:::     :::

เผยสถิติเดินทางไกลยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน 2564 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
1,202
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
"ดิ อินเดียน เอ็กซ์เพรส" สื่อชื่อดัง

ทำการรวบรวม รวมถึงเปิดเผยสถิติที่น่าสนใจ ในศึกยูโร 2020 รอบสุดท้าย ภายใต้หัวข้อว่าทีมชาติไหนที่เดินทางไกลที่สุด ในศึกยูโร 2020 รอบสุดท้ายโดยเป็นประเด็นที่หลายคนมองข้ามไป เพราะอย่าลืมว่า การเดินทางถือว่าเป็นหนึ่งอุปสรรคในการเตรียมความพร้อมเหมือนกัน 


ซึ่งการนำเสนอรายงานชุดนี้ เป็นการนับเอาตัวเลขระยะทางรวม สำหรับการเดินทางไปลงแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่ม เนื่องจากศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปครั้งนี้ ถือเป็นทัวร์นาเมนต์ที่จัดมาแบบพิเศษ โดยเดินทางไปแข่งขันทั่วยุโรป 11 เมือง กับอีก 11 สนาม โดยมีเจ้าภาพรับหน้าเสื่อที่แตกต่างกันออกไป


ช่วงนี้ เราไปดูกันหน่อยว่า ศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 ตลอดรอบแบ่งกลุ่มที่ผ่านมานั้น ทีมชาติไหนบ้างต้องเดินทางไกล เพื่อเปลี่ยนสนามในการแข่งขัน และบรรดาผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทีมชาติดังกล่าว มีมุมมองต่อเรื่องนี้ยังไงบ้าง ? เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราไปติดตามข้อมูลจากสื่อดิ อินเดียน เอ็กซ์เพรสกันเลย 

อันดับ 3 : ทีมชาติเบลเยี่ยม (เดินทาง 5,690 ไมล์)


ทีมชาติเบลเยี่ยม เปิดหัวทัวร์นาเมนต์ ด้วยการบุกไปเล่นที่เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก กับเจ้าภาพอย่างทีมชาติรัสเซีย หลังจากนั้น พลพรรคปีศาจแดงแห่งยุโรปเดินทางมาพักที่บ้านเกิด ก่อนที่จะเดินทางไปลงแข่งเกมที่ 2 กับทาง ทีมชาติเดนมาร์ก ที่กรุงโคเปนฮาเก้น 


จากนั้น พวกเขาต้องเดินทางกลับไปที่เมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก อีกหนึ่งรอบ เพื่อลงเตะเกมสุดท้ายกับทีมชาติฟินแลนด์ โดยถือเป็นการบินไปบินกลับหลายรอบอยู่เหมือนกัน แต่นั่นก็ไม่อาจหยุดฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรง ด้วยการไล่ชนะคู่แข่ง 3 เกมรวด ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในฐานะแชมป์กลุ่มบี โดยจะไปเจอของแข็งอย่างโปรตุเกส ที่เป็นแชมป์เก่า


อย่างไรก็ตาม โธมัส แฟร์มาเล่น ปราการหลังประสบการณ์สูงของทีม ออกมาเผยมุมมองถึงประเด็นนี้ว่า มันเป็นการไม่ยุติธรรมเหมือนกันที่ทีมชาติของเขาต้องบินไปบินมา และยังจะต้องลงเตะใน 2 ประเทศ ผิดกับทีมวางทีมอื่นๆ ที่ไม่ต้องเดินทางข้ามประเทศเลย โดยนอกจากนี้ แฟร์มาเล่น ยังบอกว่า การเดินทางบ่อยๆ ส่งผลต่อสภาพร่างกายของนักเตะ และทีมงานมากๆ 


แฟร์มาเล่น ยกตัวอย่างเช่น ทีมต้องเดินทางจากรัสเซีย โดยใช้เวลามากกว่า 3 ชั่วโมง ทั้งที่เพิ่งผ่านการลงเตะในช่วงเวลาดึก ทั้งที่ทีมวางหลายทีม มีโอกาสปักหลักเล่นในบ้านตัวเอง กระนั้น เขามองว่า นี่เป็นสิ่งที่ทีมจำเป็นต้องยอมรับมัน พร้อมกับไม่สามารถปริปากบ่นได้จริงๆ เพราะมันเป็นเรื่องของฝ่ายจัดการแข่งขัน 

อันดับ 2 : ทีมชาติโปแลนด์ (เดินทาง 5,876 ไมล์)


สำหรับทีมชาติโปแลนด์ เริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ยูโร 2020 รอบสุดท้าย ด้วยการลงแข่งขันกับทางทีมชาติสโลวาเกีย ที่เมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย หลังจากนั้น พวกเขาต้องเดินทางกลับไปยังบ้านเกิด เพื่อที่จะเปลี่ยนเครื่องอีกรอบ 


หลังจากนั้น พวกเขาต้องเดินทางต่อไปยังเมืองเซบีย่า เพื่อลงเตะกับหนึ่งเจ้าภาพอย่างสเปน ทิ้งทวนด้วยการบินข้ามอีกหลายประเทศ กลับไปเตะกับทีมชาติสวีเดน ที่เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก อีกหนึ่งครั้ง เรียกได้ว่า เป็นการเดินทางที่แสนยาวนานมาก ชนิดที่ว่าคิดแล้วเหนื่อยแทนเลยทีเดียว 


ไม่รู้การเดินทางที่แสนยาวนาน จะมีผลต่อสภาพร่างกายของขุนพลโปแลนด์ มากน้อยเพียงใด แต่ที่แน่ๆ พวกเขานั้นตกรอบแบ่งกลุ่ม ด้วยการจบอันดับสุดท้ายของกลุ่มอี แถมยังเก็บคะแนนได้เพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้น ซึ่งถือว่าผิดฟอร์มอยู่เหมือนกัน ทั้งที่มียอดกองหน้าระดับโลกอย่างโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ อยู่ในทีมด้วยก็ตาม 

อันดับ 1 : ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ (6,218 ไมล์) 

ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ เริ่มจากการเดินทางไปเก็บตัวที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี หลังจากนั้น พวกเขาต้องบินต่อไปยังกรุงบากู เมืองหลวงของประเทศอาเซอร์ไบจาน เพื่อลงแข่งขันเกมแรกกับทีมชาติเวลส์ 


ก่อนที่จะบินกลับมากรุงโรม อีกครั้ง เพื่อลงแข่งขันกับเจ้าภาพอย่างอิตาลี และปิดท้ายด้วยการกลับไปอาเซอร์ไบจาน อีกรอบ เพื่อลงเตะเกมสุดท้ายกับทีมชาติตุรกี 


โดยรวมแล้ว ทีมจากเมืองนาฬิกา ต้องเดินทางไปมามากกว่า 5,690 ไมล์ อย่าลืมว่า ตัวเลขการเดินทางมันเพิ่มสูงขึ้น นั่นเพราะประเทศอาเซอร์ไบจาน ตั้งอยู่ห่างจากหัวเมืองต่างๆมากสุด ในการแข่งขันยูโร 2020 หนนี้


แน่นอนว่า หากใครสังเกตในแผนที่โลก อาเซอร์ไบจาน ตั้งอยู่ฉีกออกมาทางตะวันออกสุดของยุโรป โดยมีพื้นที่บางส่วนติดกับทวีปเอเชียด้วย แถมเมืองหลวงอย่างบากู ยังตั้งอยู่สุดขอบของประเทศอีกต่างหาก เรียกได้ว่าไกลแบบซ้ำซ้อนเลยทีเดียว


อย่างไรก็ตาม ผลสุดท้ายทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ สามารถเอาตัวรอดจากการเดินทางแสนไกล ด้วยการผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในฐานะอันดับ 3 ที่มีผลงานดีที่สุด โดยต้องเจองานยากกับแชมป์โลกอย่างทีมชาติฝรั่งเศส 


นอกจากทีมชาติที่เดินทางไกลแล้ว ยังมีทีมชาติที่ไม่ได้เสียเวลาเดินทางแม้แต่ไมล์เดียว เพราะได้ปักหลักเล่นในบ้านตัวเองตลอด 3 เกมรวดในรอบแบ่งกลุ่ม ประกอบไปด้วยทีมชาติอิตาลี, อังกฤษ, เยอรมัน, สเปน, เนเธอร์แลนด์ส และเดนมาร์ก เหลือเชื่อมากว่า ทีมเหล่านั้นสามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบน็อคเอาท์ได้ทั้งหมด และไม่มีใครตกขบวนไปเลย 

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})