ผ่านพ้นจากสัปดาห์ทีมชาติ หรือ ฟีฟ่าวีค ไปแล้ว บอลลีกของแต่ละประเทศก็จะกลับมาโม่แข้งให้แฟนบอลได้รับชมกันอีกครั้ง

หลังจากตลาดนักเตะตามลีกใหญ่ๆทั่วยุโรปปิดตัวลงไปอย่างสมบูรณ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เราได้รู้กันแล้วว่าแต่ละทีมมีการเปลี่ยนแปลงทีมมากน้อยขนาดไหน และจะต้องใช้นักเตะชุดนี้ไปจนกระทั่งตลาดซื้อขายนักเตะเปิดอีกครั้งในเดือนมกราคม สมาธิการทำทีมของผู้จัดการ สมาธิการเล่นของผู้เล่นก็กลับเข้ามาโฟกัสที่เกมการแข่งขันอีกครั้ง โดยไม่ต้องกังวลว่าตัวเองจะซื้อขาย หรือต้องโยกย้ายทีมหรือไม่ ตอนนี้คิดอย่างเดียว คือ ทำผลงานให้ดีีที่สุดในสนามเท่านั้น

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ น่าจะเป็นทีมที่เปลี่ยนแปลงจากฤดูกาลก่อนมากที่สุด หลังทุ่มซื้อนักเตะใหม่ค่าตัวแพงมาเสริมทัพถึง 5 คน และเกือบจะเป็น 6 คน ด้วยซ้ำ หากการเจรจาซื้อขายอเล็กซิส ซานเชซ ไม่ล่มในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายเสียก่อน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องการสร้างทีมใหม่เพื่อลบฝันร้ายจากฤดูกาลที่ทีมของเขา ไปไม่ถึงฝั่งฝันทำได้เพียงแค่อันดับที่ 3 ทั้งๆที่ช่วงเริ่มก่อนออกสตาร์ทฤดูกาลพวกเขาเป็นเต็ง 1 ที่จะคว้าแชมป์เมื่อฤดูกาลก่อน

เมื่อใหม่มา เก่าก็ต้องไป เป๊ป โละบรรดาแข้งเก่าของแมนฯซิตี้ออกไปมากถึง 12 คน นำทีมโดยอดีตกัปตันอย่างปาโปล ซาบาเลต้า เช่นเดียวกันกับกองหน้าดาวรุ่งอย่าง คิลิชี่ อิเฮียนาโซ่ ก็โดนปล่อยให้กับเลสเตอร์ ซิตี้ เอาไปปั้นต่อ หลังไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามเท่าไหร่นัก

เป้าหมายของแมนฯซิตี้ในฤดูกาลนี้ ไม่มีอย่างอื่น นอกจากคำว่า แชมป์ เท่านั้น

เอาตรงๆถ้ามองกันตามหน้ากระดาษแล้ว แมนฯซิตี้ น่าจะมีขุมกำลังที่น่ากลัวที่สุดในลีก เวลานี้ด้วยซ้ำ คือ มีตัวจริงและตัวสำรองที่สามารถเล่นแทนกันได้แบบไม่เป็นภาระของคนอื่นถึง 22 คน !!

เอามาตั้งทีมเตะ 2 ทีมในลีก ก็ยังเชื่อว่าน่าจะโชว์ฟอร์มได้ดี ติด 1 ใน 4 ได้สบาย นี่คือ ความจริงถ้าดูจากตัวผู้เล่นบนหน้ากระดาษ

แต่ฟุตบอลมันไม่ได้ง่ายเหมือนกับที่หน้ากระดาษว่าไว้ ทุกคนต่างมี 2 มือ 2 เท้าเหมือนกัน ดังนั้นไม่ใช่ว่าแมนฯซิตี้ ลงแข่งทุกเกมแล้วจะชนะเสมอไป

ผลงานของแมนฯซิตี้ในลีกตอนนี้ ครองที่ 2 ร่วม มี 7 คะแนน จากการลงสนาม 3 นัด ชนะ 2 เสมอ 1 ยังไม่แพ้ใคร ตามหลังจ่าฝูงอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่ปรับร่วมเมืองอยู่ 2 คะแนน

แมนฯซิตี้ เริ่มต้นฤดูกาลได้ดี ออกไปเยือนชนะน้องใหม่ไบร์ทตันแบบไม่ลำบาก 2-0 ก่อนมาโดนเอฟเวอร์ตันยันเสมอ 1-1 ในบ้านตัวเอง ทำคะแนนหล่นไป 2 คะแนน ก่อนที่เกมล่าสุดจะได้ประตูชัยจากราฮีม สเตอลิ่่ง ในช่วงทดเจ็บ เบียดเอาชนะบอร์นมัธ เจ้าบ้านไปได้ 2-1 จะเห็นได้ว่า การมีทีมที่ดีกว่าคนอื่น ใช่ว่าจะต้องชนะแบบใสๆเสมอไป

สัปดาห์นี้ แมนฯซิตี้ จะกลับมาเล่นในบ้านอีกครั้ง และน่าจะเป็นศึกที่หนักสำหรับทีมเรือใบสีฟ้าแน่ๆ เพราะผู้มาเยือนก็คือ ลิเวอร์พูล อีกทีมที่กำลังรั้งรองจ่าฝูงอยู่ในเวลานี้

ลิเวอร์พูล ของเจอร์เก้น คล็อปป์ เองก็กำลังอยู่ในช่วงมั่นใจหลังเปิดบ้านไล่ถล่มอาร์เซน่อลอย่างหมดรูป 4-0 การประสานงานในเกมรุกของโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, โมฮาเหมด ซาล่าห์ และซาดิโอ มาเน่ เวลานี้ หาตัวจับยากเอามากๆ และน่าจะสร้างความลำบากให้กับกองหลังแมนฯซิตี้ได้อย่างแน่นอน

แต่เหนือสิ่งอื่นใด นั่นคือ เจอร์เก้น คล็อปป์ คือ กุนซือคนเดียวบนโลกใบนี้ที่เอาชนะทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้มากครั้งกว่า เมื่อรวมสถิติทุกครั้งที่ทั้งคู่คุมทีมเจอกัน !!

จาก 10 เกมที่ทั้งคู่คุมทีมปะทะกัน คล็อปป์ชนะ 5 เสมอ 1 และเป็นกวาร์ดิโอล่าชนะไป 4 ... สูสี ดู๋ดี เหลือเกิน

เกมวันเสาร์นี้จึงเป็นเกมที่นอกจากจะเดิมพันด้วยตำแหน่งจ่าฝูงชั่วคราวแล้ว ยังเดิมพันด้วยศักดิ์ศรีของทั้งคู่อีกด้วย

เมื่อ 2 ทีมที่เล่นเกมรุก ต้องโคจรมาเจอกัน จึงเป็นกำไรของแฟนบอลอย่างเรา ที่จะได้เห็นเกมบุกกันอย่างเป็นบ้าเป็นหลังแน่ๆ

จะเป็นกุน อเกวโร่, เควิน เดอ บรอยน์ และดาบิด ซิลบา ที่ได้เฮ หรือจะเป็นฝั่งของฟีร์มิโน่, ซาล่าห์ และซาดิโอ มาเน่ ที่ได้ฮา

เริ่มอยากให้ถึงวันเสาร์นี้ไวๆแล้วสิครับ