:::     :::

เกิดอะไรขึ้นกับ 'ไอ้แจ็ค'

วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม 2564 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
2,041
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลังจากบทพิสูจน์ของ เชฟฯ ยูไนเต็ด ที่ล้มเหลว อดีตนักเตะ แมนฯ ซิตี้ และทีมชาติอังกฤษ ต้องกลับมาเดินเตะฝุ่นอีกครั้ง

    บนทวิตเตอร์มีผู้ติดตาม แจ็ค ร็อดเวลล์ ถึง 132,000 คน แต่อดีตกองกลาง แมนฯ ซิตี้ และทีมชาติอังกฤษกลับไม่ได้ทวีตข้อความเลยแม้แต่ครั้งเดียวนับตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา

    เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ร็อดเวลล์ ยังเป็นขาประจำที่โลดแล่นในเวทีพรีเมียร์ลีก กับ ซันเดอร์แลนด์ อยู่เลย

    กระนั้นก็ตาม หนึ่งปีหลังจากทวีตล่าสุดที่เขียนโดย ร็อดเวลล์ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ปี 2016 ว่า "แฟนๆ กลับมาอีกครั้งในวันนี้! การสนับสนุนชั้นยอด #safc" ทีม แมวดำ ก็ต้องตกชั้นสู่แชมเปี้ยนชิพ

    ล่าสุดนี้ ซันเดอร์แลนด์ ถึงขั้นจมอยู่ในลีก วัน เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันแล้ว ซึ่ง แมวดำ ถือว่าอยู่ห่างไกลจากพรีเมียร์ลีกมาก และความรู้สึกนั้นก็ไม่ต่างกับ ร็อดเวลล์ เช่นกัน แม้จะมีข้อเท็จจริงที่ว่าจนกระทั่งจบฤดูกาลก่อน เขายังเซ็นสัญญากับสโมสรในลีกสูงสุดอยู่เลย (เชฟฯ ยูไนเต็ด)

    อาชีพที่ดิ่งลงเหวของ ร็อดเวลล์ ดูจะกลายเป็นที่สนใจสำหรับคอบอลพรีเมียร์ลีกอยู่ไม่น้อย

    ย้อนกลับไปในเดือนพฤศจิกายน ปี 2011 เขาประเดิมลงสนามให้ทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ครั้งแรกในเกมอุ่นเครื่องที่เอาชนะ สเปน 1-0 และไม่ถึงหนึ่งปีถัดมา เขาก็ย้ายไปยัง แมนฯ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 12 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าสูงมากในเวลานั้น

    อย่างไรก็ตาม 7 ซีซั่นถัดมา ร็อดเวลล์ กลายเป็นนักเตะที่ครองสถิติน่าสยดสยองอย่างมากในพรีเมียร์ลีกกับการลงเล่นในจำนวนเกมที่ทีมไม่ชนะเป็นส่วนใหญ่ หรือจะเป็นต้นสังกัดตกชั้น และทดสอบฝีเท้าไม่ผ่านกับ โรม่า รวมถึงทีมในเมเจอร์ลีก

    ร็อดเวลล์ เติบโตมาในฐานะกองเชียร์ เอฟเวอร์ตัน และเข้ามาอยู่ในทีมเยาวชนของ ทอฟฟี่ ตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบ โดยกลายเป็นแข้งอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นในฟุตบอลยุโรป เมื่อได้ประเดิมสนามขณะอายุเพียง 16 ปี ในเกมยูฟ่า คัพ นัดพบ อัลค์มาร์

    หลังแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวในถิ่นกูดิสัน พาร์ค และถึงขั้นทะยานไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ การเลือกย้ายไปยัง แมนฯ ซิตี้ เร็วเกินไปไม่ใช่การตัดสินใจที่ดี และเขาก็ยังต้องเผชิญหน้ากับอาการบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ขาดสาย

    หลังจากได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก เพียง 5 นัด ระหว่างฤดูกาล 2013-14 เขายอมถอยหลังด้วยการย้ายไป ซันเดอร์แลนด์ ที่ค่าตัว 10 ล้านปอนด์ เพื่อตามหาโอกาสลงสนามแบบเป็นประจำ แต่ก็กลับมาเจอสถานการณ์ไม่ต่างกันในถิ่นสเตเดี้ยม ออฟ ไลท์

    ช่วงปี 2013 ถึง 2017 ร็อดเวลล์ มีสถิติที่สุดโหดลงสนามไป 39 นัดในลีกโดยที่ไม่เจอชัยชนะเลยตลอด 1370 วัน

    ร็อดเวลล์ กลายเป็นที่พูดถึงว่าเป็นตัวการสำคัญทำให้การเงินของ แมวดำ ต้องเกิดวิกฤต เมื่อภาพยนต์สารคดีเรื่อง "Sunderland 'Til I Die" ซึ่งหาดูได้ใน Netflix แสดงภาพสะท้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเหล่าผู้บริหารที่ผิดพลาดกับเคสของ ร็อดเวลล์ และค่าแรง 70,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์

    ร็อดเวลล์ ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในตัวการของความบรรลัยที่เกิดขึ้นกับ ซันเดอร์แลนด์ จากภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งเขาก็รู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่ถูกนำเสนอไปในทางที่ตัวเองเป็นทั้งคนโลภ ขี้เกียจ ไม่เต็มใจที่จะทำอะไรให้สโมสรเลยนอกจากนั่งนับเงินค่าเหนื่อยก้อนโตไปวันๆ

    "ผมรู้สึกเหมือนเป็นแพะรับบาปทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ผมพร้อมที่จะลงเล่น แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ผมกลับไม่เคยถูกเลือก เรื่องแบบนี้ชอบเกิดขึ้นในโลกฟุตบอลนั่นแหละ" เขากล่าวผ่านพอดแคสต์ของสโมสร เอฟเวอร์ตัน

    ในที่สุด ร็อดเวลล์ ก็ถูก แมวดำ ปล่อยตัวในเดือนมิถุนายน ปี 2018 จากนั้นก็ไปเล่นกับ แบล็คเบิร์น ในแชมเปี้ยนชิพ และเขาก็ต้องกลายเป็นฟรีเอเยนต์อีกครั้ง โดยได้ไปทดสอบฝีเท้ากับ นิวอิงแลนด์ เรฟโวลูชั่น แต่ดันไม่ผ่าน และที่น่าเซอร์ไพรส์ก็คือไปทดสอบกับ โรม่า ยุค เปาโล ฟอนเซก้า ซึ่งก็ล้มเหลวอีกเช่นกัน

    จะบอกว่าน่าเสียดายเลยก็ได้ เพราะตอนที่ ร็อดเวลล์ กำลังถูกจับตามองใหม่ๆ เขามีร่างกายที่แข็งแกร่ง เล่นเกมหนักๆ ได้สบายไม่ว่าจะในกองหลัง หรือกองกลาง

    ความโดดเด่นเหล่านั้นทำให้เขาได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในพรีเมียร์ลีกอย่างน่าเซอร์ไพรส์ เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2019 หลัง เชฟฯ ยูไนเต็ด เซ็นสัญญาดึงตัว ร็อดเวลล์ มาร่วมทีม

    คริส ไวล์เดอร์ กุนซือ ดาบคู่ ในเวลานั้นเลือกที่จะเดิมพันกับเขาแบบเดียวกับ ราเวล มอร์ริสัน อดีตดาวเด่นจากอะคาเดมี่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยเขารู้สึกว่า ร็อดเวลล์ บนวัย 28 ปี ในตอนนั้นยังสามารถแสดงศักยภาพของเขาออกมาได้

    "เขาเป็นผู้เล่นที่มีพรสวรรค์มาก ซึ่งเหมาะสมที่จะได้เล่นในพรีเมียร์ลีกเป็นประจำ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เขาไม่ได้เป็นแบบนั้น" ไวล์เดอร์ อธิบายไว้

    "เขามีทัศนคติที่ดีมาก และโดยพื้นฐานแล้ว เขามองมาที่เรา และเราก็มองไปที่เขาเพื่อดูว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน"

    น่าเสียดายสำหรับ ไวล์เดอร์, ร็อดเวลล์ และ เชฟฯ ยูไนเต็ด เพราะนี่คืออีกเรื่องหนึ่งของหายนะ

    ดาบคู่ ตกชั้นในฤดูกาล 2020-21 และอดีตดาวเตะที่เคยลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ 1 นัด ก็มีโอกาสลงสนามแค่ 2 เกมจาก 18 เดือนกับทีม คิดเป็นเวลา 73 นาที

    อาการบาดเจ็บเกิดขึ้นกับเขาอีกครั้ง ขณะที่ข้อจำกัดเพื่อป้องกันโควิด-19 ในเวลานั้นทำให้ ร็อดเวลล์ ไม่สามารถออกจากการรวมตัวของทีมชุดใหญ่เพื่อเรียกความฟิตกับทีมระดับยู-23 ได้

    แน่นอน การเสี่ยงดวงครั้งนี้ไม่เป็นผล หากเป็นนักพนันก็เรียกได้ว่าหมดตูดกันเลยทีเดียว

    ตอนนี้ก็อีกครั้งแล้วที่ ร็อดเวลล์ ต้องเป็นนักเตะฟรีเอเยนต์ โดยกำลังมองหาสโมสรที่พร้อมจะเสี่ยงกับเขาอีกครั้ง

    ไม่รู้เหมือนกันว่าไฟในตัว ร็อดเวลล์ จะยังลุกโชนอยู่ไหม แต่ภาพอันสดใสของเขาในอดีตมันแทบมองไม่เห็นเลยทั้งในปัจจุบัน หรือกับเส้นทางข้างหน้า

    พาสต้า


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด