:::     :::

"ระเบิดแห่ง Harry Kane" ความเป็นไปได้และข้อหักล้างที่จะย้ายมาแมนยู

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม 2564 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
6,519
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สถานการณ์ของแฮรี่ เคน และเหตุผลที่แมนยูไนเต็ดจะคว้าตัวแฮรี่ เคน เข้ามาได้สำเร็จ ..ในขณะเดียวกันก็พิจารณาเหตุผลสำคัญในการ "หักล้าง" ด้วยว่า โอกาสในการที่เคนจะย้ายมานั้นมีมากน้อยแค่ไหน และยากเพียงใด

ได้รับการคอนเฟิร์มจากสื่อที่เชื่อถือได้ระดับtier1 อย่าง Fabrizio Romano ที่ออกมาเปิดเผยว่า Harry Kane นั้นยืนยันที่ต้องการจะย้ายออกจาก Tottenham เป็นที่แน่นอนแล้ว แม้ยังไม่ได้ขอขึ้นบัญชีย้ายในtransfer listอย่างเป็นทางการ แต่เขาก็คาดหวังว่าจะย้ายออกในไม่ช้า

โดยที่สถานะของทางต้นสังกัดอย่างท็อตแน่มนั้นก็ออกตัวมาแต่ไกลตั้งนานแล้วว่า "กูไม่ขายโว้ยยยยยยย" อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการยื่นหอกให้ศัตรูโดยการขายให้ทีมในพรีเมียร์ลีกนั้น Daniel Levy ประธานสโมสรท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ก็มีทีท่าว่าจะไม่อยากขายให้ทีมภายในเกาะอังกฤษสักเท่าไหร่ โดยที่เลวี่จะรับพิจารณาต่อข้อเสนอที่ "เริ่มต้น" ที่ 125 ล้านปอนด์เท่านั้นตามรายงานข่าว โดยที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเองก็ส่งสัญญาณว่าอยากได้ดาวเตะรายนี้เช่นกัน

แดเนียล เลวี่นั้นก็สร้างความโกรธให้กับสาวกไก่เดือยทองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อพลาดหวังจากเป้าหมายที่ต้องการมากขึ้นทุกทีๆในปีนี้ โดยวางตัวให้โจเซ่ มูรินโญ่ เป็นคนนำทีมเพื่อที่จะคว้าแชมป์ให้สโมสร แต่ดันกลับเลือกที่จะปลดเขาออกจากตำแหน่งในช่วง6วันก่อนรอบชิงคาราบาวคัพวันที่25 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งก็อย่างที่ทุกคนเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น บอลoutclassแพ้หลุดลุ่ยเละเทะทำให้แฟนสเปอร์สได้แต่ยิ้มแห้งพอๆกับปลาแห้งที่วางขายไว้หลายวันแล้วในตลาดสี่มุมเมือง

ต่อจากนั้น Ryan Mason ในวัย29ปี เข้ามาทำหน้าที่รักษาการแทนตำแหน่งผู้จัดการทีมเพื่อที่จะนำทีมต่อในช่วงที่เหลือ ซึ่งก็ถูกตั้งคำถามอย่างมากมายว่าทำไมถึงได้เลือกคนที่ไม่น่าจะใช้คำตอบมาทำหน้าที่นี่ แม้จะชั่วคราวก็ตาม ซึ่งก็ตามคาดว่าเขาไม่มีสิทธิ์ออกเสียงใดๆเกี่ยวกับการตัดสินใจเลือกปล่อย หรือซื้อนักเตะ ไม่ว่าใครก็ตาม รวมถึงการจะไปเข้าร่วมกับ European Super Leagueอีกด้วย

เริ่มจะเห็นกันแล้วใช่ไหมครับ ไรอัน เมสัน ย่อมแน่นอนว่าไม่มีสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้นต่อกรณีของ "เคน" อย่างแน่นอน

การบริหารจัดการลักษณะนี้ของเลวี่เองก็ส่งผลกระเพื่อมโดยตรงต่อแฟนบอลสโมสรท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์เช่นกันที่ออกมาเดินขบวนถือป้าย #LevyOut ทั้งป้ายจริง ทั้งป้ายทิพย์บนแฮชแท็กTwitter ไล่เลวี่ไม่ต่างกับแฟนผีที่มาชุมนุมประท้วงกันที่โอลด์แทรฟฟอร์ดจนเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตอย่างที่เห็น

ยิ่งเมื่อวานที่ทีมแพ้วิลล่า แฟนไก่ก็ยิ่งอึดอัดและไประบายความอัดอั้นกับเจ้าหน้าที่สนาม เป็นเรื่องเป็นราวกันอีก

ภารกิจการหานายใหม่ของเล้าไก่จึงดูน่าจะยังดำเนินต่อไป มีแคนดิเดทหลายๆคนไม่ว่าจะเป็น Hansi Flick ที่กำลังจะว่างงานเพราะประกาศออกจากเสือใต้หลังจบฤดูกาลนี้ หรือจะรอฝั่ง Joachim Löw หลังบอลยูโร2020 ก็ได้ รวมถึงมีการพูดคุยกับ Ralf Rangnick อดีต ผจก ไลป์ซิกอีกรายนึง (ซึ่งรายหลังนี้ไม่รู้ว่าจะมาในฐานะผู้จัดการทีม หรือ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารกันแน่)

เลวี่เจอศึกหนักมากๆแบบนี้ ผู้อ่านก็คิดเอาเองแล้วกันว่า ถ้าไปขายแฮรี่ เคน แก้วตาดวงใจของสโมสรเข้าไปอีกหน่อ มันจะยิ่งกลายเป็นบาดแผลซ้ำเติมที่ยากจะประสานได้ในอนาคตอย่างแน่นอนระหว่างเจ้าของเล้ารายนี้ กับแฟนบอลที่นับวันนับคืนถืออีโต้รอเชือดอยู่อีกต่อนึง

นี่จึงเป็นเหมือน "H-Bombs" ที่ไม่ใช่ระเบิดไฮโดรเจน แต่เป็น "ระเบิดแห่งแฮรี่ เคน" (Harry Kane's Bombs) นั่นเอง

การที่ต้องเจอวิลล่าในนัดที่แล้ว และกำลังจะปิดท้ายกับเลสเตอร์นั้นเป็นงานยากที่ไรอัน เมสันต้องเผชิญหน้า และก็เจ๊งไปแมตช์นึงแล้ว ในขณะที่เลวี่เองก็เช่นกันที่ไม่อยากเจอเรื่องพวกนี้ที่ทำให้ทุกอย่างมันยากขึ้นในทุกๆเกม ดังนั้นสิ่งที่เขาจำต้องตัดสินใจก็คือ การที่จะขายแฮรี่ เคน เพื่อที่จะระดมทุนเข้ามาเพื่อสร้างทีมใหม่ที่แข็งแกร่งขึ้น

คำถามคือเลวี่จะวางแผนการขายในอนาคตให้กับแฟนบอลได้รับรู้บ้างว่าจะทำอะไรยังไง ซึ่งมันเป็นคำถามที่หนักหน่วงพอสมควร เพราะการปล่อยเคนไปก็เหมือนการสูญเสียลมหายใจของทีมที่จะทำให้ทีมมีแย่ลงไปและอาจจะเป็นภาระในอีกหลายๆเรื่องทั้งในแง่เกมการเล่น ความเชื่อมั่นของสโมสร ซึ่งในตอนนี้ยังโชคดีอยู่ว่า ในปี2018 แฮรี่ เคนเพิ่งจะต่อสัญญากับพวกเขาออกไป6ปี ทำให้เลวี่ยังถือไพ่เหนือกว่าและควบคุมสถานการณ์ตรงนี้ได้

การขายเคนออกไปนั้นไม่มีอะไรการันตีได้เช่นกันว่าสเปอร์จะกลับมารวบรวมทีมได้แข็งแกร่งอีกครั้ง มันไม่มีความแน่นอนอะไรเหมือนรอบที่แล้วเมื่อยามที่พวกเขาขาย แกเรธ เบล ให้กับเรอัล มาดริดในปี2013ด้วยราคา 86ล้านปอนด์นั้น มีเพียงคนเดียวจากเจ็ดคนที่ซื้อกลับเข้ามาแทนเบลในปีนั้นแล้วเข้าเป้ายาวๆนั่นก็คือChristian Eriksen (คนอื่นๆปีนั้นก็อย่างเช่น นาเซอร์ ชาดลี กาปู ลาเมล่า โซลดาโด้ เปาลินโญ่เป็นต้น)

แฟนสเปอร์ส คงรู้ดีในเรื่องซื้อหว่านแหแบบนี้

เชื่อว่าแฮรี่ เคน น่าจะทำข้อตกลงปากเปล่าอะไรบางอย่างกับเลวี่เมื่อปีที่แล้วเกี่ยวกับอนาคตของเขาให้อยู่ช่วยทีมและลงเล่นอย่างเต็มที่ในยุคมูรินโญ่ก่อน และพอมันไปต่อไม่ได้ ก็คงถึงเวลาที่เลวี่จะต้องอนุญาตให้เขาย้ายทีม

เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาแล้วสมัย Luka Modric ในปี2011 ที่ว่าหากว่าเขาต่อสัญญา โมดริชจะต้องสามารถย้ายได้ และสโมสรต้องยอมขาย หากว่ามีทีมใหญ่ติดต่อเข้ามาอย่างจริงจัง

เคสโมดริชมีเชลซีติดต่อเข้ามาแต่ว่าเลวี่บอกปัดไป กรณีนี้น่าจะตอบได้ชัดเจนต่อความหวังของแฟนเชลซีที่จะมาซื้อตัวเคนจากคู่อริในเมืองหลวงรายนี้ว่ายากแค่ไหน ก็อย่างที่หลายๆคนทราบว่า เลวี่ไม่ทำธุรกิจกับเชลซีแน่นอน

เมื่อเป็นเช่นนั้น พอต่อสัญญา โมดริชก็อยู่กับทีมอีกปีนึง และย้ายไปมาดริดในที่สุดในปี2012

ดังนั้นในเคสของการจะขายเคนให้สิงห์บลูส์นั้นลืมไปได้เลย แม้พวกเขาจะมีปัญหากับการขาดกองหน้าตัวจบสกอร์ที่การันตี20ประตู++ ต่อฤดูกาลให้ เพราะเปิดอันดับรายชื่อคนยิงประตูสูงสุดของเชลซีในพรีเมียร์ลีก กลับเป็นกองกลางอย่างจอร์จินโญ่ซะงั้นไม่ใช่สองกองหน้าของทีม แต่เป็นแบบนี้คงยากสำหรับการที่เคนจะไปเชลซี

เลวี่ถูกตำหนิมาบ่อยครั้งว่าไม่รู้จักกรอบเวลาที่ถูกต้องในการขายนักเตะ เช่นการที่อย่างน้อยไม่รอให้จบวาระคุมทีมของผู้จัดการก่อนอย่างเคสของMauricio Pochettino นักเตะถูกขายอย่างไม่ทันตั้งตัวและเกินความคาดหมายหลายๆครั้งที่จบลงอย่างไม่ดีในดีลเหล่านั้นซึ่งก็ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมในสโมสรด้วยในกระบวนการของการต่อสัญญาเช่นกัน

แต่ในกรณีของแฮรี่ เคน มันไม่ใช่อะไรที่ง่ายอย่างการขายไปด้วยราคามหาศาลและได้รับเม็ดเงินกลับมา (ถ้าจะมีใครซื้อได้ก็คงจะเป็นสโมสรยักษ์หนึ่งในสองทีมจากแมนเชสเตอร์ที่น่าจะเปย์เงินมาซื้อ) มันคงไม่เกิดขึ้นง่ายๆแบบนั้น และเลวี่ก็กำลังจะ "เล่นเกม" ที่ควบคุมโดยเขาในการนี้ โดยที่กุมความได้เปรียบและสามารถใช้ประโยชน์จากความเป็นมืออาชีพ(professionalism)ของนักเตะที่สามารถหยิบมาใช้ได้หากว่านักเตะยังมีสัญญาอยู่

เคนขยับตัวแล้วว่าต้องการจะย้ายทีมอย่างจริงจังที่สุดครั้งนึง โดยที่กองหน้ารายนี้ก็ยังมีไพ่อีกใบในมือเช่นกัน อย่างการขึ้นบัญชีย้ายทีมด้วยtransfer request ซึ่งก็จะเป็นตัวบีบให้เลวี่เข้ามุมมากกว่าเดิมอย่างน่ากลัว แม้เจ้าตัวจะไม่ใช่นักเตะที่อยากทำแบบนั้นก็ตาม แต่อะไรก็ไม่แน่

และแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนั้นสัญญาใหม่ของเคนคงไม่ต้องพูดถึง เขาจะปฏิเสธสเปอร์สแน่ๆ ซึ่งน่าจะแตกต่างจากรอบโมดริช ในขณะที่ทางแมนซิตี้เองก็สนใจเคนอย่างจริงจัง และก็วางแผนเตรียมที่จะเปิดโต๊ะเจรจาพูดคุยกับสเปอร์สแล้วด้วย

เพราะงั้นแฟนผีที่อ่านสิ่งนี้อยู่จะเห็นชัดเจนว่า แฮรี่ เคน กำลังเป็น ระเบิดเวลา อ๊าาาาา จริงๆของไก่เดือยทองที่เชื่อว่าปีนี้คงจะถึงเวลาที่เกิดขึ้นจริงๆแล้ว เพราะตอนนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่าสเปอร์สน่าจะไม่ได้ไปแชมเปี้ยนส์ลีกชัวร์ๆแล้ว และกับอันดับ5ของลีกก็ไม่น่าจะทันลิเวอร์พูล เพราะเหลือแค่นัดสุดท้าย แต่แต้มตามลิเวอร์พูลอยู่4แต้ม แถมพวกเขาแข่งน้อยกว่าหนึ่งนัด

และแม้กระทั่งโควตายูโรปาลีกก็ยังไม่ชัวร์สำหรับสเปอร์

เพราะยูโรปาลีกนั้นจะมอบสิทธิ์ให้กับทีมอันดับ5 และทีมที่เป็นแชมป์FA Cup แต่หากแชมป์เอฟเอคัพได้โควตาUCLเพราะติดในท็อปโฟร์ โควตาจะเลื่อนลงไปให้อันดับ6ทันที

หากสเปอร์ยังอยากไปยูโรปาลีกอยู่ พวกเขาต้องเชียร์เลสเตอร์ให้ติดท็อปโฟร์ถึงได้ลุ้นจากอันดับ6ปัจจุบัน แต่ตลกร้ายก็คือ นัดสุดท้ายสเปอร์สต้องไปเยือนเลสเตอร์เนี่ยสิ

เมื่อเป็นเช่นนั้นโอกาสจะได้ไปยูโรปาลีกยิ่งยากและซับซ้อนมาก เพราะถ้าชนะเลสเตอร์ อาจทำให้เลสเตอร์ตกมาอันดับ5ได้ ในขณะที่ตัวเองก็ลูกผีลูกคนเพราะเวสต์แฮมก็แซงพวกเขาขึ้นไปแล้ว มีโอกาสที่ขุนค้อนจะทำอันดับดีกว่าไก่เดือยทองสูงมากเมื่อจบฤดูกาลนี้ เพราะตอนนี้แข่งเท่ากันที่37นัด แต่ขุนค้อนมี62คะแนน นำหน้าสเปอร์ส ที่มี 59คะแนนอยู่ 3แต้ม

หนทางสุดท้ายคือสเปอร์ต้องชนะเลสเตอร์เท่านั้น แล้วลุ้นให้เวสต์แฮมแพ้ ถึงจะแซงขึ้นอันดับ6ด้วยลูกได้เสีย แล้วถึงตรงนั้นถ้าเลสเตอร์ที่เป็นแชมป์FA Cup ตกมาอยู่อันดับ5 สิทธิ์ในการไปยูโรปาลีกก็น่าจะตกลงมาสู่อันดับ6ได้อีกหนึ่งทีม แต่ถ้าชนะเลสเตอร์ไม่ได้ก็จบกัน แม้เลสเตอร์จะติดท็อปโฟร์ แต่ถ้าสเปอร์ไม่สามารถขึ้นถึงอันดับ6แซงเวสต์แฮมได้ ก็จบหมดทุกอย่างเช่นกัน

เพราะฉะนั้นแล้ว สเปอร์สมีแนวโน้มสูงมากที่อาจต้องลงไปเล่น Europa Conference League ในปีหน้า ซึ่งต่ำกว่ายูโรปาลีกอีกระดับ และนั่นไม่ใช่เวทีของนักเตะที่เป็นหนึ่งในสองกองหน้าตัวเป้าที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกอย่าง Harry Kane อย่างแน่นอน

เหตุผลหลากหลายเหล่านี้ประดังประเดและรายล้อมให้แฮรี่ เคน ย้ายทีมอย่างมาก ดังนั้นการพูดคุยถึงเคนในซัมเมอร์นี้คงจะจริงจังกว่าที่ผ่านๆมา และจะเป็นดีลระดับโลกที่สั่นสะท้านวงการฟุตบอลแน่นอน

เพราะปลายทางที่เขาจะไป นั่นหมายความว่าทีมนั้นอาจจะได้เป็นมหาอำนาจทางฟุตบอลต่อไปอีกอย่างต่ำๆ3-4ปีแน่นอน เพราะขณะนี้แฮรี่ เคน เพิ่งจะ27 ยังสามารถเล่นในช่วงพีคได้เต็มๆอีก4ปีอย่างต่ำ หากว่าซื้อไปตอนนี้ทุกอย่างก็พร้อมใช้งาน

และพร้อมล่าแชมป์โดยทันทีแบบไม่มีเงื่อนไข หากว่าได้ตัวกองหน้ารายนี้ไปเข้าทีม สถานะจะเปลี่ยนทันที

มีสองทีมที่เป็นข่าวกับแฮรี่ เคน จัดๆ นั่นก็คือ Manchester City และ Manchester United ของเราอย่างที่รู้ๆกันว่า แฮรี่ เคน คือชื่อที่แฟนผีเอ่ยถึงมานานเป็นชาติๆแล้ว จะบอกว่าเป็นตำนานแมนยูอีกคนเหมือนหน้าประวัติศาสตร์ของไกตันกับเวสลีย์ สไนเดอร์ เพราะมีข่าวจะมาๆ จะซื้อๆมาหลายปีแล้ว แต่จริงๆถ้าแฟนผีเสพข่าวกันอย่างเข้าใจทุกคนก็คงจะรู้อยู่แล้วแหละว่า ไม่มีทางเป็นไปได้เลยแม้แต่น้อย

แต่ปีนี้ไม่ใช่แบบนั้น

เพราะข่าวที่ออกมาและสถานการณ์ล่าสุดมันก็ค่อนข้างชัดเจนมากแล้ว ถ้าไม่ย้ายนี่สิแปลก เพราะการที่เลวี่หรือเคนเองพยายามจะเป็นต็อตติคนที่สองที่จะอยู่กับสเปอร์สไปจนวันสุดท้ายของสตั๊ดนั้น มันเป็นอะไรที่น่าเสียดายสกิลฝีเท้าของเขาที่ควรได้เฉิดฉายมากๆ ยังไงทุกๆอย่างก็สุกงอมมาจนถึงสถานการณ์ที่น่าจะย้ายแน่แล้ว เพราะงั้นวันนี้เรามาวิเคราะห์กันจากข่าวทั้งหลายที่ออกมา รวมถึงสถานการณ์ล่าสุดที่ซิตี้เริ่มเดินเครื่องแล้ว ในขณะที่แมนยูเอง "ยังไม่ปิดประตู" ในการจะซื้อเขา

เพราะงั้นเรามาลองคิดกันเล่นๆว่า มันมีอะไรบ้างที่เป็นเหตุผลซัพพอร์ตต่อการที่ แฮรี่ เคน จะมีโอกาสจะย้ายมาแมนยู และอะไรคือเหตุผลหักล้างเพื่อให้แฟนผีทำใจกันว่า เราไม่น่าจะได้ตัวเขามาร่วมทีมเช่นกัน

เหตุผลซัพพอร์ตที่แฮรี่ เคน จะย้ายมาแมนยูไนเต็ด เท่าที่พอจะมองเห็นได้ มีดังนี้

1. แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เป็นทีมที่ใหญ่กว่าท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์

ข้อนี้คงไม่มีใครโต้แย้ง ถ้าเรามองกันในความเป็นจริงว่า แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนั้นมีชื่อเสียง ความโด่งดัง ฐานแฟนบอล มูลค่าของแบรนด์ และประวัติศาสตร์ที่เหนือกว่าท็อตแน่มเยอะ ดังนั้นการจะย้ายมายูไนเต็ด มันไม่ใช่การเปลี่ยนทีม แต่เป็นการเข้ามาอยู่กับหนึ่งในสโมสรที่อยู่บนจุดสูงสุดของโลก ไม่ใช่สโมสรระดับรองๆ

2. แมนยูไนเต็ด เป็นหนึ่งในไม่กี่สโมสรบนโลกที่มีความสามารถพอจะจ่ายค่าตัวมหาศาล และค่าเหนื่อยแฮรี่ เคนได้

ค่าตัว 125ล้านปอนด์(อย่างต่ำ) แม้จะดูแพงมหาศาล แต่ถ้าเทียบกับคุณภาพฝีเท้าของแฮรี่ เคน ผู้เขียนถือว่าสมน้ำสมเนื้อและก็สมควรแก่เหตุผลแล้ว ซึ่งทีมที่พอจะจ่ายเงินระดับนี้ได้ มีเพียงแต่สองเศรษฐีน้ำมันอย่าง แมนเชสเตอร์ซิตี้ เปเอสเช เพียงเท่านั้นที่จ่ายไหว

และอีกหนึ่งสโมสรที่ร่ำรวยจากการบริหารธุรกิจและแบรนด์ของตัวเองอย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนี่แหละ ที่มีกำลังซื้อเพียงพอจะจ่ายค่าตัวเขาได้

นอกจากค่าตัวเบื้องต้นแล้ว ทีมเราก็ยังสามารถรับผิดชอบค่าเหนื่อยมหาศาลที่จะเปย์ให้เคนได้อีกมากมาย จากการที่ช่วงก่อนหน้านี้สโมสรเราได้มีการRestructure ปรับเคลียร์โครงสร้างค่าเหนื่อยมาบ้างแล้วในการโละนักเตะที่เป็นdeadwoodทั้งหลายซึ่งใช้การไม่ได้แล้วและกินค่าเหนื่อยแพงๆ เอาออกไปจากทีมแล้วหลายคน

ซึ่งตอนนี้ที่เหลืออยู่ในทีม เราก็ยังสามารถที่จะแก้ไขให้มันเบาลงได้อีก หากว่าดาวิด เดเคอา มีที่ไปในการย้ายออกจากทีม หรือขายมาร์กซิยาลที่ค่าเหนื่อยแพงอีกคนได้อย่างปาฏิหาริย์ เราจะสามารถจ่ายค่าเหนื่อยแพงๆให้แฮรี่ เคนได้สบาย ซึ่งตอนนี้เขารับค่าเหนื่อยกับสเปอร์ส อยู่ที่ราวๆ200,000ปอนด์ต่อสัปดาห์ หรือราวๆ10ล้าน4แสนปอนด์ต่อปี และมีข่าวว่ายูไนเต็ดและซิตี้สามารถเสนอค่าเหนื่อยให้เคนได้แบบสบายๆที่ 300k(อย่างต่ำๆ) หรือมากกว่านั้น

ดังนั้นแมนยูไนเต็ดจึงเป็น1ใน3มหาอำนาจทางการเงินในโลกฟุตบอลที่มีศักยภาพทางการเงินมากพอจะจ่ายค่าตัวเคนได้

3. โอกาสในการเล่นถ้วยใหญ่อย่างยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก และโอกาสลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกที่ใกล้เคียงกว่าอยู่สเปอร์ส

แน่นอนอย่างที่เกริ่นไปแล้ว สเปอร์ส กำลังจะต้องตกลงไปเล่นแค่ถ้วยยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก (UECL) อย่างที่บอกไป ซึ่งนักเตะอย่างเขาไม่ควรจะจมปลักอยู่กับถ้วยรองใดๆทั้งสิ้น เพราะงั้นโอกาสในการเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกซึ่งเป็นถ้วยสูงสุด จึงเป็นอีกหนึ่งออฟชั่นสำคัญที่ทำให้เคน เลือกที่จะย้ายไปอยู่กับทีมที่ได้เล่นบอลรายการสูงสุดของทวีป

ส่วนเรื่องการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกนั้น อย่างน้อยที่สุด แมนยูไนเต็ดก็มีโอกาสสูงกว่าสเปอร์ส ชุดนี้อย่างแน่นอน เพราะทีมเราตอนนี้ก็แทบจะการันตีท็อปทรีได้อย่างสม่ำเสมอมาสองปีติดแล้ว ในขณะที่สเปอร์ส กำลังจะจบอันดับ7 สองปีติดเช่นกัน

4. ปีศาจแดงมีนักเตะทีมชาติอังกฤษมากมายในทีม เป็นรากฐานที่สามารถสร้างชุดนักเตะที่เข้าขาและคุ้นเคยกันได้

ไม่ว่าจะเป็นแฮรี่ แมกไกวร์, ลุค ชอว์, อารอน วานบิสซาก้า, ดีน เฮนเดอร์สัน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การย้ายเข้ามาสร้างสามประสานกองหน้าทีมชาติอังกฤษระหว่าง แรชฟอร์ด-เคน-กรีนวู้ด ก็เป็นคอมโบที่น่าสนใจมากในแนวหน้าตัวรุกของทีม ซึ่งประเด็นของการที่ปีศาจแดงมีเบสการสร้างทีมโดยนักเตะอังกฤษยืนพื้นนั้น ก็มีส่วนช่วยตรงนี้เช่นกันที่จะทำให้นักฟุตบอลอยากย้ายมาร่วมทีม เพราะมีเพื่อนที่รู้ใจและพูดคุยกันง่ายอยู่ด้วยกัน

คอนเนคชั่นตรงนี้ยังสามารถที่จะโน้มน้าวใจให้ตัวอังกฤษอื่นๆย้ายเข้ามาตามได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นแจ็ค กรีลิช, เดแคลน ไรซ์ หรือแม้กระทั่ง เจดอน ซานโช่ นักเตะเป้าหมายผีคนอื่นๆก็จะตัดสินใจง่ายด้วยการมีกลุ่มนักเตะอังกฤษตรงนี้รออยู่แล้ว

5. มิติและสไตล์การเล่นของแฮรี่ เคน "จำเป็น" และลงล็อคกับระบบการเล่นและแทคติกของแมนยูไนเต็ด

หัวข้อนี้มันคือเรื่องของการที่เขาเป็นกองหน้าตัวเป้าที่สามารถเล่นได้ทั้งการเป็นตัวรอจบสกอร์เองอย่างเฉียบคมจากเพื่อน หรือจะชงเอง ยิงเองก็ได้ แถมยังสามารถปั้นเกมให้เพื่อนได้ด้วย ซึ่งนั่นเหมาะสมในการเข้ามาอยู่แมนยูไนเต็ดชุดนี้มากๆ เพราะกองหน้าตัวเป้าที่มีแต่ความคม และรอจบสกอร์อย่างเดียว ไม่เหมาะกับยูไนเต็ดที่ยังปั้นเกมได้ไม่เพียงพอ และไม่ดีพอจะป้อนบอลให้กองหน้าได้มีโอกาสยิงจั๋งๆบ่อยๆ

กลับกัน เรามีดาวยิงวัยรุ่นอายุน้อยที่เก่งเรื่องการจบสกอร์ มากกว่าจะทำเกมรุกเอง อย่างแรชฟอร์ด กับ กรีนวู้ด ที่มีการจบสกอร์จากด้านข้างดีมากๆทั้งคู่ คนนึงยิงจากมุมซ้าย คนนึงยิงจากมุมขวา  ดังนั้นหากได้แฮรี่ เคน มาเล่นในกองหน้า นอกจากจะยิงประตูได้แล้ว เคนยังสามารถเข้ามาเป็นคนช่วยปั้น และทำเกมให้กองหน้าดาวรุ่งเรามีโอกาสยิงได้ด้วย ในมิติการเป็นหน้าเป้าที่สามารถทำตัวเป็น "เพลย์เมคเกอร์" ในแดนหน้าในเวลาเดียวกัน

คล้ายๆที่ตอนนี้ เอดินสัน คาวานี่เอง นอกจากจะยิงอย่างเฉียบคมแล้ว พี่แกก็มีทีมเวิร์คที่ดีและสามารถปั้นบอลสวยๆให้กองหน้าเด็กๆเหล่านี้หลุดไปยิงได้บ่อยๆอีกด้วย

กลับกัน ลองนึกภาพกองหน้าที่มีแต่สกิลการจบสกอร์ แต่ปั้นเกมไม่ได้ เ เขาก็จะย้ายเข้ามาแล้วยืนโดดเดี่ยวได้แต่ในแดนหน้า เพราะทีมเราปั้นบอลขึ้นไปกันไม่ถึงตัวบนสุดนั่นเอง สุดท้ายเกมรุกในภาพรวมก็ยังไม่ยกระดับอยู่ดี

6. แมนยูต้องการกองหน้าตัวเป้าระยะยาว ความต้องการตัวเคนของสโมสรจึงชัดเจน

ในด้านความต้องการของแมนยูไนเต็ด แน่นอนว่าแฮรี่ เคน คือคนที่ต้องการแน่นอน เพราะคาวานี่เองก็จะอยู่กับสโมสรอีกแค่ปีเดียว แต่ทีมยังต้องการผู้เล่นกองหน้าตัวเป้าที่เป็น "ตัวจริงหลัก" ให้กับทีมอย่างมั่นคงและแน่นอนในทุกๆนัด นอกจากนี้แล้ว จุดอ่อนเรื่องอายุและสภาพร่างกายของคาวานี่ที่จำเป็นต้องมีเกมให้เขาพักเพื่อฟื้นฟูร่างกาย ทำให้คาวานี่ไม่สามารถลงสนามต่อเนื่องติดๆกันได้ ซึ่งเสี่ยงบาดเจ็บและฟอร์มตกได้

เพราะงั้น กองหน้าตัวเป้าที่จะยืนเป็นหลัก และลงสนามได้ทุกๆนัดให้เรา ถือว่าจำเป็นอย่างมากที่ทีมต้องซื้อเข้ามา เพราะงั้นความต้องการของตำแหน่งตรงนี้จึงสูงมากๆ ถ้าแมนยูจะทุ่มซื้อเข้ามาก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะทีมยังไม่มีตัวหลักตรงนี้จริงๆ แม้มีคาวานี่ก็ตามแต่เราไม่สามารถนับเขาเป็น "ตัวหลักระยะยาว" ในแดนหน้าได้

7. สถานะในสโมสร หากเคนเลือกแมนยูไนเต็ด เขาจะย้ายเข้ามาเป็นสตาร์สูงสุดของทีมในทันที

หากเปรียบเทียบกันแล้ว ถ้าเคนเลือกที่จะย้ายไปทีมอื่นๆ ไม่ว่าจะในลีกนอกลีกบางทีมอย่างปารีสที่ก็ยังมีเนย์มาร์หรือเอ็มบาปเป้อยู่ หรือแม้กระทั่งแมนเชสเตอร์ซิตี้เองก็มีซุปเปอร์สตาร์อยู่เต็มทีม ไม่ว่าจะเดอบรอยเนอร์ สเตอลิ่ง มาห์เรซ เขาอาจจะเป็นกองหน้าตัวจริงก็ตาม แต่ในด้านสถานะก็อาจจะพอๆกับดาวเตะคนอื่นๆ แต่ถ้ามาแมนยูไนเต็ด สถานะของเคนจะกลายเป็น"พระเจ้า"ในทันทีแบบที่ระดับความสำคัญเหนือคนอื่นๆชัดเจนกว่าย้ายไปทีมอื่นดังกล่าวมากๆ ข้อนี้ถือเป็นสิ่งที่เคนจะได้รับนอกจากแค่การันตีตำแหน่งตัวจริง แต่มันคือเรื่องของ "ความสำคัญทางด้านตัวบุคคล" ต่อสโมสร

8. แมนยูไนเต็ดยังไม่ปิดประตูในการเสริมกองหน้าชั้นยอด หากเป็นไปได้

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องของแฮรี่ เคนเอาไว้บางส่วนว่า เขาไม่สามารถพูดถึงนักเตะของทีมอื่นได้ แต่ว่าโซลชาเองก็ยัง "ไม่ปิดโอกาสที่จะเซ็นกองหน้าใหม่เข้ามา" แม้ว่าจะเพิ่งต่อสัญญาคาวานี่ออกไปอีกหนึ่งปีก็ตาม ในขณะที่มีข่าวโยงแมนยูไนเต็ดด้วยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อมีการมูฟอย่างชัดเจนของอนาคตแฮรี่ เคนแล้ว ทีมเราก็ควรจะต้องเข้าไปติดต่อสอบถามบ้าง ไม่ว่าคุณทุ่มซื้อจริงจังหรือจะไม่ก็ตาม

9. แฮรี่ เคน จะประคองเมสัน กรีนวู้ด ไปจนกระทั่งถึงเวลาที่กรีนวู้ดก็จะสุกงอมพอดีกับการเล่นกองหน้าตัวเป้า

หากซื้อเคนเข้ามายืนเป็นตัวหลักของทีม เขาจะมีอายุ28ปี ในขณะที่ไอ้หนูไม้เขียวอายุ20 หากว่าเคนเล่นได้จนถึงอายุราวๆ32ปีอย่างต่ำ เมสัน กรีนวู้ด ก็จะเติบโตและเก๋าเกมพอจะเล่นกองหน้าตัวเป้าให้ทีมเราได้ในวัย24-25 ซึ่งกำลังแกร่งสุดๆได้พอดี และประสบการณ์ต่อเนื่องไปอีกเล็กน้อย เมสัน กรีนวู้ด ก็จะแปลงร่างสามในช่วงพีคพอดี

10. แฮรี่ เคน จะยกระดับให้แมนยูเป็นทีมลุ้นแชมป์ในทันทีที่เข้ามา และไม่ต้องแบกภาระหนักเท่าตอนอยู่สเปอร์ส

เพราะแมนยูไนเต็ดมีตัวรุกช่วยแบ่งเบาอย่างบรูโน่อยู่ในทีม และมีกองหน้าแบ็คอัพให้เขาอยู่หลายคน ไม่ว่าจะมาร์กซิยาล คาวานี่ หรือแม้กระทั่งกรีนวู้ดเอง และการจับคู่กับเอดิสัน คาวานี่ ด้วยแทคติกใหม่ๆที่ใช้หน้าคู่ อาจจะเป็นฝันร้ายที่คู่แข่งไม่อยากเจอแน่ๆ ดังนั้นภาคการใช้งานแฮรี่ เคน ก็จะสามารถช่วยหมุนเวียนและแบ่งเบาเขาได้มากในการลดความเสี่ยงที่แฮรี่ เคน อาจจะเจ็บบ่อยๆเหมือนตอนอยู่สเปอร์สที่ไม่ค่อยมีกองหน้าเล่นแทนเขาในตำแหน่งตัวเป้า

นอกจากนั้นแล้ว หากเคนเลือกเข้ามาแมนยูไนเต็ด ปีศาจแดงจะ "ยกระดับ" แบบทันทีทันใด จากเดิมเป็นทีมอันดับสองที่แค่ "มีลุ้น" กับตำแหน่งแชมป์ลีกเท่านั้น แต่หากว่าแฮรี่ เคน เข้ามา เราสามารถพูดได้เลยว่า แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจะขึ้นมาเป็นผู้ท้าแชมป์ที่มีสิทธิ์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ไม่ต่างกับแมนเชสเตอร์ซิตี้ หรือเชลซีแบบทันทีทันใด

เพราะคลาสของนักเตะที่เข้ามาอย่างเคนนั้น สามารถพูดได้ว่านี่คือกองหน้าที่ดีที่สุดในโลกระดับ "ท็อป5" ของคนที่ดีที่สุดบนโลกนี้แล้ว ซึ่งนักเตะพวกนี้กระจายกันอยู่ในลีกต่างๆหลากหลายประเทศ และถ้าเป็นในประเทศอังกฤษ แฮรี่ เคน คือกองหน้าเบอร์หนึ่งของบรรดาสโมสรบนเกาะอังกฤษ

ถ้าได้กองหน้าที่เก่งที่สุดในลีกมาเข้าทีม ยังไงมันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า "ลุ้นแชมป์" สถานเดียวเท่านั้น ในการได้แฮรี่ เคน ซึ่งจะแตกต่างอย่างชัดเจนหากยูไนเต็ดเลือกที่จะเสริมบิ๊กเนมตัวอื่นเข้ามาอย่าง "เจดอน ซานโช่"

แม้ว่าซานโช่จะเก่งมากเพียงใด แต่ถ้าเปรียบเทียบกันระหว่าง ซานโช่ กับ เคนนั้น  ซานโช่เข้ามาก็จะยังไม่สามารถยกระดับให้แมนยูไนเต็ดมีสิทธิ์คว้าแชมป์ได้แบบทันทีทันใดเท่ากับการซื้อเคนมา

ทั้งหมดนี้คือเหตุผลเบื้องต้นที่ว่า ทำไมแฮรี่ เคน เหมาะสมกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และมีโอกาสในการที่จะย้ายทีมมาอยู่กับปีศาจแดง แต่ทั้งหมดนั่นคือเหตุผลในแง่บวกเท่านั้นในความเป็นไปได้ที่แมนยูไนเต็ดจะซื้อแฮรี่ เคน เข้ามาร่วมทีม และความเหมาะสมในเหตุผลต่างๆ

เพื่อที่จะหักล้างอารมณ์ตรงนี้เพื่อให้แฟนปีศาจแดงได้อยู่กับความเป็นจริงที่ว่า โอกาสที่จะได้ตัวแฮรี่ เคน ก็ถือว่าเป็นภารกิจที่ยากส์มากๆอยู่ดีนั้น มีหลายเหตุผลมากมายที่ซัพพอร์ตและทำให้เชื่อว่า เขาน่าจะย้ายไปอยู่กับทีมอื่นมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับ"เพื่อนบ้านน่ามคาญ" อย่างแมนเชสเตอร์ซิตี้ ที่น่ากลัวว่าหากได้ตัวไป การจะต่อสู้เพื่อแย่งแชมป์ลีกจะกลายเป็นMission Impossibleไปอีก3-5ปีเลยทีเดียว

เหตุผลที่หักล้างว่าเคนไม่น่าจะได้ย้ายมาแมนยู มีดังนี้

1. ย้ายไปแมนเชสเตอร์ซิตี้ การันตีคว้าแชมป์ทันทีแบบไม่ต้องลุ้น ในแง่การประสบความสำเร็จ

แค่ข้อนี้ข้อเดียวแฟนผีก็จุกจนแทบจะต้องลืม10ข้อข้างบนแล้ว เพราะในการเลือกสโมสรของเคนนั้น ประเด็นหลักที่เขาต้องการ ก็คงเป็นเรื่องของการประสบความสำเร็จในอาชีพนักฟุตบอลแน่นอน เรื่องเงินคงเป็นเรื่องรองที่ขอแค่สโมสรที่ซื้อให้ค่าเหนื่อยในระดับที่พอใจ แค่นั้นก็พอแล้ว แต่การเติมเต็มในการคว้าแชมป์ประดับบารมีนักฟุตบอล มันเป็นเรื่องสำคัญกว่าสำหรับนักเตะประเภทนี้

แฮรี่ เคนนั้น เป็นเหมือนราชันไร้บัลลังก์ที่หากว่าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆโดยยังอยู่ที่เดิม เขาจะกลายเป็นนักเตะระดับโลกผู้ไม่เคยคว้าแชมป์ใดๆเลยในชีวิตสักที กับการแพ้รอบชิงลีกคัพถึงสองครั้ง และอีกหนึ่งรอบชิงแชมเปี้ยนส์ลีก เช่นเดียวกันกับตกรอบรองชนะเลิศของฟุตบอลโลก และรอบรองของเนชั่นส์ลีก

ทางเดียวที่เคน จะ"การันตี" ว่าย้ายมาแล้วได้แชมป์ชัวร์ๆนั้น.. มันคือการย้ายมา "Manchester City" เท่านั้น

ในทางตรงกันข้าม ย้ายมาแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ไม่สามารถการันตีถ้วยแชมป์ให้ได้เลย

Manchester United นั้น เป็นทีมที่ไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่าย้ายมาแล้วจะได้แชมป์ เพราะจนถึงตอนนี้ที่เขียนบทความ แมนยูไนเต็ดได้แชมป์ครั้งสุดท้ายก็คือ "ยูโรปาลีก" ในเดือนพฤษภาคม ปี2017 นั่นแหละที่เป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งมันเป็นเวลา4ปีเต็มเข้าไปแล้วที่แมนยูไนเต็ดว่าวแชมป์ ไม่มีอะไรติดมือเลย

จนถึงตอนนี้การจะคว้าแชมป์ยูโรปาลีกก็ยังลูกผีลูกคนอยู่ เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในรอบชิงบ้าง ในยามที่ทีมน่าจะขาดแฮรี่ แมกไกวร์ ที่ดูทรงยังไงก็ไม่น่าจะหายทันแล้ว และไม่ใช่เจ็บการเมืองสับหลอกอย่างที่แฟนบอลมโนกันไปเอง

2. แฮรี่ เคน ไม่อาจจะมานั่งรอแผนงานสร้างทีมระยะยาวของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้ (กว่าจะประสบความสำเร็จ)

เมื่อแมนยูสร้างความมั่นใจในการคว้าแชมป์ไม่ได้นั้น นักเตะที่อายุกำลังจะแตะ30ปีอีกสองปีข้างหน้า คงไม่อยากที่จะมานั่งรอลุ้น หรือสามารถอดทนรอการเติบโตและสร้างทีมระยะยาวของแมนยูไนเต็ดที่วางเวย์ของการพัฒนาเอาไว้แบบนั้นได้ เพราะทิศทางของนโยบายทีมเรามันเป็นแบบนั้น ซึ่งไม่ได้มีแฮรี่ เคน อยู่ในนั้นมาด้วยกันตั้งแต่แรก เขาจึงไม่น่าจะมารออะไรกับแพลนงานของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ภายใต้การนำของโอเล่ กุนนาร์ โซลชาได้

กว่าที่นักเตะชุดนี้จะสุกงอมจริงๆจังๆ แฟนผีก็น่าจะรู้อยู่ว่าอายุเฉลี่ยของเด็กๆเราน้อยมาก ตัววัยรุ่นหลายๆคนอายุ23-25ปี ซึ่งยังต้องรออีกราวๆ3ปีข้างหน้า กว่าที่จะเริ่มสตาร์ทการพีคแบบจริงๆจังๆที่ทุกอย่างสุกงอมแล้ว ทั้งร่างกายและประสบการณ์ ซึ่งจะให้เคนมารอ "ทีมเราเก่ง" อีก3ปี(อย่างต่ำ)

มันช้าเกินไป และเขาต้องการคว้าแชมป์แล้วในตอนนี้

3. ในเรื่องความเร่งด่วน แมนซิตี้ ไม่มีกองหน้าตัวเป้าในทีมเลยแม้แต่คนเดียว ในขณะที่แมนยูพอจะมีตัวลงได้

จริงอยู่ที่เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สามารถใช้นักเตะหลายๆคนในทีมไปยืนเป็นกองหน้า False Nine ได้อย่างที่เราเห็นเขาใช้ KDB หรือ Sterling เป็นต้น แต่จนแล้วจนรอดยังไง ทีมเขาก็ควรที่จะต้องมี "กองหน้าจริงๆ" เข้ามาอยู่ในทีมคนนึงอยู่ดี และตอนนี้ก็ถึงเวลาปลดประจำการของตำนานอย่าง กุน อเกวโร่ พอดีที่กำลังจะอำลาทีม และ"หมด"พอดี อย่างที่แฟนบอลเห็นกันว่าเขาไม่ฟิตพอจะเล่นกับบอลของซิตี้ได้แล้ว

กองหน้าตัวเป้า จึงเป็นตำแหน่งเดียวเน้นๆที่ซิตี้ดูจะต้องการคนเข้ามาเติม ในจุดที่ "ไม่มีคนเล่น" ในจุดนี้ และต้องการมากกว่าทางฝั่งแมนยูไนเต็ดที่พอจะมีคนยืนหน้าเป้าได้บ้างอยู่หลายคนอย่าง คาวานี่ กรีนวู้ด มาร์กซิยาล

ส่วนตำแหน่งอื่นๆของทีม แมนซิตี้สามารถลงทุนเพิ่มอีกแค่นิดหน่อยเท่านั้นเองอย่างเช่นการหาตัวแทนแฟร์นันดินโญ่อีกรายนึง แต่ก็แค่ตำแหน่งเดียวในกองกลาง แต่นอกนั้นคือแน่นปึ้กทั่วขุมกำลังอยู่แล้ว

ดังนั้นความเร่งด่วนและสำคัญตรงนี้ ซิตี้ดูจะทุ่มน้ำหนักและมีpriorityในการเสริมทีมมุ่งเน้นไปที่กองหน้าได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย

4. การเซ็นสัญญากับคาวานี่ ทำให้แมนยูมองการเสริมแอเรียอื่นมาก่อนการซื้อหน้าเป้า

ต่อจากหัวข้อข้างบน ด้านแมนยูไนเต็ดนั้น ระดับของความเร่งด่วนในการเสริมกองหน้าน้อยกว่าแมนซิตี้อย่างเห็นได้ชัด พูดภาษาชาวบ้านคือทีมเราไม่จำเป็นถึงขนาดคอขาดบาดตายจะต้องซื้อให้ได้ในปีนี้ เพราะอย่างที่เห็นแล้วว่าเรามีคาวานี่ มาร์กซิยาล กรีนวู้ด รวมถึง แรชฟอร์ด ที่สามารถเล่นหน้าเป้าตรงกลางให้ทีมพอถูๆไถๆได้

ความเร่งด่วนของการเสริมทีม แมนยูดูจะต้องอัพเกรดแอเรียอื่นๆด่วนมากกว่า อย่างเช่นกลางรับหรือเซ็นเตอร์ใหม่ที่ดีกว่านี้ และรวมถึง "ปีกขวา" ที่ยังขาดนักเตะธรรมชาติในตำแหน่งนี้ด้วย

เห็นชัดเจนว่า ซิตี้ ขาดกองหน้าลงเล่น ในขณะที่แมนยู ขาดปีกขวาลงเล่น ในแง่ของการมีนักเตะธรรมชาติในตำแหน่งนี้

เมื่อมีกองหน้าแล้ว ต่อสัญญาตัวเก่งที่พอจะเล่นได้ดีอย่างคาวานี่ออกไปแล้ว ทีมเราจึงน่าจะพุ่งเป้าไปซื้อตัวอื่นเข้ามาแก้ไขจุดอ่อนของทีมมากกว่า อย่างที่เห็นข่าวหนาหูเรื่องซานโช่กันจนเป็นปกติ รวมถึงข่าวกับเซ็นเตอร์อย่าง ราฟาเอล วาราน และความหวังในการจะให้ทีมซื้อกลางรับดีๆเข้ามา ไม่ว่าจะเดแคลน ไรซ์ / รูเบน เนเวส / วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ หรือ บิสซูม่า ก็ตาม

5. แมนซิตี้มีโอกาสได้ตัวเคนสูงกว่าสโมสรยักษ์ใหญ่อื่นๆ และสู้ราคาไหวหากเกิดการโก่งราคาจากเลวี่

ยกตัวอย่างง่ายๆก่อน หากว่าเป็นทีมยักษ์ใหญ่อื่นๆในลีกต่างๆนั้น หลายๆที่ก็ดูไม่น่าจะมาซื้อเคนได้ หรือซื้อไหว ยกตัวอย่างเช่น บาเยิร์นเองก็ยังสามารถใช้เลวานดอฟสกี้ต่อไปได้อีก ในขณะที่มุลเลอร์ก็แบ่งเบาภาระได้ ส่วนอดีตยักษ์อย่าง เรอัล มาดริด และ บาร์ซ่า ตอนนี้สถานะทางการเงินอยู่ในขั้นวิกฤต ดังนั้นสองยักษ์นี้ไม่น่าจะสามารถโดดเข้ามาร่วมวงไพบูลย์ในการชิงตัวหัวหอกรายนี้ได้

อาร์เซนอลซึ่งเป็นสโมสรในวัยเด็กของเคนที่เคยปฏิเสธในการรับเขาติดทีมเพราะน้ำหนักตัวมากเกินไปช่วงนั้น หากจะนับเป็นทีมยักษ์ใหญ่อยู่ แต่การที่เคนจะย้ายข้ามฟากไปอยู่กับทีมคู่อริแฟนไก่ทีมนี้นั้นเป็นไปไม่ได้เลย

ส่วนลิเวอร์พูล หากว่าสนใจแฮรี่ เคน พวกเขาเองก็จำเป็นต้องขายสามประสานแนวรุกและนักเตะอีกมากในทีมเพื่อที่จะนำเงินมาช่วยตรงนี้เช่นกัน หากว่าอยากผลัดใบให้SMFไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น แต่ก็ยังหนักกับลิเวอร์พูลอยู่ดีในแง่ราคา แถมยังเกี่ยวข้องกับด้านสไตล์การเล่นที่กองหน้าตัวเป้าน่าจะไม่เข้ากับแทคติกของทีม

เปเอสเช คืออีกหนึ่งทีมที่นอกจากซิตี้ว่าอาจจะมีกำลังซื้อเคนไปได้สบายๆ และยิ่งมีข่าวว่าการต่อสัญญากับเอ็มบาปเป้ชะงัก และอาจจะสลับขั้วไปอยู่กับราชันชุดขาวอีก ก็มีความเป็นไปได้ที่ทางนั้นจะซื้อเคนไปค้ำหน้าเป้า ที่ทีมจากเมืองน้ำหอมก็ยังขาดอยู่ในการจะอัพทีมให้ครองเจ้ายุโรปได้

แต่เคนเองก็อยากจะทำลายสถิติตลอดกาลของเชียร์เรอร์บนเกาะอังกฤษอยู่ด้วย การตัดสินใจออกไปลีกอื่นอาจจะยากขึ้น

หรือจะไปรียูเนี่ยนกับเจ้านายเก่าที่ปารีส

เมื่อเปรียบเทียบพลังเงินตรงนี้กับแมนยูไนเต็ด แมนซิตี้(หรือปารีส) ดูมีแนวโน้มที่จะทุ่มซื้อแฮรี่ เคนด้วยเม็ดเงินมหาศาลได้ง่ายกว่าแมนยูไนเต็ดเยอะ ที่แมนยูมักจะต่อแล้วต่ออีก และไม่กล้าทุ่มทันทีทันใด แต่บอร์ดของซิตี้หากว่าตรงไหนที่จำเป็นต้องซื้อ พวกเขาก็มีกำลังซื้อที่มากพอจะตัดสินใจทำได้ไม่ยาก และไม่พลาดในการต่อรองพูดคุยราคากับคู่ค้า

พูดถึงความหนาของเงินแล้ว ซิตี้หนากว่าแมนยูไนเต็ดเยอะ

ดังนั้นหากเกิดกรณีที่แดเนียล เลวี่ ที่ได้เกริ่นเอาไว้ในช่วงต้นว่า เขาถือไพ่เหนือกว่า หากว่าซิตี้จะซื้อจริงๆ เลวี่ที่ไม่อยากขายให้ทีมอังกฤษก็คงจะอัพราคาขึ้นไปเป็น 130-150ล้านปอนด์ ซึ่งก็ยังอยู่ในเรนจ์ที่ทีมเศรษฐีน้ำมันยังซื้อไหวเหมือนเดิม ส่วนแมนยูไนเต็ดน่าจะยอมแพ้ที่จุด120ล้านปอนด์

พลังเงินซิตี้เหนือกว่าทีมอื่นๆลิบลับ ไม่น่าพลาดถ้าโดนโก่งก็สู้ได้สบาย

6. โอกาสการร่วมงานกับโค้ชระดับโลกอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

เรื่องตรงนี้เป็นแง่ของความเชื่อมั่นของนักเตะท็อปคลาสอย่างแฮรี่ เคนเอง ก็ต้องการที่จะมีผู้จัดการทีมที่มีชื่อเสียงระดับโลกเช่นกันในการคุมทีม และช่วยให้เขาประสบความสำเร็จได้ เมื่อเทียบกับโอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่เป็นผู้จัดการทีมที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น คนที่อยู่ในสถานะสำเร็จรูปพร้อมใช้มากกว่า ก็คงจะยังเทียบกับเป๊ปไม่ได้อยู่แล้ว ณ เวลานี้ ดังนั้นหัวหน้างานของนักฟุตบอลก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญมากๆต่อการตัดสินใจของนักฟุตบอลเช่นกัน

หากแฟนผีจะจำกันได้นะครับ นักเตะหลายคนที่ย้ายมาอยู่ทีมเรา ก็เพราะเห็นว่าจะได้ย้ายมาเล่นในบารมีของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันนะ นั่นแหละคือจุดสำคัญว่าทำไม การมีสุดยอดmanagerอย่างเป๊ปอยู่ที่เอติฮัด ถึงได้ส่งผลต่อการตัดสินใจนักเตะ

7. ระบบการเล่นของแมนเชสเตอร์ซิตี้ที่ได้เคนเข้ามา จะสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเดิม

รากฐานการเล่นของซิตี้นั้นตั้งอยู่บนการเคลื่อนที่ และความสำคัญของการครองบอลเป็นหลัก และถ้าใครจะทราบเรื่องนี้ดี แฮรี่ เคน เป็นกองหน้าตัวเป้าที่เล่นกับบอลดีมาก สามารถครองบอล และให้บอลกับเพื่อนได้สวยงามและชาญฉลาดสุดๆ

เป็นคุณสมบัติเดียวกันกับนักเตะแมนเชสเตอร์ซิตี้ชัดๆ ที่ต้องครองบอล ให้บอลเก่งๆ

ดังนั้นแล้วลักษณะการเล่นของเคนก็จะไหลไปกับบอลซิตี้ได้สบายๆ แถมเรือใบจะอันตรายกว่าเดิม เพราะหากหนึ่งในจุดเชื่อมต่อบอลการถ่ายบอลเหล่านั้น มันมี "ตัวฆ่า" อย่างแฮรี่ เคน อยู่ใน possession chain ของพวกเขา การครองบอลของซิตีจะยิ่งน่ากลัวกว่าเดิม ที่ทุกวันนี้จริงๆหลายๆครั้งซิตี้มีปัญหาโคตรเยอะมากๆในการ "จบสกอร์" ที่บ่อยครั้งราฮีม สเตอร์ลิ่ง หรือ เชซุส ไม่สามารถจบสกอร์ได้คมมากพอ และก็ทิ้งโอกาสทองไปนักต่อนักแล้ว

ปัญหาการจบสกอร์ของซิตี้คือissueสำคัญที่เป๊ปรู้ดี ดังนั้นเพื่อที่จะหาคนที่จบสกอร์เก่งๆเข้ามา ในขณะที่การต่อบอล ครองบอลไม่หายไปด้วย นักเตะอย่าง แฮรี่ เคน คือคนที่fit พอดีกับทีมเขา ไม่ว่าจะเป็นformationที่มักจะใช้ ฟร้อนท์ทรีในการเล่น ที่ไม่ต่างกับตอนอยู่สเปอร์ส รวมถึงบทบาทหน้าที่ในสนามที่ลงต่ำมาเชื่อมเกมได้ และรับหน้าที่จบสกอร์เองได้

คิดเอาเองว่า ซิตี้มีตัวป้อนบอลมหาศาลรอจะจ่ายบอลให้แฮรี่ เคนจบสกอร์แล้ว ทั้งKDB, Mahrez, Gundogan หรือกระทั่ง Cancelo แต่กลับไม่มีคนทำหน้าที่จบในจังหวะสุดท้ายได้แน่นอน

แฮรี่ เคน จึงเป็นน่าจะคลิกพอดีเป๊ะกับระบบของซิตี้จริงๆ

8. เขาจะเป็นกุญแจสำคัญของซิตี้ในการครองความยิ่งใหญ่ในทวีปยุโรปไปอีก5ปี

ปัจจัยซัพพอร์ตให้เคนจะย้ายมาแมนเชสเตอร์ซิตี้นั้น ดูยังไงก็เอนเอียงมาทางทีมสีฟ้ามากกว่าเยอะ สิ่งสำคัญประการหนึ่งก็คือ แฟนบอลทั่วโลกรู้ดีว่า บอร์ดบริหารและเจ้าของทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ ต้องการประสบความสำเร็จขนาดไหน เขาถึงได้เอาเงินมหาศาลมาเทคโอเวอร์สโมสรที่แต่เดิมขึ้นๆลงๆลีกสูงสุด กลับกลายมาเป็นทีมชั้นนำของโลก และตอนนี้ก็เข้าใกล้สู่ความเป็นสโมสรที่เก่งที่สุดในโลกแล้วด้วยซ้ำในการเข้าชิงแชมเปี้ยนส์ลีกได้เป็นผลสำเร็จ

หากว่าปีนี้พวกเขาดันพลาดแพ้เชลซีอีก คิดเอาเองว่าไฟในใจของพวกเขาจะมหาศาลขนาดไหน ถ้าทะลึ่งพลาดแชมป์ขึ้นมา รับรองเลยว่า แมนเชสเตอร์ซิตี้จะหน้ามืดและspendเงินแบบไม่อั้นเพื่อแฮรี่ เคนแน่นอน

เพื่อจะเอามาคว้าแชมป์และขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งแบบไร้ผู้ต่อต้านอย่างแท้จริงให้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมาอีกเหมือนอย่างในปีนี้ที่ก็พลาดมาแล้วกับเชลซี

ในอีกกรณีหนึ่ง หากว่าแมนซิตี้คว้าแชมป์UCLได้ ยังไงพวกเขาก็จะต้องพยายามซื้อเคนให้ได้ไม่ต่างกันเลย เพื่อที่จะสามารถ "รักษาความยิ่งใหญ่" ที่คว้ามาสำเร็จ ให้มันยั่งยืนและอยู่กับพวกเขาต่อเนื่องไปอีกนาน ซึ่งมันสำคัญมากๆ

และแฮรี่ เคน คือกุญแจสำคัญที่สุดในการจะครองโลกต่อไปได้แบบชัวร์ๆอย่างน้อย5ปี ซึ่งตรงกับอายุงานของแฮรี่ เคน ที่น่าจะพีคได้อีกราวๆ5ปีเช่นกัน

การคว้าแชมป์ว่ายากแล้ว การรักษาแชมป์ไว้ยิ่งยากกว่า หลายๆคนคงจะรู้เรื่องนี้ดี และไม่น่ารอดพ้นวิสัยทัศน์ของเป๊ปและเจ้าของแมนซิตี้ไปได้

9. ตัดโอกาสทีมอื่นขึ้นมาเป็นหอกข้างแคร่ซิตี้

อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นผลพลอยได้สำคัญนอกจากตัวเองจะไร้เทียมทานแล้ว ยังเป็นการตัดโอกาสทีมอื่นในลีกที่จะขึ้นมาท้าชิงแชมป์แมนเชสเตอร์ซิตี้ได้ เพราะปาดหน้าคว้าตัวแฮรี่ เคนมาแล้ว ทำให้ทีมอื่นไม่สามารถจะเพิ่มเขี้ยวเล็บด้วยนักเตะรายนี้ได้อีกเลย

ยกตัวอย่างง่ายๆ คล้ายๆกับกรณีของบาเยิร์นมิวนิค ที่ทุ่มซื้อนักเตะตัวเก่งๆของทีมอื่นในลีกตัวเองมาให้หมด เพื่อให้ทีมตัวเองแข็งแกร่งขึ้นแล้วนั้น เหมือนเป็นการตัดแขนตัดขาคู่แข่งไม่ให้สามารถขึ้นมาชูคอท้าชิงกับพวกเขาได้

เคสของเสือใต้คือกรณีศึกษาที่แมนซิตี้กำลังจะทำแบบนั้นบนเกาะอังกฤษ

หากซิตี้ได้ตัวแฮรี่ เคนไป จึงเหลือทางเดียวแล้วที่ทีมอื่นๆ (อย่างเชลซี หรือ แมนยู) ที่จะขึ้นมาท้าชิงเรือใบสีฟ้าได้นั้น ก็จำเป็นต้องเสริมทีมด้วยนักเตะในเกรดเดียวกันกับแฮรี่ เคน จากลีกอื่นๆแน่นอน ซึ่งตัวเดียวที่อยู่ในเกรดใกล้ๆกับเคน และอยู่ในทีมที่สามารถปล่อยขายนักเตะได้ มีเพียงแค่เออร์ลิ่ง ฮาลันด์เท่านั้น ถึงจะเป็นคำตอบของการคว้าโอกาสท้าชิงแมนซิตี้ที่กำลังจะได้อัญมณีสำคัญอย่างเคน ไปประกอบถุงมือเกรียนของธานอสอย่างเป๊ปสำเร็จ

10. แมนยูไนเต็ดมีจุดอ่อนสำคัญในแอเรียอื่นๆที่ต้องซื้อ และไม่สามารถทุ่มเงินทั้งหมดเพื่อแฮรี่ เคน คนเดียวได้

ประเด็นนี้สำคัญที่สุดในเรื่องของ "บาลานซ์" ทีม อย่างที่บอกไปแล้วว่า ซิตี้เค้าขาดแค่กองหน้าตำแหน่งเดียวจริงๆ และสามารถลงเงินทุ่มตรงนี้หนักๆได้ แต่แมนยูไนเต็ดไม่ควรจะทำแบบนั้น เพราะว่ามันจะกลายเป็นการเอางบประมาณเสริมทีมเกือบทั้งหมดส่วนใหญ่ของเรา ไปทุ่มกับนักเตะคนเดียว ซึ่งอาจจะแก้ปัญหาแดนหน้าให้สมบูรณ์ขึ้นได้ก็จริง แต่เราจะยังคงอ่อนแอในตำแหน่งอื่นๆและเกิดปัญหาเดิมๆ โดยเฉพาะเกมรับของทีม ที่มีปัญหาทั้งภาคเกมป้องกันที่ไม่สามารถป้องกันประตูคู่แข่งได้เลย และมักจะโดนยิงนำอยู่บ่อยๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดี แม้จะคัมแบ็คได้บ่อยเหมือนกันก็ตาม

การครองบอล คุมเกม และเซ็ตเกมจากแนวหลัง และแดนกลางของแมนยูไนเต็ดก็ยังมีปัญหาอย่างยิ่ง เมื่อเราต้องยอมรับว่าแผงมิดฟิลด์เราด้อยกว่าทีมชั้นนำอย่าง ซิตี้ เชลซี และ ลิเวอร์พูลจริงๆ

ตราบใดที่มิดฟิลด์ยังไม่มีความสามารถพอจะครองเกม หรือเอาตัวรอดเวลาเจอคู่แข่งเพรสซิ่งใส่หนักๆได้นั้น เลิกคิดเรื่องจะเป็นแชมป์ได้เลย ต่อให้จะมีแนวรุกระดับพระกาฬขนาดไหน ถ้าบอลไปไม่ถึงก็ไร้ประโยชน์เหมือนที่หลายๆนัดคาวานี่แทบจะไม่ได้บอลเลย

สาเหตุมาจากความอ่อนของแนวหลังล้วนๆ

สมมติว่าทุ่มซื้อเคนเข้ามาจริงๆ แล้ว "งบหมด" จะเกิดอะไรขึ้น? แน่นอนครับ ภาพเดิมๆที่แม็คเฟร็ดโดนเพรสซิ่งใส่และตั้งบอลขึ้นหน้าไม่ได้ ก็จะเกิดขึ้นแบบเดิมๆ สุดท้ายแล้วบอลก็ไปไม่ถึงแฮรี่ เคนอยู่ดี ไม่ต่างกับคาวานี่เลย

ดังนั้นการเสริมทีมของแมนยูไนเต็ด ควรทุ่มซื้อเป้าหมายในลักษณะที่ให้มัน "พอจะเหลือเงินไปซื้อตำแหน่งอื่นบ้าง" จึงจะดีที่สุด อย่างเช่นถ้าจะซื้อตัวบิ๊กเนมเข้าทีมมา ก็ควรอยู่ในเรทไม่เกิน 80-90ล้าน เพื่อที่จะได้เหลืองบอีกสักราวๆ 60ล้าน(โดยประมาณ) เพื่อจะไปซื้อตำแหน่งอื่นที่จำเป็นๆเข้ามาแก้ไขจุดอ่อนในเบื้องต้น ซึ่งตลาดซัมเมอร์นี้ไม่มีทางที่แมนยูไนเต็ดจะได้แก้จุดอ่อนได้ "ครบทุกจุด"  คงจะต้องรอถึงซัมเมอร์ปี2022นู่นแหละถึงจะซื้อได้ครบจริงๆ

แต่อย่างน้อยที่สุดปีนี้เราควรแก้ไขตำแหน่งสำคัญๆให้ได้มากที่สุดก่อนในเบื้องต้น แล้ว"ปีหน้า"ค่อยซื้อจุดสุดท้ายที่ขาดเหลืออีกที ตอนนั้นค่อยว่ากัน ซึ่งช่วงเวลาของ "ปีหน้า" นั้นมันตรงกับช่วงเวลาที่เอดินสัน คาวานี่ จะออกจากทีมไปพอดี

เพราะฉะนั้นแล้วถ้าเป็นไปได้ แมนยูไนเต็ดยังสามารถใช้เขาไปก่อนได้อีกหนึ่งปี แล้วปีนี้ทุ่มซื้อตำแหน่งสำคัญๆจุดอื่นก่อนอย่างเช่น ปีกขวา และ เซ็นเตอร์ (หากว่าเงินเหลือขอกลางรับของดีราคาถูกอีกตัวจะเวิร์คมาก) และหลังจากนั้นปีหน้าค่อยซื้อ "กองหน้าตัวเป้า" เข้ามาก็ยังไม่สาย เพราะเราใช้คาวานี่ได้อีกปี

และนั่นแหละ จะเข้าแก๊ปสุดท้ายที่ว่า ใครบางคนอาจจะเป็นคำตอบของแมนยูไนเต็ดในช่วงนั้นได้ เพราะหากว่าปีนี้แมนยูไนเต็ดไม่สู้ราคาแฮรี่ เคน และยอมปล่อยให้ซิตี้ไปนั้น ฤดูกาล 2021/22 อาจจะเป็นอีกปีที่เราต้องยอมให้ซิตี้ครองความยิ่งใหญ่ไปก่อน

แล้วเราค่อยสู้อีกทีในซีซั่น 2022/23 โดยการซื้อกองหน้าตัวท็อปจากลีกอื่นที่เกรดเดียวกับแฮรี่ เคนเข้ามาเท่านั้น ถึงจะพอไปต่อกรกับเพื่อนบ้านสีฟ้าได้ไหว

และใช่ครับ กองหน้าเกรดเดียวกับเคนจากลีกอื่น ก็มี"เออร์ลิง เบราท์ ฮาลันด์" ที่น่าจะพร้อมพอดีสำหรับการย้ายทีมครั้งใหญ่ในซีซั่นนั้นพอดี

สรุปทั้งหมดแล้วจะเห็นได้ว่า ปัจจัยแทบทุกอย่าง เอนเอียงไปทางแมนเชสเตอร์ซิตี้ในน้ำหนักที่มากกว่า แถมพวกเขายังเป็นทีมแรกด้วยซ้ำที่น่าจะกำลังเดินหน้าเต็มกำลังเพื่อติดต่อซื้ออย่างจริงๆจังๆกับทางสเปอร์ส ด้วย เพราะแม้คลับไก่จะบอกว่าไม่อยากขายให้ทีมร่วมลีกก็ตาม

แต่ถ้าเงินถึง คนอย่างเลวี่ก็ปล่อยอยู่แล้วล่ะ

ส่วนทางเลือกอื่นๆของยูไนเต็ดยังมีให้เลือกและเปิดกว้างอีกเยอะ นอกเสียจากแค่จะซื้อแฮรี่ เคนให้ได้เท่านั้นในปีนี้ ดังนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว โอกาสที่ปีนี้ยูไนเต็ดจะไปสู้ราคาเคน มันมีน้อยมากๆ ถึงแม้จะสนใจจริงๆจังๆเหมือนกันก็เถอะ แต่อย่างที่บอกว่าความรีบเร่งด่วนของpriorityการเสริมทีมมันน้อย ในเมื่อเรามีคาวานี่ที่ท็อปฟอร์มอยู่ในทีมแล้ว แม้จะใช้เป็นตัวยืนทุกๆนัดไม่ได้ แต่ก็อาศัยถูๆไถๆไปก่อนอีกหนึ่งปีด้วยการ rotationสลับกันไประหว่าง คาวานี่ กรีนวู้ด มาร์กซิยาล แรชฟอร์ด ได้ตามลำดับ

เมื่อเป็นเช่นนั้น ทีมเราก็ถือว่า "ไม่ได้ขาดกองหน้า" แต่อย่างใด แต่เราแค่ "ขาดกองหน้าตัวหลักในระยะยาว" เท่านั้นเอง ซึ่งตัวที่จะมาเล่นในระยะยาว เราค่อยๆหาและซื้อมาภายหลังก็ได้ ที่ยังไม่ใช่ปีนี้ และผู้เขียนเห็นด้วยมากกว่าถ้าจะเอาเงินปีนี้ไปแก้จุดอ่อนอื่นที่สำคัญกว่า โดยเฉพาะ กองกลาง กับ กองหลัง ที่ฟอร์มย่ำแย่เข้าขั้นป่วยแล้วในตอนนี้ แล้วจากนั้นปีหน้าค่อยไปซื้อกองหน้าตัวเป้าที่ว่านี้เข้ามาก็ยังไม่สาย

นักเตะบางคนอาจจะไม่ได้มีจังหวะและโอกาส ที่จะเดินมาบรรจบกันกับเราเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นแล้วไม่ต้องฝืน ปรับปรุงพัฒนาทีมในองค์รวมนั้นสำคัญและยั่งยืนกว่าเยอะ

แฮรี่ เคน จึงเป็นดีลที่แฟนผีคงจะต้องทำใจกันล่วงหน้า แล้วไปลุ้นกับดีลอื่นๆดีกว่าไม่ว่าจะเป็นซานโช่ หรือกองหลังและกลางรับที่เราต้องเสริมทีมเข้ามาในปีนี้

ปัญหาของทีมอาจจะไม่จบสิ้นถ้าทุ่มเงินทั้งหมดซื้อนักเตะเข้ามาแค่ตำแหน่งเดียว

-ศาลาผี-

References

https://www.theguardian.com/football/2021/may/18/harry-kanes-possible-transfer-puts-daniel-levy-in-impossibly-tight-spot

https://www.skysports.com/football/news/11095/12276223/champions-league-europa-league-europa-conference-league-qualification-explained-who-will-be-playing-in-europe-next-season

https://www.transfermarkt.com/tottenham-hotspur/transfers/verein/148/saison_id/2013

https://www.givemesport.com/1681439-harry-kane-features-in-list-of-the-best-11-players-to-have-never-won-a-trophy-in-their-career

https://www.cbssports.com/college-football/news/ranking-the-top-25-power-five-college-football-coaches-entering-the-2021-season/

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด