:::     :::

นักเตะยอดนักสู้ "คริสเตียน อิริคเซ่น"

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
1,922
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ถือเป็นข่าวใหญ่ในศึกยูโร 2020 รอบสุดท้าย

สำหรับคริสเตียน อิริคเซ่นจอมทัพทีมชาติเดนมาร์ก ที่หมดสติ และล้มลงไปนอนกับพื้นสนาม ระหว่างเกมที่บ้านเกิดของเขาพ่ายต่อฟินแลนด์ 0-1 ก่อนที่เพื่อนร่วมทีม และแพทย์สนาม จะรีบเข้ามายื้อชีวิตได้ทันเวลา 


เรื่องที่น่าสนใจคือ ตลอดระยะเวลากว่าทศวรรษในเส้นทางลูกหนัง อิริคเซ่น เข้ารับการตรวจหัวใจมาโดยตลอด แต่ไม่เคยพบกับความผิดปกติเลย นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ดาวเตะวัย 29 ปี อาจจะต้องเลิกเล่นฟุตบอลก่อนถึงเวลาอันควร 


ช่วงนี้ ..... เราลองย้อนกลับไปดูเส้นทางลูกหนังของ อิริคเซ่น กันหน่อยว่า เขาต้องผ่านอุปสรรคอะไรมาบ้าง กว่าที่จะก้าวมาเป็นซูเปอร์สตาร์เหมือนทุกวันนี้


ดยที่เรื่องราวที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน นั่นคือเขาเคยถูกหลายสโมสรดัง อาทิเชลซี และบาร์เซโลน่า ปฏิเสธในการรับเข้าร่วมทีมมาแล้ว 

อิริคเซ่น เกิด และเติบโตที่มิดเดิลฟาร์ทเมืองท่าอันเงียบสงบของประเทศเดนมาร์ก เป็นเมืองเล็ก โดยมีสถานที่ต่างๆอย่าง สวนสัตว์, พิพิธภัณฑ์เซรามิก, โรงละคร, ศูนย์วัฒนธรรม และสนามฟุตบอลมากมาย ท่ามกลางประชากรเพียง 15,000 คน 


อิริคเซ่น  เริ่มต้นย้อนความทรงจำว่า เขาถือเป็นเด็กที่ชื่นชอบการเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็กแล้ว เขาเล่นกีฬาได้หลากหลายชนิด พร้อมกับค้นพบตัวเองด้วยว่า อยากจะเอาดีในเส้นทางสายนี้ โดยเฉพาะการเล่นฟุตบอล ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เขาชอบทำมากที่สุด 


โดยกล่าวว่าย้อนเวลากลับไป ตอนที่ผมอายุ 12 ผมมีโอกาสลงแข่งขันแบดมินตัน และสามารถคว้าแชมป์ระดับทัวร์นาเมนต์มาครองได้ด้วย แต่สิ่งที่ผมต้องการจริงๆแล้ว นั่นคือการเล่นฟุตบอล จากนั้น ผมมีโอกาสได้เข้าร่วมระบบเยาวชนของโอเดนเซ่"


กระทั่งปี 2008 แมวมองของสโมสรอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ทำการดึงตัวเขาไปร่วมทีมอะคาเดมี่ พร้อมกับดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในเวลาต่อมา


แต่ระหว่างทางเดินนั้น อิริคเซ่น ต้องพบกับแบบทดสอบมากมาย โดยเฉพาะการถูกสโมสรดังในยุโรป ปฏิเสธรับตัวเข้าร่วมทีม แต่เขาก็ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคดังกล่าว  

อิริคเซ่น กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่าผมมีโอกาสไปทดสอบฝีเท้ากับเชลซี และลงเล่น 3 เกมในระดับยู-18 ผมมีโอกาสลงสนามพบกับทีมอย่าง มิลล์วอลล์ และเวสต์แฮม" 


นอกจากนี้ ผมยังได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม เมื่อทีมเด็กของเรา เคยรับประทานอาหารร่วมกับทีมชุดใหญ่ด้วย แน่นอนว่า คุณจะได้เห็นโชเซ่ มูรินโญ่ และดิดิเย่ร์ ดร็อกบา เดินผ่านไปผ่านมาด้วย"


ดาวเตะทีมชาติเดนมาร์ก เล่าต่อว่านอกจากนี้ ผมยังเดินทางไปคัดตัวกับบาร์เซโลน่า เป็นจำนวน 5 วันด้วยกัน พร้อมกับการได้ลงเตะอุ่นเครื่องกับทีมแห่งแคว้นกาตาลุนญ่า"


"การทดสอบฝีเท้ากับบาร์ซ่า ตลอดทั้งเกม 90 นาที ผมมีโอกาสสัมผัสกับลูกบอลเพียง 3 ครั้งเท่านั้น !! ผมวิ่งพล่านไปทั่วสนาม พร้อมกับตะโกนว่า -ส่งบอลมาที่ผมได้ครับ- แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย"


ผลสุดท้าย อิริคเซ่น ก็สามารถที่จะพิสูจน์ตัวเอง ในแบบฉบับที่เขาเลือกเดิน ผ่านการเป็นนักเตะของทีม อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม,สเปอร์ส และล่าสุดกับอินเตอร์ มิลาน ทุกอย่างถูกผสมผสานไปด้วยความเป็นมืออาชีพ 


เขากล่าวว่าสำหรับผมแล้ว ตลอด 1 สัปดาห์ ผมเป็นคนที่ให้เวลากับฟุตบอลตลอดทั้ง 7 วัน ต้องยอมรับว่า มันถือว่าเป็นเรื่องยากสำหรับภรรยาของผมเหมือนกัน"


"เพราะผู้คนต่างคิดกันว่า การเป็นนักฟุตบอลถือเป็นอาชีพง่ายๆ แค่ซ้อมวันละ 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็กลับบ้าน อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่แนวทางของผมเลย"


"ผมต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดเพื่อเกมต่อไป ผมต้องเรียนรู้ ทั้งการพักผ่อน, การนอนหลับ, การกินอาหาร และการดูแลร่างกายตัวเอง นักเตะบางคนต้องการนักจิตวิทยาการกีฬาเข้ามาดูแล แต่ผมไม่ต้องการอะไรแบบนั้นหรอก เพราะผมเป็นคนที่ลงมือทำทุกอย่างด้วยตัวเองอยู่แล้ว” 

นี่คือตัวตนของอิริคเซ่น จากปากของเขาเอง นอกจากนี้ บุคคลใกล้ชิดยังออกมายืนยันอีกเสียงว่า อิริคเซ่น เป็นนักเตะที่เปี่ยมไปด้วยความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง และที่สำคัญ นี่คือคนที่มีความติดดิน และไม่หลงกับความเป็นซูเปอร์สตาร์ลูกหนังเลยแม้แต่น้อย 


เกล็น ริดเดอร์สโฮล์ม อดีตโค้ชทีมชาติเดนมาร์ก รุ่นอายุต่ำกว่า 17 ปี ที่เคยทำงานร่วมกับอิริคเซ่น ออกมาพูดถึงลูกศิษย์คนนี้เอาไว้ว่าบรรดาเพื่อนร่วมทีมของอิริคเซ่น ต่างพากันเป้าหมายว่า ตัวเองต้องตกเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง และยังต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียง อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยมองภาพตัวเองเป็นแบบนั้นเลย 


ย้อนกลับไปตอนที่เขาอายุยังน้อย ทุกคนต่างพูดถึงทักษะ และยกย่องความสามารถของเขา ทว่าเขายังคงสงบนิ่ง และไม่สนใจ สิ่งที่เขาทำมีเพียงแค่การทำงานหนัก พร้อมกับพัฒนาจุดบกพร่องของตัวเอง


นี่คือสิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากนักเตะในช่วงวัยเดียวกัน แทนที่จะปล่อยความมีชื่อเสียงเข้าไปอยู่ในหัว แต่เขาไม่ทำแบบนั้น สิ่งเหล่านั้นคือแรงผลักดันให้เขาก้าวไปข้างหน้า


ในฐานะผู้เล่นแล้ว อิริคเซ่น ถือว่าเป็นนักเตะที่ฉลาดมาก เหมือนนักเตะอย่างชาบี เอร์นานเดซ และอิเนียสต้า เขามีภาพวาดในหัวล่วงหน้า ในการเข้าไปอยู่ในพื้นที่ เขาสามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ได้ดีกว่าคนอื่น


เขาเล่นสโมสรไหนก็ได้บนโลกใบนี้ เพราะเขาสามารถปรับตัวได้กับทุกระบบ ผู้เล่นอัจฉริยะสามารถเล่นเกมระดับสูงได้ทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่ เรอัล มาดริด กับบาร์เซโลน่า

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด