดทนด้วยเกมกลางสนาม ก่อนที่จะแสดงให้เห็นว่า "Who's the boss?" ด้วยการแสดงความแตกต่างในเรื่องเกมรุกจังหวะสุดท้ายขึ้นนำก่อน 1-0 จากกรีนวู้ด ก่อนที่ครึ่งหลังผู้จัดการทีม(ที่เป็นฮีโร่จากแมตช์อันดับที่1ข้างล่างนี้) ก็ปรับแทคติกระหว่างเกมถึง3แผน ปรับมาเล่น4-2-2-2ไดมอนด์ไม่สมมาตรเพื่อจั่ดการเกมตรงกลางของไลป์ซิกในขั้นแรก ก่อนที่จะขยับแนวรุกออกเป็น 4-3-3 ด้วยการใช้ตัวรุกจริงลงสนาม ซึ่งทุกการเปลี่ยนตัวในวันนี้มันโชว์quality of squad depth ให้เห็นกันจะจะ ก่อนที่คุณภาพของนักเตะที่โหดกว่า11ตัวแรก จะไล่ทะลวงไลป์ซิกจนหลังบ้านเละเทะเรื่อยๆทีละลูก
ศพแรกผ่านไป ศพสองศพสามค่อยๆผ่านไป สุดท้ายวันนี้มีห้าศพด้วยสกอร์ 5-0 แถมพ่วงด้วยคลีนชีทเนียนๆชนิดที่ไลป์ซิกไม่ค่อยได้สร้างความน่ากลัวอะไรให้เราได้มากนัก
ชนะทีมจ่าฝูงเยอรมันได้ถึง 5-0 นี่น่าจะเป็นเกมแห่งความทรงจำที่แมนยูไนเต็ดขยี้ตัวแทนของเยอรมันได้แบบหมดจดอีกเกมนึงเลยจริงๆ
การเปลี่ยนตัวครั้งประวัติศาตร์ นาที81 Andy Cole <out / Ole Gunnar Solskjaer in>
1. UNITED 2 BAYERN MUNICH 1 (CHAMPIONS LEAGUE FINAL, 1999)
คงไม่ต้องเขียนสาธยายอะไรถึงเกมนี้อีกแล้วละมั้ง? ในช่วงทดเจ็บประตูจาก Teddy Sheringham ปลุกให้ปีศาจแดงทั่วทั้งผืนพิภพคืนชีพขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่แบบไม่น่าเชื่อ และจากคนที่กำลังจะพ่ายแพ้เมื่อได้ประตูเช่นนั้น ผมเชื่อว่าหลายๆคนคิดเหมือนกันในเสี้ยววินาทีคืนนั้นว่า เราชนะแน่ เซนส์มันบอก และยังไม่ทันที่จะขาดคำของความคิดในสมอง แมนยูก็ได้เตะมุมซ้ำแบบเมื่อกี๊อีกรอบ
เป็นเบ็คแฮมที่เดินมาอีกครั้งอย่างคุ้นตา แล้วก็ พรึ่บ.. คว้างงง สามแชมป์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ประตูจากโอเล่ กุนนาร์ โซลชา กลายเป็นตำนานตลอดกาลของเหล่าสาวกปีศาจแดงทั่วโลก ไม่ว่าแฟนๆบอลทั้งหลายเหล่านั้นของเราจะได้นั่งดู"ปาฏิหาริย์แห่งคัมป์นู"กันสดๆในคืนนั้นด้วยกันหรือไม่ก็ตาม(ผู้เขียนโชคดีที่ได้นั่งกรี๊ดหน้าจอสดๆคืนนั้น ลั่นบ้าน และแม่ตื่น!) ซึ่งเซอร์อเล็กซ์เปลี่ยนตัวสำรองลงมาทันเวลาจริงๆ เมื่อเชอริงแฮมลงแทนบล็อมควิสต์ในนาทีที่67 ก่อนที่โซลชาจะเป็นตัวสำรองที่ลงมาท้ายเกมในนาที81
(พี่แกก็เลยติดนิสัยชอบเปลี่ยนตัวเลทๆละมั้ง เพราะคิดว่านักเตะคนอื่นจะทำได้เหมือนแก ทั้งๆที่จริงๆแล้วบนโลกนี้ไม่มี "ซุปเปอร์ซับคนที่2" เกิดขึ้นจิงแบบโซลชามาเป็นสิบๆปีแล้ว)
ประตูของมาริโอ บาสเลอร์ในนาทีที่6 ดูเหมือนว่าจะเพียงพอต่อการนำถ้วยบิ๊กเอียร์สมัยที่4กลับแคว้นบาวาเรีย..
แต่สุดท้าย แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดก็เดินทางถึงดินแดนแห่งพันธสัญญาได้สำเร็จในที่สุด
-ศาลาผี-
Reference
https://www.manutd.com/en/news/detail/man-utd-top-10-wins-against-german-bundesliga-clubs
https://www.youtube.com/watch?v=YgVR030pMwg 11.
https://www.youtube.com/watch?v=zTt9FAvXoak 10.
https://www.youtube.com/watch?v=VuLu88iUEoc 9.
https://www.youtube.com/watch?v=TLP2y12GGrA 8.
https://www.youtube.com/watch?v=RdMPxJZS94Y 7.
https://www.youtube.com/watch?v=AoYCHxlcUhY 6. (เลก2)
https://www.youtube.com/watch?v=tIRdNc0mPgM 4.
https://www.youtube.com/watch?v=XcLGjV1UbHM 3.