:::     :::

สิงโตได้ดีเพราะกุนซือที่ชื่อ แกเรธ เซ้าท์เกต

วันพฤหัสบดีที่ 08 กรกฎาคม 2564 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
2,035
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
55 ปีที่อังกฤษรอคอยความสำเร็จ ผ่านกุนซือ และผู้จัดการทีมที่มีชื่อเสียงมามากมาย ไม่มีใครคิดว่าสุดท้าย จะกลายเป็นแกเรธ เซ้าท์เกต ที่พาทีมกลับมาเล่นรอบชิงชนะเลิศได้อีกครั้ง

ผมไม่เคยเห็นบรรยากาศกองเชียร์ทีมชาติอังกฤษ ดีใจกระโดดโลดเต้นเช่นนี้มาก่อน หรือหากมีเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกัน ก็น่าจะต้องย้อนกลับไปถึงตอนยูโร 1996 ที่พวกเขาเองเป็นเจ้าภาพ จนกำเนิดประโยคคลาสสิกที่ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายอีกครั้งว่า Football’s coming home.

 

อังกฤษอาจจะเริ่มต้นทัวร์นาเม้นต์ได้ไม่ค่อยดีนัก ชื่อชั้นของตัวผู้เล่น ถ้าพูดกันตามตรงมันยังห่างชั้นจากยุค Golden Generation ที่ 11 ตัวจริงในสนาม รวมถึงตัวสำรอง ต่างเป็นที่ยอมรับกันในวงการว่า นี่คือ ที่สุดของประเทศจริงๆ ผู้เล่นอย่างเดวิด เบ็คแฮม, พอล สโคลส์, แฟรงค์ แลมพาร์ด, สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในแดนกลาง กองหลังคุมด้วยจอห์น เทอร์รี่ และริโอ เฟอร์ดินานด์ กองหน้ามีเวนย์ รูนีย์ จับคู่กับไมเคิ่ล โอเว่น ผู้เล่นเหล่านี้ต่างพกคำว่าระดับโลกแปะไว้ที่หน้าผากตัวเองแทบทั้งสิ้น แต่กลับไม่เคยประสบความสำเร็จใดๆในระดับทีมชาติ ที่เห็นจะไปได้ไกลที่สุดก็น่าจะเป็น รอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2006 เพียงเท่านั้น

 

ตรงกันข้ามกับผู้เล่นชุดปัจจุบัน คำถามมากมายเกินขึ้นจากทั้งเกจิ กูรู สื่อมวลชน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนฟุตบอล ไล่ตั้งแต่ความสามารถของโค้ชอย่างแกเรธ เซ้าท์เกต ที่ถ้ามองแค่ชื่อเสียงในฐานะผู้จัดการทีม ก็ถือว่าไม่ผ่านแล้ว เพราะไม่เคยมีประสบการณ์การทำทีมในระดับสูงเลย การเลือกผู้เล่นของเซ้าท์เกตมาติดทีมชาติก็มีหลายคนที่เป็นเครื่องหมายคำถามว่าทำไมถึงเลือกนักเตะคนนี้ แล้วไม่เลือกนักเตะคนนี้ ซึ่งที่ผ่านมา เราได้เห็นปัญหาเหล่านี้ผ่านเสียงบ่นจากสื่อมวลชน และแฟนฟุตบอลมาโดยตลอด

 

แน่นอนในเรื่องของคุณภาพผู้เล่นแบบตัวต่อตัว อังกฤษยุคนี้ไม่สามารถเปรียบเทียบชื่อชั้นกับชุดที่ผมยกมาก่อนหน้าได้เลย คงไม่มีใครอุตริเอาเคลวิน ฟิลลิปส์ ไปเทียบกับสตีเว่น เจอร์ราร์ด แล้วบอกว่าฟิลลิปส์ดีกว่า หรือถ้าจะบอกว่าดีแคน ไรซ์ ดีกว่าแฟรงค์ แลมพาร์ด ก็คงต้องโดนโลกโซเชียลถล่มกันไม่ได้หายใจแน่นอน

 

แต่สิ่งที่ทีมของเซ้าท์เกต เหนือกว่า และพิสูจน์ให้เห็นว่าอังกฤษไม่ใช่ทีมที่สวยแต่รูปจูบไม่หอมอีกต่อไป นั่นคือ ทีมเวิร์คครับ ซึ่งมันสะท้อนได้จากผลงานของทีม ตั้งแต่เซ้าท์เกตเข้ามาคุมทีมหลังจบศึกยูโร 2016 พวกเขาเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้ทุกรายการ ทั้งฟุตบอลโลก 2018, ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2019 และสดๆร้อน ชัยชนะต่อเดนมาร์ก 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 120 นาที ทำให้อังกฤษเข้ารอบชิงชนะเลิศรายการในระดับนานาชาติได้เป็นครั้งแรก หลังครั้งสุดท้ายต้องย้อนกลับไปถึงฟุตบอลโลก 1966 ที่พวกเขาเองเป็นเจ้าภาพ และเอาชนะเยอรมันตะวันตก 4-2 คว้าแชมป์โลก และเป็นแชมป์รายการระดับนานาชาติรายการเดียวที่ทีมเคยได้



 

55 ปีที่อังกฤษรอคอยความสำเร็จ ผ่านกุนซือ และผู้จัดการทีมที่มีชื่อเสียงมามากมาย ไม่มีใครคิดว่าสุดท้าย จะกลายเป็นแกเรธ เซ้าท์เกต ที่พาทีมกลับมาเล่นรอบชิงชนะเลิศได้อีกครั้ง แถมยังเป็นการลงเล่นที่เวมลีย์ บ้านของทีมสิงโตคำราม ที่จะได้กำลังใจจากแฟนบอลที่พร้อมจะเข้ามาสนับสนุนแบบเต็มสนาม

 

เซ้าท์เกตใช้ความได้เปรียบจากการเป็นอดีตโค้ชทีมชาติอังกฤษชุดเยาวชนไม่เกิน 21 ปี นักเตะในทีมชาติอังกฤษของเขากว่า 90% ต่างเคยร่วมงานกับเขามาในระดับเยาวชนทั้งนั้น เขารู้จุดอ่อน จุดแข็ง รู้วิธีใช้งาน แม้ไม่ใช่วิธีที่ทำให้นักเตะคนนั้นๆโชว์ฟอร์มได้ดีที่สุด แต่วิธีที่เขาใช้มันเป็นวิธีที่ทำให้ทีมได้ผลการแข่งขันที่ดีที่สุด

 

ยังจำดราม่า เรื่องเทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กับการเรียกตัวติดทีมชาติได้ไหมครับ จะมีกุนซือกี่คนที่กล้าที่จะปฎิเสธนักเตะอย่างเทรนท์ ถึงแม้สุดท้ายเซ้าท์เกตจะเปลี่ยนใจเลือกเทรนท์ให้อยู่ในทีมด้วยก็ตาม แต่ของแบบนี้ไม่มีไฟ ก็ไม่มีควัน ความไม่เข้าแทกติกของทีมที่เซ้าท์เกตต้องการ ทำให้เทรนท์ แบ็กขวาที่ทำสถิติจ่ายบอลให้เพื่อนมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกต่อฤดุกาล กลายเป็นส่วนเกินไปอย่างช่วยไม่ได้

 

นี่ยังไม่รวมถึงการจัดตัวแบบไม่แคร์เสียงวิจารณ์ของสื่อมวลชน และแฟนฟุตบอลทั้งประเทศอีก แฟนบอลอยากเห็นแจ็ค กรีลิช อยากเห็นเจดอน ซานโช่ ลงสนามเป็นตัวจริงมากกว่าราฮีม สเตอลิ่ง และบากาโย่ ซาก้า แต่เซ้าท์เกตไม่สนใจ เลือกที่จะเชื่อในปรัชญาของตัวเอง นั่นทำให้ราฮีม สเตอลิ่ง ยังได้เป็น 11 ตัวจริง และกลายเป็นนักเตะคนสำคัญที่ทั้งยิง และจ่าย แถมยังเรียกลูกจุดโทษให้กับทีม จนพาทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ

 

อังกฤษไม่มีทางเลยที่จะมาถึงจุดนี้ หากปราศจากกุนซือที่อินดี้ และเชื่อมั่นในตัวเองอย่างแกเรธ เซ้าท์เกต

 

นัดชิงชนะเลิศ กำลังจะมาถึงในคืนวันอาทิตย์นี้ แฟนฟุตบอลทีมสิงโตคำรามตั้งความหวังเอาไว้สูงมากๆ การได้เล่นในบ้านต่อหน้าเสียงเชียร์กว่า 65000 คน มันคงเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ หากอังกฤษจะล้างอาถรรพ์แล้วก้าวขึ้นไปเถลิงบัลลังก์แชมป์ยุโรปได้เป็นครั้งแรก

 

แต่ไม่ว่าจะได้แชมป์หรือไม่ ผมว่า ณ เวลานี้ แฟนฟุตบอลทีมสิงโตคำราม คงเปิดใจรับฝีมือของเซ้าท์เกตมากขึ้นกว่าเดิมเยอะแล้วหล่ะ


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด