:::     :::

ขอกลับมายุโรปอีกครั้ง

วันจันทร์ที่ 01 มีนาคม 2564 คอลัมน์ ฟุตบอลข้างถนน โดย โกสุ่ย
990
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ฮอร์เค่ ซามเปาลี สร้างชื่อให้แฟนบอลทั่วโลกรู้จักในฟุตบอลโลก 2014 จากเกมที่พา ชิลี สอนเชิง สเปน แชมป์เก่าของรายการไปด้วยสกอร์ 2-0

แม้ท้ายที่สุด ชิลี จะตกรอบ 16 ทึมสุดท้ายด้วยน้ำมือเจ้าภาพ บราซิล แต่ชื่อของ ซามเปาลี เข้าไปอยู่ในใจแฟนบอล โดยเฉพาะผองชนชาวชิลีที่ยกย่องกุนซือรายนี้ให้เป็นหนึ่งในตำนานเพราะเขาคือคนที่พาทีมคว้าแชมป์ โกปา อเมริกา มาครองในปี 2015 ซึ่งถือเป็นแชมป์รายการใหญ่หนแรกในประวัติศาสตร์ของทีมชาติชิลี

นั่นถือเป็น ไฮไลต์ สำคัญในเส้นทางอาชีพเทรนเนอร์ฟุตบอลของ ฮอร์เค่ ซามเปาลี แต่กว่าจะมาถึงวันที่ประสบความสำเร็จเขาต้องผ่านอะไรมามากมาย ทั้งความผิดหวังและเส้นทางที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้

นับจากลืมตาดูโลกในปี 1960 ที่เมืองเล็กๆ ชื่อ กาซิลด้า ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัด ซานตา เฟ ซามเปาลี เป็นเด็กคนหนึ่งที่หลงใหลในเกมฟุตบอล เขาหลงรักกีฬาชนิดนี้ไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่มีความฝันว่าสักวันหนึ่งจะได้เติบโตมาเป็นนักเตะอาชีพ

กระนั้นเส้นทางของเขากลับไม่เป็นไปตามที่ฝันไว้ ต่างจากเด็กหนุ่มรุ่นเดียวกันที่ชื่อ ดีเอโก้ มาราโดน่า ซึ่งก้าวไปเป็นตำนานของประเทศ กลายมาเป็นนัเตะอันเป็นที่รักของชาวอาร์เจนติน่า 




แต่สำหรับ ซามเปาลี มันคือเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม เพราะเขาไม่เคยไปได้ไกลกว่าระดับเยาวชนที่เป็นกำแพงสูงลิบ และที่สำคัญคืออาการบาดเจ็บซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญให้เขาต้องหันหลังให้เส้นทางนักฟุตบอลในวัยเพียง 19 ปี

เส้นทางนักเตะอาชีพอาจจะปิดตัวลง ถึงกระนั้น ซามเปาลี ยังคงไม่ยอมแพ้ แม้ช่วงเวลาหลังจากนั้นจะหันเหไปเป็นนายธนาคารควบคู่กับเทรนเนอร์ด้านร่างกาย แต่เขายังคงมุ่งมั่นในเส้นทางลูกหนังของตนเอง ไม่ยอมแพ้ไม่ยอมให้ตนเองออกห่างจากวงการฟุตบอล

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 1991 ตอนที่สโมสรท้องถิ่นเล็กๆ นาม Alumni de Casilda สั่งปลดกุนซือ ซึ่งมาพร้อมกับโอกาสในการรักษาการหน้าที่ของ ซามเปาลี

การทำงานของเขาอาจจะคลุกคลีกับลีกล่างเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี แต่นั่นไม่ได้ทำให้ไฟในตัวของเขามอดดับลงไป ที่สำคัญชีพจรยังลงเท้าให้ ซามเปาลี เดินทางไปทำงานกับสโมสรในต่างประเทศ อาทิ เปรู, ชิลี และ เอกวาดอร์ ซึ่งในปี 2010 หนึ่งในจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดของเขาก็เกิดขึ้น

ในปีดังกล่าวสโมสรชื่อดังของชิลีอย่าง อูนิเวร์ซีดาด เด ชิลี เสี่ยงครั้งสำคัญในการแต่งตั้ง ซามเปาลี เข้ามารับงาน คำถามเกิดขึ้นกับกุนซือรายนี้ว่าจะสามารถผลักดันทีมที่มีความคาดหวังสูงได้หรือไม่ กระนั้นคำตอบออกมาพร้อมผลงานในสนามเพราะปีแรกเขาพาสโมสรคว้า 3 แชมป์มาครอง (อเปร์ตูร่า, เคลาซูร่า และ โกปา ซูดาเมริกาน่า)





ผลงานการทำทีมของเขายังคงยอดเยี่ยมโดยเฉพาะในฟุตบอลรายการใหญ่อย่าง โกปา ลิเบร์ตาดอเรส ปี 2012 ที่หลุดเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะพ่ายยอดทีมของทวีปอย่าง โบคา จูเนียร์ส ด้วยสกอร์รวม 0-2

กระนั้นผลงานที่สร้างขึ้นมาตลอดระยะเวลา 2 ปีก็เพียงพอให้สหพันธ์ฟุตบอลชิลีเสนอสัญญาคุมทีมชาติอย่างเป็นทางการ

อย่างที่ทราบกันดีว่าช่วงเวลาที่ ซามเปาลี คุมชิลี เขาได้นำสิ่งใหม่ๆ มาสู่ทีมโดยเพาะการเล่นที่สนุก ดุดัน และหวังผลได้ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2014 ก่อนจะมาประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ โกปา อเมริกา ปี 2015 

แม้ว่าเส้นทางจะสวยงาม แต่สำหรับ ซามเปาลี การเดินทางครั้งใหม่ได้เริ่มต้นอีกครั้ง หนนี้เป็นการทำงานครั้งแรกในเวทียุโรปกับ เซบีย่า แต่อยู่ได้ไม่ถึงปีก็มีเหตุให้เขาต้องเก็บกระเป๋าอีกครั้ง

หนนี้เข้าใจดีว่ามันคือข้อเสนอสุดพิเศษที่ยากจะปฏิเสธ เพราะเป็นข้อเสนอจากทีมชาติอาร์เจนติน่ามากองอยู่ตรงหน้า


ตำแหน่งที่ ซามเปาลี ฝันใฝ่ต้องการ แต่ผลงานกลับไม่เป็นไปตามที่วางไว้ ท้ายที่สุดหลังความผิดหวังในฟุตบอลโลก 2018 ก็ถึงวันที่เขาต้องโยกย้ายอีกครั้ง

การทำงานของ ซามเปาลี ยังคงอยู่ในแถบละตินอเมริกา ซึ่งหลังจากแยกทางกับทีมฟ้าขาว เขาได้ทำหน้าที่เป็นกุนซือของ ซานโต๊ส และ อัตเลติโก มิเนโร่ สองสโมสรจากบราซิล

เหมือนเป็นการชุบตัวและเพิ่มความมั่นใจในการทำงาน ข่าวลือเรื่องความสนใจจาก โอลิมปิก มาร์กเซย เริ่มมีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ โอแอ็ม แยกทางกับ อันเดร วิลลาช-โบอาช 

ฝั่ง ซามเปาลี เริ่มเห็นข่าวลือซึ่งส่งผลกับเขาพอสมควร เพราะหลังจากนั้นเริ่มมีข่าวว่ากุนซือวัย 60 ปีอยากกลับไปทำงานในยุโรปอีกครั้งหลังจากเคยลิ้มรสมาไม่ถึงปี และพยายามเจรจากับ มิเนโร่ เพื่อขกยกเลิกสัญญา




ล่าสุดอย่างที่ทราบกันไปแล้วว่า มาร์กเซย ประกาศแต่งตั้ง ซามเปาลี ให้ทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชุดใหญ่ไปจนถึงกลางปี 2023 แม้ว่าตอนนี้เขายังคงอยู่ในช่วงกักตัวและไม่ได้ลงคุมทีมดวลกับ ลียง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่ไฟและความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมอย่างมาก

สำหรับ ซามเปาลี นี่คือสโมสรที่เหมาะกับเขา ทั้งด้วยความทะเยอทะยานและต้องการกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ ที่สำคัญคือความต้องการให้แฟนบอลมาร์กเซยกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง

เส้นทางที่ทอดยาวอยู่ตรงหน้าถือเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม มันคืองานที่อาจจะยากที่สุดที่ ซามเปาโล เคยเผชิญมา เพราะไม่เพียงแค่การผลักดันทีมให้กลับมาทำผลงานที่ดี มันคือการกู้ศรัทธาจากแฟนบอล โอแอ็ม ที่กำลังสงสัยกับทิศทางของสโมสรอย่างมาก

สิ่งสำคัญที่สุดคือผลงานในสนาม ที่จะเป็นตัวชี้วัดว่า ซามเปาลี คือคำตอบที่ใช่ของ โอลิมปิก มาร์กเซย หรือไม่



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด