:::     :::

"Rashford & Cavani" กองหน้าที่ใช้ยืนในระบบ "หน้าคู่" ของยูไนเต็ดได้ดีที่สุด

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน 2563 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
10,791
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
กองหน้าตัวจบสกอร์ของแมนยูไนเต็ดมีมากมายหลายคน แต่การจะเล่นในแผนที่ใช้ระบบ "กองหน้าคู่" นั้น การจับคู่มาร์คัส แรชฟอร์ด กับเอดินสัน คาวานี่ คือคำตอบที่ดีที่สุดของทุกคำถาม

ในช่วงหลายๆเกมที่ผ่านมาของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ทั้งในวันที่ฟอร์มดีเยี่ยม และเกมที่เล่นได้แย่ ทุกๆนัดเหล่านี้ได้สะท้อนถึงข้อดีข้อเสียอะไรหลายๆอย่างของทีมเราออกมาให้เห็นกันอย่างชัดเจนมาก ในหลายๆเรื่อง จากทั้งหมดในช่วง7เกมอันตราย แมนยูไนเต็ดเอาชนะไปได้ถึง4นัด เสมอ1นัด(แบบน่าชนะ) และแพ้ไป2นัด ซึ่งเป็นเกมที่ค่อนข้างหนักและเตะถี่ติดๆกันแบบไม่มีเวลาพักเลย

หากมองภาพรวม ถ้าไม่อคติจนเกินไป ก็ถือว่าช่วง7นัดที่ผ่านมา โอเล่สอบผ่านแบบหวุดหวิด แม้จะมีเรื่องที่น่าผิดหวังและต้องปรับปรุงแก้ไขอย่างแรงอยู่หลายเรื่อง แต่เราก็ไม่ควรที่จะทำเป็นมองไม่เห็นข้อที่เขาทำได้ดีกับทีมด้วย

ซึ่งในบรรดาคำตอบที่โผล่ออกมาระหว่างการเดินทางของทีมในช่วงนี้นั้น ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจในตอนนี้ นั่นก็คือ เรื่องของตำแหน่ง "กองหน้า" ของทีม ว่าเราควรจะเลือกใช้งานอะไรยังไงดี

ต้องบอกก่อนเลยว่า ณ ปัจจุบันนี้ แมนยูไนเต็ดมีกองหน้าชั้นดีที่มีพลังทำลายในการจบสกอร์สูงลิบลิ่วมากๆทั้ง4คน อันได้แก่ Rashford, Martial, Greenwood และสุดท้าย Cavani 4คนนี้ทุกคนจบสกอร์กันดีหมดในแนวทางที่แตกต่างกันออกไป เช่น แรชฟอร์ดเด่นในด้านจังหวะสวนกลับและการทำประตูสำคัญๆในเกมใหญ่, กรีนวู้ดยิงจากบริเวณรอบๆกรอบเขตโทษได้ดีและคมกริบ, มาร์กซิยาลมีเทคนิคและชั้นเชิงการยิงที่เหนือชั้น ส่วนคาวานี่ ไม่ต้องสงสัยว่าเขาเป็นกองหน้าตัวเป้าขนานแท้ของทีมที่ปักหลักตรงกลาง และทำประตูได้จากทุกรูปแบบ

สไตล์4คนไม่มีใครเหมือนกันเลย แม้กระทั่งแรชฟอร์ด-มาร์กซิยาลเอง ที่ดูเหมือนจะเล่นเหมือนกัน แต่ในด้านรายละเอียดต่างกันมากๆ

นอกจาก4คนนี้แล้วก็ยังมีOdion Ighalo คอยสแตนด์บายในทีมชุดใหญ่อีกคนนึงในฐานะแบ็คอัพอย่างแท้จริง ซึ่งแม้ว่าการเข้ามาของคาวานี่ก็แทบจะแย่งโอกาสของอิกาโล่ไปเลยโดยตรง แต่ก็ยังหวังว่าเราจะได้ใช้งานอิกาโล่อีกในฐานะผู้เล่นสนับสนุนที่ใช้สลับสับเปลี่ยนลงในเกมถ้วยไม่สำคัญๆที่ยังจำเป็นต้องลงแข่งได้อย่างเช่น เกมลีกคัพ หรือสำรองลงมาในยามที่เกมลีกขาดลอยแล้ว ก็ยังอาจจะพอใช้งานเขาได้อยู่

แต่เราจำเป็นต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงกันว่า อิกาโล่นั้นมาในฐานะนักเตะยืมตัวจริงๆ และชื่อชั้นก็คงจะเทียบฝีเท้าของเอดินสัน คาวานี่ไม่ได้ที่เซ็นสัญญา"ถาวร"กับทีมไปแล้ว ไม่ได้แค่ยืมตัวมา

เพราะฉะนั้นการได้ลงสนาม คาวานี่ก็คงจะได้รับโอกาสก่อนอิกาโล่อยู่แล้ว เรื่องนี้เข้าใจในเหตุผลได้ แต่ในฐานะแฟนบอลก็คงจะใจหายบ้างเล็กน้อยที่เหลือเวลาอยู่ด้วยกันอีกแค่2เดือนก่อนย้ายกลับเซี่ยงไฮ้ แต่ ณ ตอนนี้ เราก็ยังถือว่ามีอิกาโล่เป็นกองหน้าตัวสนับสนุนแบ็คอัพทีมในลำดับที่4-5 ให้อุ่นใจอยู่อีกคน  ในเวลาที่ตัวเจ็บหรือมีใครอยากพัก ก็สามารถส่งอิกาโล่ลงมาแทนได้ เราก็ต้องนับเขาเอาไว้ในหมู่กองหน้าของทีมด้วย แต่บทบาทก็จะน้อยลงหน่อยดังนั้นอาจจะไม่ได้หยิบเอาเขามาพิจารณาในการใช้แผนต่างๆเหล่านี้

เมื่อpoolกองหน้าของทีมเรามีให้เลือกจัดทีมลงสนามมากมายตามต้องการเช่นนี้แล้ว นอกจากนี้มันก็ขึ้นอยู่กับ "แผนการเล่น" เป็นตัวแปรสำคัญที่จะส่งผลต่อการเลือกใช้นักเตะในสนามเรา โดยที่โอเล่ กุนนาร์ โซลชานั้น ชื่นชอบที่จะใช้แผนการเล่นหลากหลายรูปแบบพอสมควร

formation หลักๆของโซลชานั้นปกติก็อย่างที่เราเห็น เล่นด้วยระบบฟร้อนท์ทรีในสูตร 4-2-3-1 ลักษณะของการใช้งานก็คือ จะมีกองหน้าตัวกลาง1คน และเป็นตัวรุกด้านข้าง อีกข้างละคน อันนี้รู้ๆกันอยู่แล้ว

แต่แผนสลับสำรองของโอเล่ที่เหลือ ล้วนแล้วแต่เป็นแผนที่ใช้ "กองหน้าคู่" แทบทั้งสิ้น หากพิจารณาดูให้ดีๆ

ไม่ว่าจะเป็น แมนยูไนเต็ดในร่างหลังสาม เราก็จะเล่นกันในสูตร "3-4-1-2" เป็นเป็นแผนหลังสาม+วิงแบ็ค และใช้กองหน้าคู่ด้านบนสุด

ไลน์อัพในฝันเลยเหอะ

หรือถ้าไม่ใช้หลังสาม โอเล่ที่มีVDBอยู่ในมือแล้วก็ได้มีการtest runการใช้งานด้วยแผน 4-4-2 Diamond ไปบ้างแล้วเล็กน้อย นี่ก็หน้าคู่

นอกจากนี้ก็ยังรวมถึงแผนอย่าง "4-3-1-2" เองก็ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะคล้ายๆไดมอนด์ แต่ว่าลักษณะหน้าที่ในสนามจะคล้ายแผน 4-3-3 ซะมากกว่าจะเป็นไดมอนด์ ใช้กลางสามตัวเช่น ป็อก เฟร็ด แม็ค แล้วตัวรุกด้านหน้าสามคน กลางรุกหนึ่ง และกองหน้าคู่ ดันบรูโน่ขึ้นไปสูงเล่นร่วมกับแรช กรีนวู้ด เป็นต้น

เห็นกันชัดไหมครับว่า alternative formationของแมนยูไนเต็ดในยุคนี้ ถ้าไม่ใช่4-2-3-1 ทุกแผนล้วนแล้วแต่ใช้บริการ "กองหน้าคู่" ล้วนๆ

ดังนั้นการจะมาหาคำตอบและสูตรสำเร็จที่ดีที่สุดของแมนยูยุคปัจจุบันนี้ จึงสำคัญมากๆในประเด็นที่ว่า กองหน้าในระบบหน้าคู่ของเรา ควรใช้ใคร และ "คู่ไหน" ลงสนามเป็นหลัก

และคำตอบที่ชัดและเข้าท่าที่สุดที่เกิดขึ้นมาในความรู้สึกก็คือ "Rashford & Cavani" นั่นเอง

เราจะมาพิจารณาการใช้งานนักเตะ ในแง่ของความ "เหมาะสมกับแผน" แต่ละแผนกันก่อน

ประเด็นที่1 : หน้าคู่ของ 4-4-2 Diamond

แกนกลางความคิดสำคัญของแผนนี้มันคือ การใช้งานในมิติของมิดฟิลด์4คนตรงกลางที่จะต่อบอลและทำเกมรุกขึ้นหน้า โดยใช้เกมริมเส้นเป็นนักเตะแบ็คทั้งสองข้าง ดังนั้นกองหน้าในระบบนี้จะไม่ต้องเหนื่อยลงมาทำเกมต่ำมากนัก เพราะมีกลาง4ตัวคอยปั้นเกมให้แล้ว แต่สิ่งทีสำคัญของการใช้กองหน้าในระบบไดมอนด์ก็คือ

กองหน้าต้องคมมาก และพร้อมที่จะรอรับบอลจากมิดฟิลด์ข้าวหลามตัด4คนข้างล่าง และยิงประตูทันทีที่มีโอกาส

ซึ่งทั้งRashford และ Cavani ถือว่าเข้าเงื่อนไขนี้ นั่นก็คือ มีความเป็นStrikerปิดบัญชีโป้งเดียวจอดทั้งคู่ กองหน้าที่จะเล่นในระบบนี้ต้องมีสกิลเข้าฮอร์ส และการยิงประตูในกรอบเขตโทษค่อนข้างมาก

Martial ถือว่าเข้าเงื่อนไขที่จะใช้ลงเล่นในแผนไดมอนด์ได้ดี เพราะรอจบสกอร์ได้ แต่คนที่ควรถูกตัดคนแรกจากระบบหน้าคู่สูตรนี้คือ Greenwood เพราะแม้น้องจะเป็นผู้เล่นสาย Centre Forward ก็ตามทีที่เหมาะกับการเล่นกลางสนามอยู่แล้ว แต่จากสถิติตำแหน่งการยิงมันก็ฟ้องชัดเจนว่าเขาเป็นพวกที่ไม่ค่อยชอบเข้าไปฝังตัวลึกในเขตโทษเท่าไหร่นัก เพราะไม่แกร่งพอจะเอาชนะเกมเบียดจากกองหลังได้ และไม้ตายเด็ดของเขาคือlong shot การยิงไกลจากแถวๆรอบกรอบมากกว่า ไม้เขียวจึงไม่ใช่คำตอบของแผนนี้

ประเด็นที่2 : หน้าคู่ของแผน Back Three 3-4-1-2

ใจความสำคัญของแผนนี้อยู่ที่ "เกมรับ" เป็นหลัก มันก็ชัดเจนที่จะถูกงัดขึ้นมาใช้ในการเจอกับทีมใหญ่ๆที่มีการเล่นเหนือชั้นกว่าเรา ไม่ว่าจะเป็นพวกลิเวอร์พูล แมนซิตี้ หรือแม้กระทั่งพวกเปเอสเช ไลป์ซิกก็ตาม เมื่อไหร่ที่โซลชาต้องการขันเกมป้องกันให้แน่นก่อน และต้องการจะใช้counter-attackในการเล่นโต้กลับสวนทีมเหล่านี้ขึ้นมา สูตรหลังสามก็จะถูกงัดขึ้นมาใช้

ดังนั้นเจตจำนงมันชัดอยู่แล้วแผนนี้ นั่นก็คือ "เล่นรับ แล้วสวนกลับ"

กองหน้าในแผนนี้จึงควรจะต้องมีความเร็วในการเล่นเกมโต้พอสมควร ตัวที่เล่นได้แน่ๆคือ Martial กับ Rashford ส่วน Greenwood ก็พอใช้ได้เช่นกัน และสุดท้ายCavaniที่อาจจะไม่เหมาะกับการลงตัวจริงในแผนนี้ แต่ถ้าเป็นท้ายเกม โอเคเลย เอาจริงๆคาวานี่ก็ยังมีสปีดที่ใช้งานได้อยู่นะ หลายคนคิดว่าแกแก่แล้ว แต่ไม่เห็นจังหวะแกสปรินท์ในเกมเหรอเวลาลงสนามไป ก็ยังเร็วจี๋อยู่เหมือนเดิมนะ แข็งด้วย ถามว่าใช้งานCavaniในแผนหลังสามรอโต้กลับได้ไหม

ได้อยู่แล้วทำไมจะไม่ได้

ประเด็นที่3 : หน้าคู่ของแผน 4-3-1-2

แผนนี้จริงๆมีสองร่างทรงในแผนเดียวกัน เพราะอีกชื่อนึงของสูตรนี้ที่โอเล่ใช้นั่นก็คือ "แผนต้นคริสมาสต์แห่งการล้างแค้น" นั่นก็คือ ในยามที่เล่นเกมรับ นักเตะจะformการยืนในทรง 4-3-1-2 บรูโน่จะขยับมายืนไล่บอลอยู่ตรงกลางตามปกติ เพื่อหวังผลในแง่ของการใช้พื้นที่วิ่งเพรสใส่ศัตรู และในจังหวะสวนกลับ ยามที่ได้บอลจากตอนเล่นรับหากบรูโน่ยืนกลาง จะสามารถออกบอลขึ้นหน้าให้ Forwardสองตัวซ้ายขวา (แรช กรีนวู้ด) วิ่งโต้กลับได้

แต่ในยามบุก ยูไนเต็ดในสูตรนี้จะยืนกันด้วยทรง 4-3-2-1 ซึ่งเป็นยอดเรียวของแผนต้นไม้ เพราะจะใช้แบ็คโฟร์+กลางสามคน+ตัวรุกสร้างสรรค์เกมบุก2คน และมีตัวเป้าส่ายโจมตีอีก1 ซึ่งด้านบนยอดนี้จะคล้ายๆแผนของเชลซีเช่นกันที่มี ฮาแวร์ตซ+พูลิซิช กับแวร์เนอร์

จะเห็นว่าแผนนี้กองหน้าที่อยู่ในสูตรควรจะเป็นกองหน้าที่มีteamworkที่ดี และมีwork rateที่สูงพอสมควร เพราะว่าต้องรับผิดชอบเกมในแดนหน้าด้วยการ"วิ่ง" ส่ายไปมาเพื่อหาตำแหน่งรับบอลและเข้าทำกับตัวplaymakerอีกคน คือกองหน้าในสูตรนี้ต้องมีส่วนร่วมในเกมการเล่นค่อนข้างสูง (อย่างที่กล่าวไปว่าปรัชญาแผนนี้จะคล้าย 4-3-3 ซะด้วยซ้ำ 3ตัวหน้าต้องแบกเกมรุกกันเองค่อนข้างมาก)

และตัวที่work rateดีที่สุดสองคนแรก คือ Rashford กับ Cavani ส่วนอีกสองตัว Martial กับ Greenwood ดูไม่ค่อยจะเหมาะกับการที่ต้องเล่นในแบบแยกแนวรุกisolateออกไปและทำเกมกันเอง โดยไม่มีตัวสนับสนุนจากกองกลางแบบนี้เท่าไหร่

แต่ประเด็นสำคัญที่ว่า ทำไมคู่ของ Rashford Cavani จึงสมควรเป็นตัวจริงก่อนยืนพื้นอันดับแรก ในระบบ "หน้าคู่" มีเหตุผลที่เห็นได้ชัดหลายข้อดังนี้

1.แรชฟอร์ดทำได้ดีมากเวลายืนกองหน้าตัวกลาง

ในเกมช่วงที่ผ่านมา ที่ฟอร์มโหดๆนั่นแหละ ส่วนใหญ่ก็เกิดขึ้นในยามที่แรชฟอร์ดเล่นหน้าเป้าแทบทั้งสิ้น เพราะโชคดีที่มาร์กซิยาลโดนแบนไปสามเกม มันเลยได้เห็นอะไรดีๆเยอะ ทั้งจากการเป็นตัวจริง และตัวสำรองลงมาภายหลัง

แรชฟอร์ดเองก็ยังมีจุดอ่อนอยู่หลายข้อ โดยเฉพาะเรื่องการสร้างสรรค์เกมรุก เขามักจะมีปัญหามากและทำเกมไม่ได้เวลาที่ถ่างออกมาเล่นInside Forwardด้านซ้าย ซึ่งห่างไกลประตูมาก จะสังเกตได้ว่า แรชฟอร์ดลากเลื้อยได้ก็จริง แต่ทำได้ดีกว่าในจังหวะสวนกลับที่มี "พื้นที่" ให้แรชเล่นเท่านั้น

หากเป็นเกมที่ไม่มีพื้นที่ให้เขาได้เล่นและได้ใช้ความเร็วของตัวเอง สิ่งที่ทุกคนเห็นกันจนชินก็คือ แรชฟอร์ดลากเลี้ยงไม่ค่อยผ่านคู่ต่อสู้ได้มากนัก เพราะยังไม่พริ้วพอจะเอาชนะคู่แข่งได้ในพื้นที่แคบๆเท่าไหร่ ตรงนั้นต้องใช้สกิลปีก(winger)มากกว่านี้ ซึ่งจริงๆดูเหมือนเอาMartialมายืนถ่างริมเส้นยังอาจจะดีกว่าแรชด้วยซ้ำ

การนำแรชมาใช้ในตำแหน่งกองหน้าด้านข้าง จึงอาจจะยังไม่ใช่คำตอบที่ถูกที่สุดของเขา

แต่เมื่อใดก็ตามที่แรชได้ยืนเป็นกองหน้าตัวกลาง ในระบบหน้าคู่ และได้เล่นเกมสวนกลับ อาวุธที่เขามีอยู่จะทรงพลังมากๆ ไม่ว่าจะเป็นจังหวะใช้ความเร็ว หรือการหาตำแหน่งเข้าทำจากตรงกลาง ซึ่งทำได้ดีมาก

นอกจากนี้ในเชิงสถิติและภาควิเคราะห์การเล่นในสนาม หลายๆเกมจะเห็นว่า แรชฟอร์ดนั้นมีสถิติเป็นนักเตะข้างเราที่ "พาบอลขึ้นหน้าได้มากที่สุด" กล่าวคือ เป็นการพาบอลขึ้นหน้าด้วยการครองบอล และไปกับบอล ได้มากที่สุดในทีม แต่ถ้าเป็นการจ่ายบอล วางบอลขึ้นหน้า ยังคงเป็นบรูโน่ แฟร์นันด์ส อยู่

เรื่องตรงนี้สะท้อนอะไร? สะท้อนให้เห็นว่า เขาเป็นกองหน้าสาย Forward ที่เหมาะมากในการ"ยืนต่ำ" ลงมาจากกองหน้าตัวเป้าด้านบนสุด เพราะจะได้ใช้ประโยชน์ในเรื่องของการdrive และพาบอลขึ้นหน้าของเขานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ก็คือ "กองหน้าตัวต่ำ" ในมิติที่คล้ายๆกับเวย์น รูนีย์ นั่นเอง

แรชฟอร์ดไม่เหมาะจะเอาไปยืนรอบอลในกรอบเขตโทษ เพราะจะเสียของมากๆที่ไม่ได้ใช้งานด้านสกิลพาบอลและสปีดความเร็วของเขาเลยแม้แต่น้อย

สรุปทั้งหมดทั้งมวลแล้ว เมื่อยังไม่เหมาะกับเกมริมเส้น เล่นได้ดีในยามเล่นกองหน้าตัวกลาง และเหมาะกับการยืนเป็น"หน้าต่ำ" เช่นนี้ ก็เป็นคำตอบได้ดีว่า เขาเหมาะกับระบบหน้าคู่มากๆ ในการเล่น กองหน้าตัวต่ำ

2.คาวานี่จะเป็นกองหน้าตัวค้ำที่ดีที่สุดในระบบหน้าคู่

วันนี้เราพูดเจาะกันถึงระบบหน้าคู่ของแมนยูเท่านั้น เมื่อแรชฟอร์ดจองไปแล้ว1ตำแหน่งอย่างที่บอก คู่หูของเขาควรจะเป็นใครในระบบหน้าสองตัวเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นมาร์กซิยาล คาวานี่ หรือกรีนวู้ด

คำตอบทั้งหมด พุ่งเป้าไปที่ เอดินสัน คาวานี่ คนเดียวอย่างไม่ต้องสงสัย

เอาจริงๆแล้วในระบบ 4-2-3-1 คาวานี่ก็ควรจะได้โอกาสเป็นตัวจริงในการยืนหน้าเป้าตัวบนสุดของทีมด้วยซ้ำ แต่ก็อย่างที่เห็นกัน โอเล่พิจารณาเขาในฐานะตัวสำรองเปลี่ยนเกมครึ่งหลังตลอดอยู่แล้ว และจะไม่ใช้ลงเป็นตัวจริงหลัก ทั้งๆที่มาร์กซิยาลก็ฟอร์มย่ำแย่ ไม่มีส่วนร่วมกับเกม และไม่ทุ่มเทในการเล่นเท่าที่ควร

เป็นอีกเรื่องที่ส่วนตัวถือว่าต้องตำหนิโอเล่จริงๆในชุดความคิดการเลือกนักเตะของเขา

แต่ในเมื่อต้องทำใจกับแผนนั้นที่โอเล่เน้นหน้าสามตัวสลับตำแหน่งอิสระ ดังนั้นเรามาดูในระบบหน้าคู่ อย่างที่วิเคราะห์ไว้ ในแผน4-4-2 diamond ที่ต้องการกองหน้าเพชรฆาตตัวปิดบัญชีเน้นๆ ยิงคมๆ และกับ แผน 4-3-1-2 ที่ต้องการกองหน้าwork rate และ team work สูงๆ

คาวานี่เข้าสเป็คหมดทุกอย่าง

3. แผนกองหน้าคู่ที่ดี ควรต้องมี หน้าเป้าตัวค้ำ กับ หน้าต่ำ อย่างละคน

มีแผนเดียวที่อาจจะดูไม่เหมาะจะใช้เป็นตัวจริง ก็คือแผนรับแน่นแล้วโต้กลับของสูตรหลังสาม 3-4-1-2 เท่านั้น แต่ก็ยังสามารถใช้งานเฮียแกในครึ่งหลัง เป็นตัวสำรองเปลี่ยนเกมได้อยู่ดีในยามที่คู่แข่งเริ่มหมดแรงแล้ว ก็ใช้งานได้อยู่อีก

การเล่นกองหน้าคู่นั้น ถ้าจะให้ดีที่สุดก็อย่างที่หัวข้อบอก มันควรจะต้องมี ตัวค้ำ ด้านบนสุดตัวนึง กับ ตัวต่ำ ที่ลงมาล้วงบอล และช่วยปั้นเกมอีกคนได้

เราไม่ได้บอกว่านี่คือ "สูตรสำเร็จตายตัว" ที่จะต้องเป็นแบบนี้เท่านั้น แต่โดยรวมแล้วส่วนใหญ่ หากต้องการ"สมดุล"ของการเล่น ที่มีมิติสำคัญๆครบ เราก็ควรจะใช้กองหน้า2ตัวที่มีมิติแตกต่างกัน เพื่อให้ครอบคลุมการเล่นที่จำเป็นทั้งหมดในสนาม

คิดง่ายๆ หากเราใช้แต่พวกตัวForward ทั้งสองตัวคู่กัน เช่น แรชฟอร์ด-มาร์กซิยาล มันก็เหมือนมีตัวสไตล์เดิมซ้ำกันอยู่สองตัวในสนาม คำถามคือ แล้วใครจะโขกโหม่ง ใครจะรับบอลโยนยัดเข้ากรอบเขตโทษได้?

= ไม่มี

โอเล่และลูกรักทั้งสองของเขา

กลับกัน ถ้าเอาแต่ตัวเป้าสองคน ไปยืนรอแต่ในกรอบทั้งคู่ แต่ไม่มีตัวช่วยลงมาล้วงต่ำ ช่วยตั้งเกมจากด้านล่าง ยิ่งเป็นแบบนั้นบอลจะยิ่งไปไม่ถึงแดนหน้าเข้าไปใหญ่ กลายเป็นกองหน้าบอลไปไม่ถึง ส่วนแดนกลางก็คุมเกมไม่ได้ ต่อเกมกันไม่ได้ สุดท้ายกลายเป็นฝ่ายโดนบุกแทนซะอีก

ในหลักคิดพื้นฐานของการใช้กองหน้าแล้วนั้น ส่วนใหญ่เขาก็จะเลือกแบบนี้แหละ คือมีตัวค้ำสูงคนนึง และก็หน้าคู่อีกคนจะเล่นต่ำลงมาหน่อย

อยากให้ลองคิดง่ายๆว่า ในยุคที่แมนยูไนเต็ดประสบความสำเร็จที่สุด ที่ผ่านๆมานั้น ยุคที่หน้าคู่เด่นๆก็จะมีสมัย1999 คู่หูนิลกาฬ ดไวท์ ยอร์ค-แอนดี้ โคล และอีกยุคนึงก็คือยุคสุดท้ายของป๋าเลย "Fatman & Robin" โรบิน ฟานเพอร์ซีย์ กับ เวย์น รูนีย์

คู่ยอร์คโคลนั้นก็ค่อนข้างชัดเจน ยอร์คเป็นกองหน้าที่มีทักษะสกิลเหนือชั้นอยู่แล้ว และเข้ามาเป็นกาวให้กับทีมแทนคันโตน่า และแทนการจับคู่ที่ไม่สำเร็จของโคลกับเชอริงแฮม

ซึ่งแอนดี้ โคล เรารู้กันอยู่แล้ว เป็นตัวเป้าที่วิ่งหาตำแหน่งและสร้างโอกาสยิงได้เยอะมาก ส่วนยอร์คที่สกิลสูง ก็ถอยเล่นต่ำลงมาหน่อยนึง แต่สิ่งที่ทำให้คู่นี้ประสบความสำเร็จจริงๆก็คือ "ความเข้าขากัน" สุดๆ

ส่วนคู่ RVP กับ Rooney อันนี้คงไม่ต้องอธิบายเพิ่มแล้วมั้งว่าใครเป็นตัวเป้าจอมถล่มประตู ส่วนใครเป็นหน้าต่ำคลาสสูงที่มีพลังในการปั้นเพื่อนและทำประตูด้วยในเวลาเดียวกัน

จะเห็นว่า ทั้งสองคู่นี้ ในยุคที่แมนยูประสบความสำเร็จด้วยแผน "หน้าคู่" ไม่ว่าจะ 4-4-2 classic หรือ 4-4-2 Winger ในยุคหลังก็ตามที คอมโบที่ดีมันก็ควรจะเป็นเช่นนี้แหละ คือตัวค้ำยิง1 ตัวต่ำปั้นเกม1 ถึงจะครบ

ถ้าไม่ใช่แรช-คาวานี่ แล้วจับคู่อื่น มันจะไม่สามารถดึงประสิทธิภาพสูงสุดออกมาได้เต็มที่มากนัก

เพราะ Rashford & Martial เวลาเอาลงพร้อมกันก็เหมือนมีกองหน้าตัวเดียวซ้ำกันสองคน ส่วน Greenwood นั้นเหมาะกับการจับคู่กับ Cavani มากเป็นพิเศษ เพราะให้คาวานี่ค้ำในกรอบไป ส่วนGreenwoodก็เป็นForwardที่จู่โจมจากวงนอก แต่การเล่นของGreenwoodก็ยังมีปัญหาด้านการทำเกมรุกร่วมกับทีม ที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร ก็อาจจะต้องรอเวลาเก็บประสบการณ์และพัฒนาฝีเท้าไปก่อนอีกนาน

ส่วนMartialนั้น อยู่ตรงไหนของทีม ตรงไหนของหัวใจเธอ.. ผมว่าMartialเหมาะกับการยืนหน้าซ้าย ในระบบหน้าสามมากที่สุดแล้ว แต่ถ้าจะให้เล่นหน้าคู่นั้น หมากเหมือนจะยังไปไม่สุดเท่าไหร่ เพราะต้องรับภาระเยอะ(กองหน้ามีแค่สองคน ไม่ใช่สาม) ซึ่งหมากเองยังไม่สามารถแบกการเล่น หรือสร้างสรรค์ด้วยตัวเองคนเดียวได้ ในขณะที่ความขยันทุ่มเทก็ยังมีไม่มากพอที่จะรับภาระครึ่งหนึ่งของการทำประตูให้ทีมไหว

เรื่องสกิลในการยืนค้ำแดนหน้านั้น หมากดูดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเพราะโอเล่ปั้นตำแหน่งนี้ให้ แต่หากจะให้เทียบจริงๆ มันก็ยังดีสู้ "หน้าเป้าแท้" ไม่ได้จริงๆ เพราะกองหน้าตัวเป้าทีมอื่นบางคน อย่างเช่น DCL ของเอฟเวอร์ตันล่าสุด ก็ยังดูจะเล่นดีและอันตรายกว่าหมากหลายเท่าตัวมากๆ

ดังนั้น เมื่อสรุปทุกหลักฐานที่มีมา และประมวลเข้าด้วยกันแล้วนั้น คำตอบมันง่ายสุดๆ ง่ายมากจริงๆ

หากแมนยูไนเต็ดเลือกเล่นด้วยระบบกองหน้าคู่ขึ้นมาเมื่อใด เราควรต้องใช้คู่หู "Rashford กับ Cavani" เท่านั้น

ทั้งสองคนคือกองหน้าที่ดีที่สุดของทีมเราแล้ว ส่งลงตัวจริงเถอะ ขอร้อง..

-ศาลาผี-

ให้มันรู้ซะบ้างว่าไผเป็นไผ ติดอยู่ในเซ็ตโฆษณากองหน้าชั้นนำของโลกร่วมกับคาวานี่มานานแล้ว แรชฟอร์ดก็ชื่อชั้นไม่ธรรมดาเหมือนกัน

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด