มาร์ติน โอเดการ์ด เปิดตัวในฐานะนักเตะใหม่อาร์เซน่อลเรียบร้อยแล้วหลังเซ็นสัญญา 4 ปีพร้อมทิ้งเงินสดไว้ให้ เรอัล มาดริด 40 ล้านยูโร 

บ้างว่านี่เป็นดีลที่ทำกำไรงดงาม หากเทียบกับเม็ดเงิน 2.8 ล้านยูโรที่ มาดริด จ่ายให้ สตรอมก๊อตเซต เมื่อมกราคม 2015 บ้างว่ามันเรื่องน่าผิดหวัง เพราะ มาดริด ไม่ได้ลงทุนกับ โอเดการ์ด ซึ่งใช้เวลาฟูมฟักไป 6 ปีเพื่อการนี้ 

ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา โอเดการ์ด เข้าๆออกๆถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว เป็นว่าเล่น จากชุดกาสตีย่า ไปยัง ฮีเรนวีน จาก ฮีเรนวีน ไป วิเทสต์ อาร์เน่ม จากนั้นวกกลับสู่ ลา ลีกา ด้วยการเล่น(แบบยืมตัว)กับ เรอัล โซเซียดาด ในฤดูกาล 2019-2020 

ฤดูกาลแรกกับ ลา เรอัล โอเดการ์ด ทำผลงานน่าประทับใจ ลงเล่น 31 นัด ตัวจริง 29 นัด ยิง 4 แอสซิสต์ 6 จนทำให้ ซีเนดีน ซีดาน ตัดสินใจให้สโมสรปัดอ๊อปชั่นขยายสัญญายืมตัวและดึงกลับมาใช้งาน 

เรอัล มาดริด ในซัมเมอร์ปี 2020 อยู่ในช่วงรัดเข็มขัด ทีมไม่ทุ่มซื้อใครเข้ามาเลย แต่การกลับมาของ โอเดการ์ด เวลานั้น ทุกคนยกว่ามันคือการเสริมทัพที่น่าสนใจ 

โอเดการ์ด กลับสู่ มาดริด ด้วยความมุ่งมั่นและช่วงแรกก็ดูเหมือนว่าจะไปได้สวย เขาได้โอกาสจาก ซีดาน อย่างที่ต้องการ แต่เขาโชคไม่ดีนัก หลังผ่านไป 3 เกม เกิดปัญหาบาดเจ็บน่องแทรกเข้ามา ทำให้ต้องพักรักษาตัว ตั้งแต่ต้นซีซั่น 

อาการบาดเจ็บไม่ว่ามากหรือน้อยล้วน สำหรับนักฟุตบอลมันคือเรื่องอุปสรรคร้ายแรง ยิ่งเป็นแข้งที่กำลังต้องการพิสูจน์ตัวเอง ไม่เพียงแค่ทำให้พลาดโอกาสที่กำลังไขว่คว้าเท่านั้น แต่ยังทำเปิดโอกาสให้นักเตะคนอื่นเข้ามาแทนที่ 

ยิ่งกับ เรอัล มาดริด ทีมที่มีการขับเคี่ยวสูงที่สุดทีมนึงในโลกยิ่งส่งผลร้าย จินตนาการง่ายๆว่าในเวลาที่คุณหยุดอยู่กับที่ มันเป็นเวลาเดียวกันที่คนรอบตัวคุณกำลังพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง 

ในเมื่อคุณไม่ได้ชื่อ ลูก้า โมดริช ไม่เคยคว้าบัลลงดอร์อย่างเขา ไม่เคยเป็นแชมป์โลกอย่างนักเตะเยอรมันที่ชื่อ โทนี่ โครส หรือเล่นได้โดดเด่น สม่ำเสมอในสไตล์ที่แตกต่างอย่าง กาเซมีโร่ เมื่อนั้นต้องจำให้ขึ้นใจ “โอกาสของคุณมีไม่มาก"

โอเดการ์ด หายเจ็บน่องกลับมา หลังลงเล่นครั้งสุดท้ายเป็นเวลา 1 นาทีในเกมกับ เลบันเต้ เมื่อ 4 ตุลาคม 2020 ซึ่งถ้ารวมเกมกับ เรอัล บายาโดลิด ที่เขานั่งอยู่บนม้านั่งสำรองตลอดทั้งเกม ก็เท่ากับว่า 5 นัดหลัง 450 นาที เขาลงเล่นแค่ 1 นาทีเท่านั้น

การคัมแบ็กจากอาการเจ็บในรอบ 1 เดือนกว่าๆ กับนักเตะคนอื่นๆอาจไม่มีปัญหา แต่มันส่งผลต่อฟอร์มในสนามของ โอเดการ์ด 

26 นาทีกับ บาเลนเซีย

65 นาทีกับ บียาร์เรอัล 

58 นาทีกับ อินเตอร์ มิลาน

21 นาทีกับ อลาเบส 

77 นาทีกับ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค 

ปรากฏว่า โอเดการ์ด เล่นไม่ออกเลย และเลวร้ายที่สุดก็คือ 77 นาทีกับ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค ที่ ยูเครน ไม่เพียงเล่นไม่ดี ไม่เพียงทีมแพ้ 0-2 แต่ยังได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง คราวนี้โดนอาการกล้ามเนื้อฉีกเล่นงาน 

ว่ากันว่าหลังเกมวันนั้นทำให้ โอเดการ์ด เสียความมั่นใจอย่างหนัก แม้ฟิตกลับมาก็ยังหลุดจากทีมอีก นับรวม 6 เกมรวด สถานการณ์ยิ่งดำดิ่ง 

โอเดการ์ด มองว่า ซีดาน ไม่ให้โอกาสเขาอย่างที่เคยสัญญา ตรงนี้สามารถมองได้สองแบบ 

ในมุมเทรนเนอร์อย่าง ซีดาน เมื่อฟอร์มไม่ดี ก็เป็นเรื่องยากจะให้โอกาส เพราะในทีมมีนักเตะที่ทำได้ดีกว่า รวมถึงแข้งรายอื่นที่รอโอกาสอยู่เช่นกัน  

ในมุมนักเตะอย่าง โอเดการ์ด จะให้ฟอร์มดีได้อย่างไร หากเวลาที่หมดไปส่วนใหญ่อยู่บนม้านั่งสำรอง การที่นักเตะจะกลับมาเล่นด้วยความมั่นใจ กระชากฟอร์มสุดยอดออกมา ต้องอาศัยระยะเวลา และต้องการโอกาสอย่างต่อเนื่อง 

นักเตะที่ได้รับโอกาสเช่นนี้ใน มาดริด มีแค่คนเดียว นั่นคือ เอแดน อาซาร์ ที่ทุกครั้งเมื่อหายเจ็บ เขาก็จะได้โอกาส แต่กับ โอเดการ์ด แล้วมันไม่เป็นเช่นนั้น ซึ่งในเมื่อให้สัญญาแล้วว่าจะให้โอกาส แล้วทำไมถึงไม่ทำตามสัญญา 

โอเดการ์ด ลงเล่นเกมสุดท้ายให้ เรอัล มาดริด ในนัดพบ เซลต้า บีโก้ เมื่อ 2 มกราคม 2021 โดยมีเวลาอยู่ในสนาม 5 นาที จากนั้นไม่นานก็เก็บของย้ายไป อาร์เซน่อล แบบยืมตัว 

บรรดาสื่อและกูรูไม่รอช้าออกมาวิจารณ์ โอเดการ์ด ทันที คนที่จัดหนักคือ ฮอร์เก้ วัลดาโน่ ที่บอกว่ามิดฟิลด์นอร์วีเจี้ยนไม่มีความอดทนเอาเลย 

"เขาขาดความอดทน นักเตะเรอัล มาดริด ต้องมีความสามารถในการต้านทานความเจ็บปวด ไม่ควรยอมแพ้อะไรง่ายๆ" 

จะอย่างไรก็ตาม ผลงานกับ อาร์เซน่อล พิสูจน์ให้เห็นว่า โอเดการ์ด คิดถูก และที่ลอนดอน เขาได้ชีวิตนักฟุตบอลกลับคืนมา ได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง มีบทบาทกับทีม 

กระนั้น ในหัวของ โอเดการ์ด ก็ยังไม่มีความคิดที่จะอยู่กับ อาร์เซน่อล ถาวร 

4 ก.ค. หลัง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปิดฤดูกาล และ โอเดการ์ด ต้องเดินทางกลับมายัง มาดริด เขาโพสต์อำลาแฟนๆเดอะ กันเนอร์ส ว่า "อาร์เซน่อล,ขอบคุณพวกคุณอย้่งมากสำหรับ 6 เดือนนี้ เวลาของผมกับครอบครัวอาร์เซน่อลจะถูกเก็บไว้ในที่พิเศษในหัวใจของผม”

"ขอขอบคุณบอสและทีมสต๊าฟสำหรับทุกสิ่งที่ผมได้เรียบรู้ตลอดระยเวลาที่อยู่ที่นี่ ขอบคุณเพื่อนร่วมทีมทุกคน ขอบคุณกูนเนอร์สแฟมิลี่ พวกคุณจะอยู่ในใจผมเสมอ”

คำอำลาของ โอเดการ์ด ที่มีต่อ อาร์เซน่อล แสดงให้เห็นว่าเขาประทับใจช่วงเวลาที่นั่นเอามากๆ แต่ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่าเวลานั้นเขาไม่ได้มีความคิดที่จะอยู่กับ อาร์เซน่อล ถาวร แต่เขากำลังจะกลับไปสู้ที่ มาดริด อีกครั้ง 

แต่สุดท้าย การต่อสู้ครั้งใหม่ของ โอเดการ์ด ในสีเสื้อราชันชุดขาวยังไม่ทันได้เริ่มต้นขึ้น เขาก็โบกมือลาอีกครั้ง ซึ่งการอำลาหนนี้ กลายเป็นประเด็นดราม่าหนักกว่าที่เคย 

จากการนำเสนอของสื่อ ทำให้แฟนๆเข้าใจว่า โอเดการ์ด ไม่ยอมสู้ รับไม่ได้ที่ต้องเป็นตัวสำรอง รับไม่ได้ที่ไม่ได้รับการการันตีตำแหน่งภายในทีม แฟนบางกลุ่มยุส่งให้เขาไปตกระกำลำบากกับ อาร์เซน่อล จนกระทั่งเจ้าตัวอดรนทนไม่ให้ต้องออกมาชี้แจงว่า สิ่งที่สื่อบอกนั้นเกือบทั้งหมดไม่ใช่ความจริง 

แล้วความจริงคืออะไร ? 

เวลานี้ยังไม่มีใครทราบ แต่ข้อมูลที่ได้มา สาเหตุเกิดจากการบทสนทนาระหว่างเขากับ คาร์โล อันเชล็อตติ ก่อนการซ้อมมื้อนึงช่วงปรีซีซั่นที่ บัลเดเบบาส ในช่วงปลายเดือนกรกฏาคม 

อันเชล็อตติ ถาม โอเดการ์ด ว่าคิดอย่างไรกับการลงเล่นในฤดูกาลนี้ ก่อนที่จะบอกว่าที่นี่มีการแข่งขันสูงมาก จากนั้นต่อมา อันเชล็อตติ ก็ให้สัมภาษณ์ในการแถลงข่าวว่า "ผมได้บอกกับ โอเดการ์ด แล้วว่าเขามีนักเตะ 8 คนในตำแหน่งของเขา" 

คาดการณ์ว่านี่คือสาเหตุที่ทำให้ โอเดการ์ด เปลี่ยนใจ จากที่หวังจะแย่งชิงตำแหน่งภายในทีม เปลี่ยนเป็นเก็บกระเป๋าย้ายหนี มาดริด ไปอย่างถาวร 

ข้อมูลอ้างว่า โอเดการ์ด คาดหวังกับ อันเชล็อตติ ไว้มาก เขาหวังว่าเมื่อ ซีดาน ไม่อยู่แล้วเขาจะได้โอกาสมากขึ้น แต่คำพูดที่ อันเชล็อตติ พูดกับเขามันแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มั่นใจนักในตัวลูกทีมคนนี้ 

มันควรจะเป็นคำพูดที่ว่าผมมั่นใจในตัวคุณ คุณคือส่วนนึงของเรา นั่นเป็นคำพูดที่นักเตะอยากได้ยิน แต่ไม่ใช่ที่นี่เรามีนักเตะในตำแหน่งนายอยู่แล้ว 8 คน  

โอเดการ์ด คุยกับพ่อ และเอเยนต์ของเขา จากนั้นไม่นาน การย้ายกลับไปยัง อาร์เซน่อล แบบถาวรก็เกิดขึ้น 

โอเดการ์ด ทิ้งทุกอย่างที่ มาดริด ไว้เบื้องหลัง และหันไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับ อาร์เซน่อล 

โอเดการ์ด ไม่มีความอดทน ใจไม่สู้ แบบนี้ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ เขาไม่มีคุณสมบัติของนักเตะเรอัล มาดริด เอาซะเลย 

โอเดการ์ด เลือกถูกแล้ว ที่ไหนที่ให้โอกาส เขาก็ควรอยู่ที่นั่น ก่อนที่จะประสบความสำเร็จ ไม่มีอะไรจะสำคัญไปการได้รับโอกาส 

ผมเชื่อว่าต่างคนก็ต่างมุมมองในเคสของ โอเดการ์ด 

แต่หวังแค่ว่าหลังอ่านบทความนี้จบแล้ว คุณๆจะได้คำตอบที่ชัดเจนขึ้นกว่าเดิม

เจมส์ ลา ลีกา