"เบสเพลสของเจสซี่" ความฝันที่นี่ หรือ ฟอร์มดีที่นั่น
เชื่อว่านี่เป็นประเด็นสำคัญที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เกี่ยวกับอนาคตของนักเตะที่ยังเป็นสมบัติของทีมเราอยู่อย่าง "เจสซี่ ลินการ์ด" ที่ตอนนี้ถูกปล่อยยืมตัวอยู่กับทางขุนค้อน เวสต์แฮมยูไนเต็ด ว่าสุดท้ายแล้ว เขาควรมุ่งหน้าไปสู่ที่ใด ระหว่างการขายขาดให้กับเวสต์แฮมยูไนเต็ด หรือดึงกลับมาช่วยแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอีกครั้ง
"Best Place" ของเขาอยู่ที่นี่ หรือ ที่นั่น?
นี่คือคำถามที่คิดว่าแฟนบอลหลายๆคนก็คงจะครุ่นคิดและมีคำตอบอยู่ในใจกันอยู่แล้ว ซึ่งก็ไม่ใช่คำถามที่ยากสักเท่าไหร่ แต่ในความที่ "ตอบได้ไม่ยาก" ของปลายทางเรื่องนี้ ต้องถามกลับไปว่า คำตอบที่ดูง่ายนั่น คือคำตอบที่ดีที่สุดจริงๆหรือ
บทความนี้น่าจะช่วยให้ผู้อ่านตัดสินใจได้ง่ายขึ้นอีกเล็กน้อยว่า คำตอบของคุณคืออะไร
คำถามแรกสุด ถามย้อนขึ้นมาในมโนสำนึกทันทีที่เราจะพูดถึงเรื่องนี้ว่า คำว่า "ดีที่สุด" ที่ว่านี้นั้น เราจำเป็นต้องพิจารณากันก่อนด้วยว่า "ดีที่สุดสำหรับใคร"
ดีสำหรับแฟนบอล? ดีสำหรับสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด? หรือดีสำหรับตัวลินการ์ดเอง..
เพียงแค่เริ่มต้นก็ต้องพิจารณาแยกแยะก่อนแล้วว่า ให้ดีที่สุด มันดีของใคร
บางครั้งทางเลือกมันอาจดีกับตัวนักเตะเอง แต่อาจจะไม่ดีกับสโมสร
บางครั้ง มันอาจจะไม่ดีที่สุดสำหรับนักเตะ แต่โคตรดีกับสโมสร
หรืออาจจะเป็นทางเลือกที่ ดีกับทั้งนักเตะ และ สโมสรด้วยในเวลาเดียวกัน
จะเห็นได้ชัดเจนว่า ทางเลือกที่ดีที่สุด ควรเป็นทางเลือกต้องดีทั้งตัวนักเตะเองด้วย และดีกับสโมสรเราด้วยในเวลาเดียวกัน นั่นต่างหากที่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ดังนั้นผลกระทบของคำตอบในการเลือกอนาคตครั้งนี้ เราควรที่จะมองทั้งในแง่ของตัวนักเตะเอง และมองถึงสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดควบคู่กันไปในเวลาเดียวกัน
ในเบื้องต้น เรามาลองเปรียบเทียบผลงานของเจสซี่ ลินการ์ด ระหว่างสโมสรเก่า กับสโมสรใหม่กันก่อน
สถิติของลินการ์ด กับเวสต์แฮมยูไนเต็ดขณะที่กำลังเขียนบทความนี้ เขาทำผลงานกับขุนค้อนไป "6 ประตู กับ 3 แอสซิสต์" จากการลงสนาม 8 นัด และเป็นตัวจริงทั้ง 8 นัด
เมื่อเทียบกับแมนยูไนเต็ดนั้น เพียงแค่8นัดกับเวสต์แฮม ก็ยิงประตู+แอสซิสต์แซง "สถิติ 2 ซีซั่นรวมกัน" ตอนอยู่แมนยูไนเต็ดช่วงปีหลังๆไปแล้วเรียบร้อย
ฤดูกาล 2018/19 และ 2019/20 สองปีรวมกัน ลินการ์ดลงสนามไปทั้งหมดถึง 49นัดกับแมนยู แต่ทำได้เพียง "5ประตู กับ 2 แอสซิสต์" เท่านั้นเองขนาดรวมกันสองซีซั่นแล้ว
ส่วนซีซั่นที่ดีที่สุดในชีวิตของลินการ์ด คือฤดูกาล 2017/18 (ปีที่สองของยุคโจเซ่ มูรินโญ่) กับสถิติการลงสนาม33นัด ทำไป8ประตูกับอีก 5แอสซิสต์
ขณะนี้เวสต์แฮมเหลือเกมอีก8นัด กับระยะห่างจากสถิติซีซั่นที่ดีที่สุดของตัวเองอยู่เพียงแค่ 2 ประตู กับ 2 แอสซิสต์เท่านั้นของลินการ์ด
อีก 8 นัดที่เหลือ กับการสร้างความมีส่วนร่วมอีกเพียงแค่ราวๆ5ประตู ก็จะแซงสถิติเก่าแล้ว
ดูจากฟอร์มการเล่นปัจจุบันของลินการ์ดกับเวสต์แฮมที่ระเบิดฟอร์มและมีส่วนร่วมกับการทำประตูเฉียดๆทุกนัดนั้น ดูจะไม่ใช่เรื่องยากเลย (8นัด มีนัดเดียวที่ลินการ์ดไม่มีประตูหรือแอสซิสต์ นอกนั้นทำได้ทุกนัด)
หากยังคงรักษาฟอร์มในเรทนี้ได้อยู่ การมีส่วนร่วมอีกแค่4ประตู จากเวลา8นัด ก็มีโอกาสทำได้ไม่ยาก แต่อย่าลืมว่า จำนวนนัดที่ใช้ต่างกันมากๆ มันมาจากจำนวนนัดราวๆ15-16นัดเท่านั้น ซึ่งไม่ถึงครึ่งของซีซั่นที่ดีที่สุดซึ่งต้องใช้เวลาถึง 33นัดแบบเต็มๆซีซั่น จึงจะทำ 8ประตู 5แอสซิสต์ดังกล่าว
การเปรียบเทียบนี้ น่าจะชัดเจนมากๆแล้วว่า ผลงานในการไปอยู่กับเวสต์แฮมยูไนเต็ด มันดีกว่าทุกซีซั่นตอนลงเล่นให้แมนยูไนเต็ดมาตลอด6-7ซีซั่นที่ผ่านมา
เพราะแม้กระทั่งปีนี้ ฤดูกาล 2020/21 ลินการ์ดก็ยังได้ลงสนามให้แมนยูไป3นัดช่วงต้นซีซั่น ในเกมFA Cup และรวมถึงเกมคาราบาวลีกคัพ ซึ่งแน่นอนว่า สถิติของการลงสนาม3นัดกับแมนยูปีนี้คือ "0 ประตู 0 แอสซิสต์")
ดังนั้นจริงๆแล้ว การอยู่กับเวสต์แฮมถือเป็น "ช่วงที่ดีที่สุดในชีวิตค้าแข้ง" ของเจสซี่ ลินการ์ดก็ว่าได้ นับตั้งแต่เป็นนักฟุตบอลอาชีพมาจนอายุ28ปี
นักเตะรายนี้ต้องใช้เวลาล้มลุกคลุกคลานมานาน นับตั้งแต่สมัยยังเป็นดาวรุ่งที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่สมัยเด็ก ก่อนที่จะถูกปล่อยยืมไปอยู่กับหลายๆสโมสรมากมายเพื่อพัฒนาฝีเท้า และหาโอกาสลงสนาม ไม่ว่าจะเป็นเลสเตอร์ซิตี้, เบอร์มิงแฮม, ไบรจ์ตัน และ ดาร์บี้ เคาน์ตี้
ปล่อยยืมไป4สโมสร กว่าที่จะได้เดบิวต์ในฤดูกาล 2014/15 ภายใต้ยุคหลุยส์ ฟาน กัล แต่ได้ลงเล่นเพียง23นาทีเท่านั้นเองก็เจ็บ และนั่นเป็นนัดเดียวของฤดูกาลเปิดตัวของเขากับยูไนเต็ด
เส้นทางของลินการ์ดจะว่าไปก็ต้องฝ่าฟันมาเยอะพอสมควรก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ได้ แต่เมื่อได้ลงเล่นเป็น"ตัวหลักของทีม" ให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในช่วงปี3ปีของ 2015-2018 ผลงานของเขาก็ยังไม่ดีเพียงพอสำหรับแมนยูไนเต็ดมากเท่าที่ควรนักสำหรับการเป็นนักเตะตัวหลักให้กับทีม เมื่อลงสนามแล้วไม่สามารถสร้างการเล่นที่มีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับแมนยูไนเต็ดได้ จะมีก็เพียงการโผล่มายิงนานๆทีเท่านั้น
การเป็นกลางรุกที่แอสซิสต์ยังไม่เคยเกิน5ครั้งเลยแม้แต่ซีซั่นเดียวก็น่าจะบ่งบอกเพียงพอแล้วในเรื่องผลสัมฤทธิ์ของการเล่นกับแมนยูไนเต็ดว่ามันไม่ประสบความสำเร็จอย่างมาก และไปได้ไม่ไกลเกินไปกว่าการเป็นนักเตะลูกหม้อของทีมที่เล่นได้เหมือนเป็น "ดาวรุ่งตลอดกาล" เพียงเท่านั้น
และช่วง 2018-2020 ยิ่งตกไปเป็นสำรองบ่อยครั้ง ผลงานยิ่งออกทะเลหนักกว่าเดิมอีก
เจสซี่ ลินการ์ดได้ลงสนามน้อยลงในช่วงฤดูกาลหลังๆ ได้ลงตัวจริงเพียงแค่19นัด กับ 9นัด ตามลำดับ จาก49นัดของสองซีซั่นหลังสุด และก็อย่างที่เรารับรู้กันว่า เขาสร้างผลงานอะไรให้ทีมไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นประตูหรือแอสซิสต์ อย่างที่เขียนไปแล้วว่า รวมสองปีมีแค่ 5ประตู 2แอสซิสต์เท่านั้นเอง ซึ่งมันน้อยมากเกินไปจนน่าตกใจสำหรับนักเตะที่ลงสนามมากมายขนาดนั้นกับตำแหน่งตัวรุกแดนหน้าของทีม
แต่เรื่องราวทั้งหมดสมัยอยู่แมนยูไนเต็ดที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ มันกลายเป็นอดีตไปแล้ว เมื่อเจสซี่ ลินการ์ด โชว์ฟอร์มได้อย่างสมราคาการเป็นนักเตะจากอะคาเดมี่แมนยูไนเต็ดที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ด้วยการเป็นตัวรุกคนสำคัญที่ฉุดฟอร์มให้เวสต์แฮมก้าวกระโดดขึ้นมาอยู่ในระดับท็อปโฟร์อย่างเต็มภาคภูมิจากการเก็บชัยชนะต่อเนื่อง โดยมีลินการ์ดเป็นนักเตะคนสำคัญที่สร้างเกมรุก และผลิตสกอร์ได้อย่างอลังการแบบไม่น่าเชื่อสายตา
..หลายคนบอกว่าตำนานเทพคือเรื่องจริง เมื่อเขากดอัลติ ระเบิดร่าง "เทพสายฟ้า" ในยูนิฟอร์มขุนค้อนแบบอะไรก็ฉุดไม่อยู่
..หลายคนร่ำลือว่า ฤา เมสซี่ ลินการ์ดินโญ่ จะไม่ใช่แค่คำล้อเล่น เมื่อเจสซี่ลินการ์ดลากเลื้อยคนเดียวเกินครึ่งสนาม ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และโซโล่ประตูคนเดียวได้สบายๆไม่ต่างอะไรจากสองตำนานของยอดทีมจากคาตาลุนญานั้น
เส้นทางการทำประตูของลินการ์ด เส้นทึบคือลูกจ่าย ก่อนที่ลินการ์ดจะพาบอลกระชากยาวเกินครึ่งสนามไปจบสกอร์อย่างอลังการ
ประตูโซโล่ที่แครี่บอลกระชากขึ้นไปคนเดียวด้วยระยะกว่า 52เมตร เป็นสถิติที่นักเตะพาบอลไปทำประตูได้เป็นระยะทางที่ไกลที่สุดในซีซั่นนี้ของพรีเมียร์ลีก ไม่มีใครลากบอลไปยิงเข้าได้ไกลกว่านี้อีกแล้ว นั่นคือประตูแรก
ก่อนที่จะรูดครึ่งวงกลมหลัง กดท่าใหญ่นี้ซ้ำสองรอบแบบไม่มีคูลดาวน์ โชว์คลาสให้เห็นกันจะจะอีกครั้งภายในเกมเดียวกันเลยว่า "กูไม่ได้ฟลุคโว้ย" ด้วยการลากมอนสเตอร์หมาป่าทีมวูล์ฟไปรุมประกบทีเดียว4-5คน ก่อนที่จะไหลให้โบเว่นยิงประตู เป็นแอสซิสต์ระดับเดียวกับที่เมสซี่ทำจนชินตา
นี่ยังไม่รวมการเล่นท่ายากระดับสกิลห้าดาวอย่าง "เบอร์บาสปิน"(Berba Spin) ที่กดสูตรติดเกือบเต็มๆท่า แล้วสุดท้ายเพื่อนเข้าถึงบอลและเล่นต่อจนได้ประตูอีกหนึ่งดอก
ท่าแบบนี้จะออกมาจากนักบอลประเภทที่เราเรียกว่า "คลาสสูง" เท่านั้น!
นี่ไม่ใช่แค่performance ที่มีแต่ปริมาณในเชิงตัวเลขอย่างเดียว แต่มาพร้อมคุณภาพและคลาสการเล่นในระดับเหนือชั้นอีกด้วย
ผลงานของลินการ์ดในเกมล่าสุดที่เจอกับวูล์ฟมีดังนี้
ความแม่นยำในการจ่ายบอล 81%
จ่ายบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย 11 ครั้ง
เก็บบอลมาครอบครอง 7 ครั้ง
โอกาสยิง 2ครั้ง เข้ากรอบ2ครั้ง
เรียกฟาล์ว 2 ครั้ง
1 แอสซิสต์
1 ประตู
พร้อมด้วยสถิติทั้งหมดที่ลงเล่นกับเวสต์แฮมจนถึงตอนนี้ (9 April 2021) จากFBref มีดังนี้
ลงเล่น 8 นัด ตัวจริง 8 นัด ทำ 6 ประตู 3 แอสซิสต์
ความแม่นยำในการยิงเข้ากรอบ 59.1% / ทำประตูเฉลี่ย 0.77 ลูกต่อ90นาที / แอสซิสต์เฉลี่ย 0.38 ลูกต่อ90นาที
อัตราการจ่ายบอลสำเร็จ 79.3% บอลสั้นจ่ายสำเร็จ 87% / บอลระยะกลาง 83.1% / บอลยาว 58.3%
สร้างโอกาสยิง 3.57ครั้งต่อเกม / เลี้ยงบอลผ่านสำเร็จ 45.5% (สำเร็จ15จาก33ครั้ง) เลี้ยงผ่านมา15คน เป็นลูกลอดดาก3คน
พาบอลไปกับตัวทั้งหมด 284ครั้ง ทำระยะ1819หลา ซึ่งมากเกือบๆจะเท่าของซีซั่น19/20รวมกันทั้งซีซั่น (382/1985)
การดวลลูกกลางอากาศ 0% (2ครั้ง ชนะ0 ฮา)
จุดเริ่มต้นของคำถามอยู่ตรงนี้นี่เอง เมื่อลินการ์ดโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดในขณะที่ยืมตัวอยู่กับเวสต์แฮมในการดูแลของเดวิด มอยส์นั้น จึงเกิดข้อสงสัยขึ้นมาว่า หลังจากหมดสัญญายืมตัวปีนี้แล้วเขาควรจะไปทางใดต่อ ระหว่างขายขาดให้กับเวสต์แฮม หรือ ดึงกลับมาใช้งานต่อที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในฤดูกาลต่อไป
คำตอบของปลายทางนั้น ควรจะขึ้นอยู่กับว่า"ที่ใด" ลินการ์ดแสดงความสามารถออกมาได้ดีที่สุด ควรเป็นทีมนั้น
สิ่งสำคัญที่สุดของการเป็นนักฟุตบอลคนนึงนั้น เรื่องแรกคือ"การอยู่กับทีมที่ได้รับโอกาสลงสนามเป็นนักเตะตัวจริงของทีม" ถือเป็นหัวใจสำคัญอันดับ1 เพราะมันหมายถึงการได้เล่นฟุตบอลที่เป็นอาชีพและทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา
สิ่งสำคัญอย่างที่สองคือ "การอยู่กับทีมที่ลงสนามแล้วสามารถโชว์ฟอร์มได้ดีเยี่ยม และช่วยเหลือทีมนั้นๆได้ดีที่สุด" ก็สำคัญเช่นกัน เพราะมันแปลว่า นักเตะ"เหมาะกับทีมนั้น"นั่นเอง ทีมก็จะได้ประโยชน์ตอบแทนจากนักเตะเช่นกัน
สิ่งสำคัญอย่างที่สามคือ "การอยู่ในทีมที่มีรูปแบบการเล่นสอดคล้องกับความสามารถที่มี" หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า เข้ากับแทคติกของทีมนั้นๆ ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญของการพิจารณาอีกอย่างนึงเหมือนกัน
ประเด็นแรก : ที่ใดที่ลินการ์ดจะได้รับโอกาสลงเป็นตัวจริงมากกว่ากัน
แน่นอนว่าเป็น เวสต์แฮมยูไนเต็ด แน่นอนอยู่แล้ว ซึ่งก็อย่างที่เห็น เจสซี่ ลินการ์ดไปอยู่กับเวสต์แฮมนั้น เขาอยู่ในสถานะกลางรุกตัวจริงของทีม แถมเป็นระดับKey Playerคนนึงของทีมเลย
เปรียบเปรยง่ายๆ ลินการ์ดก็เหมือนกับบรูโน่ของเวสต์แฮมนั่นแหละ สถานะเดียวกันเด๊ะ
ดังนั้นเมื่ออยู่สถานะนั้น แปลว่าลินการ์ดได้รับประกันตัวจริงทุกนัดก่อนลำดับแรกแบบ100% ถ้าไม่ได้จะrotation หรือมีปัญหาบาดเจ็บอะไรซะก่อน เขาคือตัวเลือกแรกที่มอยส์จะส่งลงสนามอย่างแน่นอน
8นัดที่เวสต์แฮม คือการลงเป็นตัวจริงทั้ง8นัด คงไม่ต้องอธิบายกันแล้วว่า ที่เวสต์แฮมนี่รับประกันตำแหน่งตัวจริงที่ได้ลงสนามก่อนในทุกๆนัดอย่างแน่นอน
หากกลับมาอยู่กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เจสซี่ ลินการ์ดจะไม่ได้การันตีการเป็นตัวจริงเช่นนี้ และสถานะของลินการ์ดจะตกลงไปเป็นเพียงแค่ "Squad Player" เท่านั้น ที่จะยังต้องหลบให้กับกลางรุกเบอร์หนึ่งของปีศาจแดงตอนนี้อย่าง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ให้ลงสนามก่อนเป็นลำดับแรก
เจสซี่ ลินการ์ด จะเป็นเพียงตัวรุกที่ใช้สลับกันลงสนามตามแทคติก และการหมุนเวียนนักเตะเท่านั้น ซึ่งเป็นสถานะระดับเดียวกันกับ "แดเนียล เจมส์" เท่านั้นที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ซึ่งต้องสลับสับเปลี่ยนกันลง นัดเว้นนัด บางนัดก็ต้องเป็นสำรองที่ได้ลงแค่5นาที10นาทีเท่านั้น
ยิ่งเป็นการคุมทีมโดยผู้จัดการทีมอย่างโซลชาที่มักจะยึดมั่นและเชื่อใจในนักเตะตัวหลักมากกว่าพวกตัวสำรองรอเปลี่ยน โอกาสที่ลินการ์ดจะได้ลงสนามอย่างเกรี้ยวกราดยิ่งน้อยลงไปอีก
เพราะฉะนั้นแล้ว แม้โอเล่จะให้โอกาสสลับลงแทนบรูโน่ แต่มันก็ได้ลงสนามแค่ 50%ของตอนอยู่เวสต์แฮมเท่านั้นเอง เพราะต้องสลับกันลงกับกลางรุกตัวหลักของแมนยูอีก
ประเด็นแรกชัดเจนอยู่แล้วว่า อยู่กับเวสต์แฮมเขาจะได้โอกาสลงสนามเยอะกว่ากลับมาแมนยูเป็นเท่าตัว จากการการันตีตัวจริงในทีมขุนค้อนนั่นเอง
ประเด็นที่สอง : อยู่กับทีมไหนแล้วฟอร์มดีที่สุด ช่วยทีมได้มากที่สุด
ข้อนี้ชัดเจนอยู่แล้วจากสถิติยืดยาวด้านบนที่นำเสนอไปแล้วว่า การอยู่กับเวสต์แฮมช่วยทำให้ลินการ์ดโชว์ฟอร์มได้ดีจริงๆ ส่วนอยู่กับแมนยูไนเต็ดก็ฟอร์มหลุดเละเทะตามสภาพที่เห็น ดูจำนวนสกอร์,แอสซิสต์ และคุณภาพของการเล่นภายในไม่กี่นัดก็สามารถตอบได้แล้ว
หลายคนอาจจะแย้งว่า มันก็ไม่แน่ว่าจะเป็นอย่างนั้นเสมอไป เพราะถ้าลินการ์ดกลับมาแมนยูพร้อมกับสภาพจิตใจที่ดี พร้อมกับร่างกายที่ฟิตเต็ม100% และฟอร์มการเล่นที่กำลังทรงประสิทธิภาพติดลมบนสุดๆ อาจจะนำฟอร์มหรูๆจากเวสต์แฮมกลับมาโชว์เทพกับแมนยูก็เป็นได้
ไม่มีอะไรยืนยัน100%กันว่ากลับมาแล้วจะ"กาก"เหมือนเดิม อันนี้ก็ถือว่าจริงอีกเช่นกัน เราจึงพิจารณาจากสถิติเชิงตัวเลขไว้ก่อนเป็นหลัก
ประเด็นที่สาม : การเลือกทีมที่มีแทคติกการเล่นเหมาะกับสไตล์ของนักเตะ
จุดสำคัญที่ทำให้เขาฟอร์มปังนั่นก็คือ การได้เล่นในทีมที่มีโอกาสได้ใช้จุดเด่นของตนเองในการเล่นในสนามตลอดเวลา ซึ่งในเคสของเจสซี่ ลินการ์ดนั้น ถ้าเขาเลือกอยู่กับเวสต์แฮม เขาจะมีโอกาสในการได้ใช้"ความเร็ว" บ่อยกว่ามาอยู่กับแมนยูไนเต็ด
เนื่องจากว่าเวสต์แฮมมีธรรมชาติการเล่นที่มักจะแพ็คเกมรับต่ำก่อนเป็นหลักเวลาเจอกับทีมใหญ่ แล้วอาศัยเกมcounter-attack เป็นอาวุธสำคัญของทีมในเกมรุก
หากทีมตัดบอลได้ พวกเขาจะเค้าท์เตอร์ใส่คู่แข่งทันที ซึ่งลินการ์ดก็เป็น "ศูนย์กลางเกมสวนกลับของเวสต์แฮม" เขาจะเป็นคนที่รับบอลต่อมาจากแนวหลังที่ตัดบอลได้ ไม่ว่าจะเป็นไรซ์, ซูเช็ค หรือมาร์ค โนเบิลในแดนหลัง และพาบอลขึ้นหน้าด้วยความเร็วสูงทันที
ฝากน้องผมด้วยนะน้า
ทีมคู่แข่งที่มาเจอเวสต์แฮมนั้น ส่วนใหญ่ไม่กลัวที่จะมาเปิดเกมใส่พวกเขา ดังนั้นเมื่อคู่แข่งดันเกมขึ้นมา พื้นที่ด้านหลังมักจะเปิดทันที และแบบนั้นแหละ ลินการ์ดถึงได้โซโล่กระชากบอลบ่อยครั้งยังกะเมสซี่อย่างที่เห็น
จะสังเกตได้ว่าประตูที่ลินการ์ดมีส่วนร่วมในการทำได้ที่เวสต์แฮมนั้น ส่วนใหญ่มาจากเกมสวนกลับแทบจะทุกลูกจริงๆ
ในทางตรงกันข้าม หากลินการ์ดกลับมาอยู่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จะเกิดอะไรขึ้นในเชิงแทคติก?
เจสซี่ ลินการ์ด ก็จะมาอยู่ในสถานะเดิม คือคอยเป็นตัวรับบอล จ่ายบอลไปมา ซึ่งไม่ใช่จุดเด่นของเขา แต่เป็นจุดเด่นของบรูโน่ แฟร์นันด์ส มากกว่าที่เล่นกลางรุกเพลย์เมคเกอร์ด้วยวิธีการแบบนี้
การใส่นักเตะที่ไม่ได้เล่นสไตล์นี้ หรือไม่ถนัดปั้นเกมแบบนี้ ลงไปแทนตำแหน่งของบรูโน่ตรงๆเลย ถือว่าเป็นการใช้งานที่ผิด อย่างที่เราเห็นการใช้ Donny van de Beek แทนตำแหน่งบรูโน่เลยโดยตรง มันไม่เคยเวิร์คสักครั้ง
ดังนั้น การยัดเจสซี่ ลินการ์ด ลงไปสลับแทนกับบรูโน่ แล้วหวังจะให้ทีมเล่นได้เหมือนตอนบรูโน่ เป็นวิธีคิดที่ผิดโดยสิ้นเชิง
นอกจากนี้ หากลินการ์ดกลับมาแมนยู นอกจากจะต้องทำสิ่งที่ไม่ถนัดอย่างการรับบอลจ่ายบอลแล้วนั้น จุดเด่นที่มีในตัวอย่างเช่น "ความเร็ว" ก็จะไม่ค่อยมีโอกาสใช้อีกด้วย
เพราะหากกลับมาแมนยู เขาจะ "ไม่มีพื้นที่เล่น" ให้ได้ใช้ความเร็วในการเล่นสวนกลับ เหมือนตอนอยู่กับเวสต์แฮมอย่างแน่นอน เพราะว่าคู่ต่อสู้ที่มาเจอแมนยูไนเต็ดนั้น ส่วนใหญ่จะลงต่ำไปตั้งรับแทบทุกนัด
ธรรมชาติแมนยูไนเต็ดชุดนี้จะเน้นเป็นฝ่ายครองบอลบุก หากเจอคู่แข่งในระดับพอๆกัน หรือต่ำกว่า แมนยูไนเต็ดจะครองบอลเป็นฝ่ายบุกทันที
ซึ่งคู่แข่งก็ลงไปรับลึกทันทีเช่นกันแทบจะทุกนัด
เมื่อเป็นเช่นนั้น ลินการ์ดจะไม่มีทางฟอร์มเปรี้ยงเหมือนตอนอยู่เวสต์แฮมแน่นอน เพราะจะไม่มีพื้นที่ให้ได้วิ่ง หรือเลี้ยงบอลขึ้นหน้าเลย แต่จะต้องบุกด้วยการใช้พื้นที่แคบๆในการเล่น
ซึ่งสกิลและทักษะของเจสซี่ ลินการ์ด มีเทคนิคที่ไม่ดีพอสำหรับการเล่นบอลในพื้นที่แคบๆ
ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมอยู่แมนยูฟอร์มกาก เพราะลินการ์ดที่ไม่มีพื้นที่ให้เล่น ก็เหมือนนักเตะที่โดนถอดเขี้ยวเล็บออกหมด แถมยังต้องทำในสิ่งที่ไม่ถนัดอย่างการวางบอล จ่ายบอลอีกต่างหาก ฟอร์มจะย่ำแย่จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกเลย
เพราะแมนยูไนเต็ดเวลาเจอทีมเน้นรับ มักจะไม่มีพื้นที่ให้เล่น ซึ่งไม่เอื้อให้ลินการ์ดมีโอกาสใช้จุดเด่น แถมยังดึงเอาข้อด้อยเรื่องการจ่ายบอลเสียในพื้นที่แคบๆออกมาเสียอีก
การอยู่กับเวสต์แฮม ลินการ์ดไม่จำเป็นต้องแบกทั้งหมด เขาเป็นเพียงฟันเฟืองตัวหล่อลื่นเท่านั้นทีมก็ได้ประโยชน์มหาศาลแล้ว เพราะในเรื่องของการจบสกอร์ ทีมมีมิเกล อันโตนิโอในตำแหน่งหน้าเป้า, พาโบล ฟอร์นาล และ จาร์รอด โบเว่น ที่รอจบสกอร์อยู่รอบๆตัวเขา ทั้งข้างหน้า และปีกทั้งสองข้าง
เป้าจ่ายของลินการ์ดมีอยู่เต็มไปหมดที่จะมาช่วยในเกมเร็วของเขา ซึ่งทุกตัวเป็นนักเตะความเร็วสูงที่สไตล์เข้ากั๊นเข้ากับกับลินการ์ดยิ่งกว่าปี่กว่าขลุ่ย โดยมีเพื่อนซี้อย่างกัปตันไรซ์ และ มาร์ค โนเบิล คอยสนับสนุนบอลอยู่ด้านหลัง
แต่แนวรุกของแมนยูไนเต็ด หากลินการ์ดลงเล่นเขาจำเป็นต้องแบกภาระการเปิดเกมรุกของทีมอยู่คนเดียว เนื่องจากปีกหลักสองข้างอย่างแรชฟอร์ด หรือ กรีนวู้ด ยังสร้างสรรค์เกมบุกได้ไม่เพียงพอ หากครีเอทเกมรุกไปให้ไม่ได้ ทีมก็แทบจะหาทางบุกคู่แข่งได้ลำบาก
เห็นชัดเจนว่า ในเรื่องแทคติกของทีมนั้น เวสต์แฮมมีปัจจัยเอื้ออำนวยกับการเล่นของเจสซี่ ลินการ์ดอยู่อย่างครบถ้วน เขาเพียงแค่มาเป็นฟันเฟืองชิ้นสุดท้ายที่ขาดอยู่ในบริเวณกลางรุกเท่านั้นเอง เมื่อรวมกับแทคติกที่ช่วยให้เขาได้ปล่อยสปีดซึ่งเป็นจุดเด่นตั้งแต่อยู่แมนยู
ความสามารถที่มี ถูกเวสต์แฮมดึงออกมาใช้อย่างเต็มขีดจำกัดโคตรๆ
ในขณะที่กับแมนยูไนเต็ด นอกจากปัจจัยทางด้านแทคติกจะไม่เอื้อแล้วนั้น ยังอาจจะทำให้ฟอร์มย่ำแย่ลงไปอีกเพราะต้องเล่นโดยใช้ความสามารถในด้านที่ไม่ถนัดของตัวเอง
ความสามารถที่มีถูกกดลงไปอยู่ต่ำสุด ทุกอย่างถูกปิดผนึกแทบหมด
เราอาจจะเคยได้ยินคำกล่าวที่คนเรามักจะพูดกันเวลา "เลิกรา" กับคนรักว่า การจะรีเทิร์นกลับไปคบกับแฟนเก่านั้น มันก็เหมือนกับการอ่านหนังสือเล่มเดิม
ไม่ว่าจะเปิดอ่านใหม่อีกกี่ครั้ง สุดท้ายตอนจบมันก็เหมือนเดิมอยู่ดี
การกลับมาอยู่กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอีกรอบของเจสซี่ ลินการ์ด ก็ไม่ต่างกันกับการที่ตัวเองเข้มแข็งขึ้นแล้ว และพยายามจะกลับไปรีเทิร์นแฟนเก่า ที่สุดท้ายผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม เพราะเราและแฟนเก่าไม่สามารถ "เปลี่ยนตัวตนที่แท้จริง" ของแต่ละฝ่ายได้
เจสซี่ ลินการ์ด ไม่สามารถเปลี่ยนตัวตนในการเล่นของตัวเองได้ฉันใด
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดก็ไม่สามารถเปลี่ยนรูปแบบการเล่นของทั้งทีมเพื่อลินการ์ดคนเดียวได้ก็ฉันนั้น
ประเด็นนี้มันคิดเปรียบเทียบได้ง่ายกว่านั้นอีกว่า ลินการ์ดได้รับโอกาสอยู่กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมากี่ปีแล้ว? นับซีซั่นที่เล่นจริงๆจังๆก็คือ "5ซีซั่นเต็มๆ" จาก2015 จนถึง 2020 และซีซั่นหนึ่งได้ลงสนามเกือบๆสามสิบนัด (5ซีซั่น เฉลี่ยได้ลงปีละ 26.4เกม)
เขาได้รับโอกาสมานานมาก ถ้ามันจะปังกับแมนยูไนเต็ด เขาคงปังไปนานแล้ว
เหตุผลทุกๆอย่างมันเป็นไปในทิศทางเดียวกันที่ว่า ทีมที่ลินการ์ดอยู่แล้วแสดงความสามารถได้ดีที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างเข้ากันและเหมาะกับสไตล์การเล่นนั้น มันคือ "เวสต์แฮมยูไนเต็ด" อย่างเป็นเอกฉันท์
เขาควรจะได้อยู่ในทีมที่ตัวเองเล่นได้ดีที่สุด ได้เล่นอย่างเป็นธรรมชาติ และปราศจากความกดดันใดๆทั้งสิ้นที่อาจจะส่งผลกระทบต่อจิตใจอีกครั้ง เหมือนตอนที่อยู่กับแมนยูไนเต็ดและถูกโจมตียามที่เล่นได้ไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากเราเป็นทีมใหญ่ที่แฟนบอลต้องการความสำเร็จ และมีความคาดหวังสูงลิบลิ่วระดับต้นๆของโลก
นักฟุตบอลจากอะคาเดมี่แมนยูไนเต็ดหลายๆคน แม้จะไม่สามารถเป็นตัวจริงกับปีศาจแดงได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วคุณภาพของลูกกรอกเรานั้น จะดีมากพอจะอยู่กับทีมอื่นได้อย่างสบายๆถึงระดับ "ตัวเด่น" ของทีมรองอื่นๆในลีกได้เลย อย่างที่เราเคยเห็นดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, จอห์น โอเชีย หรือแม้กระทั่งตอนนี้ที่เรายังมี จอนนี่ อีแวนส์ โชว์ฟอร์มอย่างแข็งแกร่งกับเลสเตอร์อย่างที่เห็นๆกัน
เจสซี่ ลินการ์ดก็อยู่ในข่ายนี้ด้วยเช่นกัน เขาคือนักเตะที่มีคุณภาพสูงพอจะเป็นตัวจริงทีมอื่นได้สบายๆ อย่างที่กำลังแสดงให้เราเห็นอยู่ในตอนนี้
ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดีขึ้นแบบทันตาเห็น จากแรกเริ่มที่หลายๆคนคิดว่า ปล่อยออกจากทีมฟรีๆเพื่อลดภาระค่าเหนื่อยได้ก็เอาแล้วนั้น เมื่อไปยืมตัวกับเวสต์แฮมและฟอร์มดีอย่างที่เห็น ดูเหมือนว่าลินการ์ดจะมีราคาค่าตัวเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ จากตอนแรกที่ดูเหมือนว่าฟรี ก็กลายเป็น10ล้าน 15ล้าน จนตอนนี้ข่าวล่าสุด ดูเหมือนว่ามูลค่าของเจสซี่ ลินการ์ด อาจจะขึ้นไปแตะถึง30ล้านปอนด์ได้หากเทียบกับฟอร์มการเล่น
เพียงแต่ว่า เม็ดเงินตรงนี้ก็อาจจะไม่ถึงกับ30ล้านเป๊ะๆ เนื่องจากว่าสัญญาของลินการ์ดนั้นเหลือเพียงแค่ปีเดียว จากที่สโมสรใช้ออฟชั่นขยายสัญญาเขาออกไป และสัญญาจะหมดในช่วงซัมเมอร์ปี2022 ซึ่งก็คือปีหน้านั่นเอง
มูลค่าของลินการ์ดตรงนี้ อาจจะไม่ได้อยู่ที่ "จำนวนเงิน" ที่ได้เป็น30ล้านปอนด์เป๊ะๆอย่างที่บอก แต่มูลค่าของลินการ์ดมันอยู่ที่ "ความสำคัญของเขา" และความต้องการของทาง "เวสต์แฮมยูไนเต็ด" ที่คงจะต้องการนักเตะรายนี้ไปร่วมทีมแน่นอน เพราะฟอร์มการเล่นโดดเด่นในระดับแบกเกมรุกของทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพเห็นๆเช่นนี้
ความอยากได้ของขุนค้อน จึงถือเป็น"แต้มต่อ" ที่แมนยูถือไพ่เหนือกว่าแล้วในดีลของลินการ์ด ซึ่งเราสามารถจะเล่นแร่แปรธาตุดีลนี้ให้แลกเปลี่ยนทดแทนในสิ่งที่เราต้องการได้
ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึงดีลของ "เดแคลน ไรซ์" มิดฟิลด์ตัวรับสุดแกร่ง นักเตะคนสำคัญของเวสต์แฮมที่ว่ากันว่าถูกตั้งค่าหัวเอาไว้มากกว่า100ล้านปอนด์นั่นเอง
มีข่าวลือกันในหมู่นักเตะอังกฤษว่าเดแคลน ไรซ์อาจจะย้ายทีม และมีข่าวหนาขึ้นเรื่อยๆว่า ยูไนเต็ดนั้นสนใจที่จะใช้เจสซี่ ลินการ์ด เป็นส่วนหนึ่งของดีลสลับขั้ว เพื่อดึงตัวเดแคลน ไรซ์ เข้ามาเป็นตัวตายตัวแทนระยะยาวของเนมันย่า มาติช ในตำแหน่งกลางรับพันธุ์แท้ ที่ทีมกำลังขาดอยู่
หากตีตามข่าวง่ายๆ และดีลนี้จะเป็นจริงขึ้นมานั้น ความเป็นจริงที่ใกล้ที่สุดก็คือ ลินการ์ด ถูกรวมเป็นเงื่อนไขซื้อตัวของเดแคลน ไรซ์ โดยส่งมอบตัวเจสซี่ ลินการ์ดให้กับเวสต์แฮม โดยใช้แทนเงินค่าตัวราว30ล้านปอนด์ ตามมูลค่า ณ ตอนนี้ และลดการจ่ายเงินก้อนที่เป็นค่าตัวของไรซ์ได้ จาก100กว่าล้าน ลดไป30ล้านหักจากการแลกลินการ์ดไป
ดีลของเดแคลน ไรซ์ จึงอาจจะเป็นการที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จ่ายเงิน 80ล้านปอนด์ + เจสซี่ ลินการ์ด(30ล้าน) ให้กับเวสต์แฮมยูไนเต็ด เพื่อดึงมิดฟิลด์ตัวรับรายนี้เข้ามาสู่ทีมสำเร็จ
เมื่อดูเม็ดเงิน80ล้านที่ต้องจ่ายนั้น ก็ถือว่า "พอรับได้" เพราะมันก็สมเหตุสมผลกับคุณภาพของไรซ์ และราคาก็ไม่แพงทะลุเพดานมากเกินไปในยามที่โลกเผชิญสภาวะโควิดเช่นนี้ เพราะเราก็จ่ายเงินปริมาณเดียวกันนี้ให้กับเลสเตอร์เพื่อดึง แฮรี่ แมกไกวร์เข้ามา ดังนั้นถ้าจ่ายเงินในเรทเดียวกันเพื่อซื้อไรซ์ โดยต้องแถมนักเตะส่วนเกินของทีมไปหนึ่งคนนั้น ถือว่าโคตรจะเมคเซนส์และเหมาะสม
นอกจากจะประหยัดเงินไปได้ราว30ล้านปอนด์แล้ว ทีมยังมีslotที่ว่างในsquadเพิ่มเติมอีกหนึ่งที่ เพื่อที่จะสามารถเสริมทีมเข้ามาเพิ่มเติมได้ และยังลดภาระค่าเหนื่อยนักเตะออกไปได้อีก
ด้านผู้จัดการทีมอย่าง เดวิด มอยส์ ก็ออกมาเคลื่อนไหวแล้วด้วยการบอกว่า เกมลีกของเวสต์แฮมยังคงเหลืออยู่อีกราวๆ 8-9นัด ยังคงต้องพิจารณาและประเมินฟอร์มการเล่นของลินการ์ดต่อไปก่อนว่าจะดีไม่ดียังไง ส่วนทางแมนยูไนเต็ดเองก็จะได้พิจารณาต่อด้วยว่า จะดึงลินการ์ดกลับมาช่วยงานที่สโมสรหรือไม่
ดูเหมือนแอคชั่นนี้ของมอยส์จะเป็นการพยายามลดกระแสไฮพ์ และเนิร์ฟค่าตัวลินการ์ดเล็กน้อย ซึ่งผมไม่เชื่อหรอกว่ามอยส์จะต้านทาน "Dark Side" ในจิตใจตัวเองได้(ฮา)
แค่เขาเห็นลินการ์ดปลุกพลังของ Old Gods ของแท้ให้ตื่นขึ้นมาได้จริงๆ แค่นั้นพี่แกก็อยากได้จนตัวสั่นแล้ว!
สุดท้ายนี้แล้วอยากให้ผู้อ่านย้อนกลับไปสิ่งที่เกริ่นเอาไว้ตั้งแต่แรกอีกครั้งว่า ดีลนี้ควรจะเกิดขึ้นมาโดยที่มันควรจะดีกับทั้งนักเตะเอง และดีกับสโมสร
คนสำคัญที่สุดของเรื่องนี้ก็คือตัวของ "เจสซี่ ลินการ์ด" ในฐานะที่เขาเป็นนักเตะของทีมตั้งแต่เยาวชน และก็ผูกพันกับทีมเรามานาน เอาจริงๆแม้จะบ่นจะด่าเรื่องฟอร์มการเล่นที่ผ่านมา แต่พวกเราก็ไม่เคยเกลียดหรือเคียดแค้นจนถึงขนาดสาปส่งออกจากสโมสร
กลับกัน เรากลับเป็นห่วง และเอาใจช่วยน้องด้วยซ้ำ ยิ่งตอนนี้เห็นว่าไปได้ดีกับเวสต์แฮมยูไนเต็ด ผมเชื่อว่าแฟนผีดีๆจำนวนมาก จะต้องมีความสุขไปกับตัวน้องมันที่ประสบความสำเร็จ และแอบอมยิ้มทุกครั้งที่เห็นมันยิงได้ หรือแอสซิสต์ได้อย่างอลังการเป็นแน่
ผมเชื่อว่าแฟนผีส่วนใหญ่รู้สึกไม่ต่างกัน
ลองคิดย้อนดูดีๆอีกครั้งว่า นักฟุตบอลคนนี้ที่เล่นบอลมาทั้งชีวิตตั้งแต่เด็กๆ เขาต้องใช้เวลานานมาก ผ่านการยืมตัว ผ่านการลองผิดลองถูกมากมาย และต้องใช้เวลานานจนถึง "อายุ28" กว่าจะเจอที่ที่เป็นของเขา กว่าจะเจอทีมที่ใช่ ซึ่งเขามีความสำคัญ และสามารถโบยบินได้อย่างอิสระและมีความสุขมากที่สุด
ในยามที่น้องเรากำลังมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองค้นหาจนเจอ เราไม่สามารถเห็นแก่ตัวด้วยการ พาเขากลับออกมาจากที่ที่เขา "กว่าจะหาเจอ" และไปได้ดี เพียงเพื่อจะเอากลับมาลองผิดลองถูกกับทีมเราอีกครั้ง
เพราะมันมีโอกาสที่จะกลับไปล้มเหลวเหมือนเดิมสูงมากอย่างที่วิเคราะห์เอาไว้แล้วในเรื่องของ รูปแบบการเล่นของทีมเราที่ไม่เอื้ออำนวยกับทักษะของลินการ์ด
ทางเลือก "ดึงตัวกลับมาใช้งานที่แมนยู" อาจจะยังเป็นไปได้อยู่ เพราะตัวนักเตะเองก็ยังมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับสโมสร กับเพื่อนๆและบุคลากรที่นี่อยู่อย่างเต็มเปี่ยม จากภาพที่เขายืนทักทายนักเตะแมนยูตอนที่ทีมเจอกัน และเขาไม่สามารถลงสนามได้
ตัวลินการ์ดเองก็ยังไม่ได้ปิดประตูในการจะกลับมาเล่นให้แมนยูไนเต็ดอีกครั้งแต่อย่างใด ตัวเขาเองก็อาจจะอยากกลับมาช่วยทีมอยู่เช่นเดิม ด้วยความรักที่ฝังลึกมากๆต่อทีมที่เขาเชียร์มาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ตาม
แต่มันคงจะดีกว่าถ้าเราไม่ไปขัดขวางอนาคตที่กำลังจะสดใสใน "ช่วงพีคของนักฟุตบอล" กับวัย28ปีดังนี้
การที่ฝีเท้ากระฉูดแตกตอนอายุเยอะๆนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก นักบอลบางคนก็เริ่มดัง เริ่มเปรี้ยงตอนอายุใกล้30แล้ว อย่างวาร์ดี้เองก็มาดังตอนอายุเริ่มเยอะแล้วเหมือนกัน ตอนนี้เป็นยังไง พีคยาวมากี่ปีแล้วยังไม่หยุด
เพราะฉะนั้นแล้ว คำตอบที่มัน "ดีกับนักเตะ" ก็คือการที่จะไม่ดึงเขากลับ และปล่อยให้เขาโชว์ฟอร์มดีกับเวสต์แฮมยูไนเต็ด จึงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตของตัวนักเตะนั่นเอง
ในส่วนของ "สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด" เราก็ต้องนึกถึงผลประโยชน์ของทีมด้วย อย่างที่บอกว่า ดีลนี้ก็ควรจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับสโมสรเช่นกัน
ถามว่า การดึงเจสซี่ ลินการ์ดกลับมา มีประโยชน์อะไรกับทีมบ้าง
คำตอบก็คือ ลินการ์ดจะช่วยเรื่องประสบการณ์ และเติมsquad depthของตำแหน่งกลางรุกให้กับทีมได้ โดยที่ไม่ต้องเสียเงินไปหาซื้อใครมาเพิ่ม เพราะนี่คือนักเตะที่รู้แนวทางของทีมอย่างดี และเป็นลูกหม้อโดยตรงของสโมสรที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อใหม่
ลินการ์ดสามารถเป็นแบ็คอัพให้กับบรูโน่ แฟร์นันด์สได้ในการทดแทน"ตำแหน่ง"ก็จริง เพียงแต่ว่าเขาไม่สามารถทดแทน "มิติการเล่นในสนาม" ของบรูโน่ได้ ก็คล้ายๆการใช้ VDB แทนตำแหน่งบรูโน่โดยตรงนั่นแหละว่ามันไม่เวิร์ค เพราะสไตล์การเล่นคนละอย่าง มันแทนกันไม่ได้
การดึงลินการ์ดกลับมาใช้ แมนยูจะได้ประโยชน์ในการมี "ตัวสำรอง" เพิ่มขึ้นหนึ่งคน
แต่หากเลือกแมนยูเลือก "ขาย" ให้กับเวสต์แฮม เราจะสามารถได้เม็ดเงินจากการขายมาใช้จ่ายในการซื้อนักเตะตัวอื่นๆที่เรากำลังขาดได้ หรือเราอาจจะใช้เป็นส่วนหนึ่งของดีลในการแลกเปลี่ยนและลดราคาการขอซื้อ เดแคลน ไรซ์ จากเวสต์แฮมได้โดยตรง
แม้จะต้องเพิ่มเงินอีกหน่อย แต่มันจะทำให้แมนยูไนเต็ดมีโอกาสได้ "ตัวหลัก" ที่เก่งมากๆระยะยาวในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ เข้ามารอทดแทนมาติชเลยทันที ในขณะที่ทีมก็จะมีที่ว่างเพิ่ม เผื่อให้สามารถเสริมหรือปรับแต่งทีมเพิ่มได้ในอนาคต อีกทั้งยังเคลียร์ค่าเหนื่อยหลักแสนกว่าปอนด์ออกจากทีมได้อีกด้วย
การขายลินการ์ดให้เวสต์แฮม แมนยูจะได้ประโยชน์ในการมีงบซื้อ"ตัวหลัก"เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทีม
เมื่อเทียบกันแล้วระหว่างการดึงกลับมา กับการปล่อยไป หรือใช้แลกตัวเป้าหมายเราเข้ามา คำตอบก็ชัดอยู่แล้วว่า ดีลที่สโมสรจะได้ประโยชน์มากกว่า คือการ "ขายออกไป" นั่นเอง เพราะทีมมีโอกาสได้ตัวจริงคุณภาพสูงมาเข้าทีม มันต้องดีกว่าการได้ตัวสำรองเพิ่มมาอีกคนนึงอยู่แล้ว
นี่แหละถึงเป็นสิ่งที่เรียกว่า "ดีกับสโมสร"
คำตอบที่ว่า ระหว่างขายให้เวสต์แฮม หรือดึงกลับมาใช้ อันไหนจะดีกว่าและเป็นเบสเพลสของลินการ์ดกันแน่ ระหว่างที่นี่ กับ ที่นั่น คำตอบชัดเจนคือ "ที่นั่น"(เวสต์แฮม) อย่างชัดเจน ที่ทั้งนักเตะเองก็ได้เล่นอย่างอิสระ ฟอร์มเปรี้ยง และเป็นคนสำคัญของที่นั่น
ในขณะที่ทีมเราก็ได้เม็ดเงิน ได้เสริมทีมในจุดที่ต้องการ ดีกว่าจะแค่เอาเขากลับมาเป็นสำรองอีกครั้ง เพราะมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ลินการ์ดจะกลับมาแล้วเป็นตัวจริงให้ยูไนเต็ด ยังไงบรูโน่ แฟร์นันด์ส ก็คือมิดฟิลด์ตัวรุกหลักเบอร์หนึ่งของทีมที่ต้องลงก่อนเขาทุกเกมแน่นอน
ลินการ์ดเดินมาจนสุดทางกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแล้วเรียบร้อย ถึงจะกลับมาก็ไม่มีทางที่จะดีไปกว่าที่เคยเป็นได้แน่นอน กลับมาก็คงอยู่ในสถานะเดิม สุดท้ายแล้วฟอร์มเปรี้ยงครั้งนี้ก็จะหายไปเหมือนเป็นแค่ฝันตื่นหนึ่ง
แค่เพียงชั่วคราวแล้วมันก็หายวับราวกับดอกไม้ไฟ
ถ้าคุณรักลินการ์ดเหมือนที่ผม และแฟนผีหลายๆคนรัก คุณยิ่งต้องปล่อยมือคนที่เรารักมากๆคนนี้ให้ไปเจอสิ่งที่ดี มันถึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เราก็แค่อยากเห็นน้องมันเล่นฟุตบอลด้วยรอยยิ้มแบบนี้ทุกนัดเวลาดูไฮไลต์ของเวสต์แฮมแค่นั้นเอง ..จริงๆนะ
-ศาลาผี-
The Thunder God Band
https://www.goal.com/en/news/manchester-united-trigger-jesse-lingard-contract-extension/17qmnilozgyp714isra47d47ws
https://www.transfermarkt.com/jesse-lingard/leistungsdaten/spieler/141660
https://fbref.com/en/players/810e3c74/Jesse-Lingard
https://twitter.com/OptaJoe/status/1379821146238021635/photo/1
https://twitter.com/StatmanDave/status/1379180602906263562/photo/1