ปรีวิว ลีดส์ vs ลิเวอร์พูล: 3 แต้มที่ทั้งคู่ต่างต้องการเพื่อโมเมนตัม
หรือถ้าย้อนไปไกลหน่อยก็ต้องลูกยิงของ อันโธนี่ เยบัวห์ ที่จัดการวอลเล่ย์จากนอกกรอบเขตโทษผ่านมือ เดวิด เจมส์ ในปี 1995 ส่วนหงส์แดงก็เคยมีเกมคลาสสิคอย่างในวันที่ สแตน คอลลีมอร์ จูงมือ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ถลุง 5-0 ตอนปี 1996 หรือเอาแบบเก่าเก็บเลยก็ในเกมที่ ลี แชปแมน ทำแฮตทริคให้ลีดส์ได้ตอนปี 1991 แต่ผลสุดท้ายคือพ่ายต่อหงส์แดงไป 4-5 อย่างสุดระทึก โดยวันนั้นมี จอห์น บาร์นส์ รับบทฮีโร่เหมา 2 เซฟทีมเอาไว้ได้
กับในเกมคืนนี้ ลิเวอร์พูล ต้องยกพลไปเยือน ลีดส์ ถึง เอลแลนด์ โร้ด โดยมีตำแหน่งจ่าฝูงของลีกเป็นเดิมพัน เนื่องจากคืนเมื่อวานนี้ทั้งปีศาจแดงและสิงห์บลูส์ต่างเก็บ 3 คะแนนกันไปได้อย่างสบายทั้งคู่
ความพร้อมและฟอร์มการเล่นถือว่าทางยูงทองมีปัญหามากกว่า บิเอลซ่า ยังม่ชนะใครเลยตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา โดยในเกมแรกแพ้ปีศาจแดง 1-5, เสมอ เอฟเวอร์ตัน 2-2 และ เสมอกับ เบิร์นลี่ย์ 1-1 ซึ่ง บิเอลซ่า ต้องลุ้นอาการบาดเจ็บของ โรบิน ค็อช ปราการหลังของทีมว่าจะฟิตพอสำหรับลงสนามหรือไม่ ส่วนจูเนียร์ ฟิร์โป้ กับ มาเตอุส คลิช ก็ต้องเทสต์ผลโควิด-19 อีกรอบเช่นเดียวกัน
แต่ยังดีที่ ราฟินญ่า สามารถลงสนามได้แม้ว่าจะไปเล่นทีมชาติในโซนอเมริกาใต้มา เช่นเดียวกับทางฝั่งของ ลิเวอร์พูล ที่ อลีสซง กับ ฟาบินโญ่ จะสามารถลงสนามได้เนื่องจากทางพรีเมียร์ลีกได้ทำการเคลียร์กับฟีฟ่าเรียบร้อยแล้ว แต่ บ็อบบี้ ฟิร์มิโน่ ยังมีอาการบาดเจ็บที่เอ็นหัวเข่าอยู่ น่าจะหายไม่ทันสำรับเกมนี้ เช่นเดียวกับ ทาคูมิ มินามิโนะ กับ เจมส์ มิลเนอร์ ที่ไม่สามารถลงสนามได้เนื่องจากอาการบาดเจ็บ
เวอร์กิล ฟาน ไดค์ พร้อมสำหรับการลงบู๊ช่วยทีมค่อนข้างแน่นอน โดยเจ้าตัวยืนยันว่าอาการบาดเจ็บตอนไปเล่นทีมชาติไม่ได้หนักหนาแบบที่กังวลกัน ขณะที่ในตำแหน่งอื่น ๆ ถือว่าหงส์แดงฟูลทีมโดยเฉพาะ 3 ประสานในแดนหน้าทั้ง โชต้า, มาเน่ และ ซาล่าห์ พร้อมมากสำหรับการลงล่าตาข่าย
สถิติในการเจอกัน 5 ครั้งหลังสุด ลิเวอร์พูล ชนะ 3 เสมอ 2 ไม่แพ้เลย ครั้งสุด้ทายที่แพ้ ลีดส์ ต้องย้อนไปไกลถึงในปี 2001 โน่นเลย ส่วนการเจอกันในฤดูกาลที่แล้ว ปรากฏว่า ลิเวอร์พูล ชนะ ที่บ้านตัวเองไป 4-3 และเสมอที่ เอลแลนด์ โร้ด 1-1
การเจอกันในฤดูกาลนี้ มีจุดที่น่าสนใจคือ ลีดส์ ของ บิเอลซ่า เกมรับค่อนข้างรั่วกว่าในฤดูกาลที่แล้วเยอะมาก ตอนนี้เสียไปแล้ว 8 ประตูจากการเล่นแค่ 3 นัด แม้ดูเหมือนจะง่ายแต่ ลิเวอร์พูล เองมีเกมยุโปรกลางสัปดาห์รออยู่ นั่นอาจทำให้ คล็อปป์ อาจปรับทีมบางตำแหน่ง จนอาจเป็นช่องให้ ลีดส์ พอจะฮึดสู้หรือพลิกเกมได้บ้าง
อย่างไรก็ดี เกมนี้จะเป็นเกมที่สำคัญต่อโมเมนตัมของทั้ง 2 ทีมหลังกลับมาจากเบรคทีมชาติค่อนข้างมาก ทางฝั่งยูงทองเองผลงานออกสตาร์ทไม่ดีเลย บิเอลซ่า ต้องการใช้เกมนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการพาทีมกลับมาอยู่บนเส้นทางที่ดีแบบในฤดูกาลที่แล้ว ยิ่งหากเป็นการเอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้ต่อหน้าแฟน ๆ ของตัวเองด้วยแล้ว น่าจะทำให้พวกเขากลับมาอยู่ในฟอร์มที่น่าเกรงขามอีกครั้ง
ส่วน ลิเวอร์พูล เองนั้น มีแรงผลักสำคัญคือ 2 ทีมหัวตารางอย่างปีศาจแดงกับสิงห์บลูส์ ซึ่งชิงเก็บ 3 แต้มไปก่อนแล้วด้วยฟอร์มการเล่นที่ดุดันและชิงพื้นที่สื่อไว้ได้มากมาย หงส์แดงจำเป็นต้องชนะในเกมนี้เพื่อเกาะกลุ่มหัวตารางเอาไว้ โดยนับตั้งแต่ ฟาน ไดค์ กลับมาเล่นเป็นตัวจริงได้อีกครั้ง ดูเหมือนว่าความมั่นใจของทีมก็มีเพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ นัดอีกด้วย
นักเตะที่น่าจับตามองในเกมนี้ ผมยกให้เป็น ดิโอโก้ โชต้า ซึ่งกำลังเล่นได้อย่างดีทั้งในสโมสรและทีมชาติ การวิ่งเข้าไปในพื้นที่สุดท้าย การพักบอล หรือแม้แต่การช่วยทำประตูจากลูกโหม่งทั้งที่ไม่ได้สูงมาก เป็นจุดเด่นที่ช่วยให้หงส์แดงคว้าชัยได้เรื่อย ๆ ใน 3 นัดที่ผ่านมา
หาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโปรตุเกสเป็นทีเด็ดอย่าง โรนัลโด้ กับ บรูโน่
ลิเวอร์พูล ก็มี โชต้า นี่แหละครับที่จะเป็นโปรตุเกสตัวตัดสินเกมให้กับทีมในฤดูกาลนี้
เกร็ดน่ารู้เกมนี้
-ลีดส์ ยังไม่สามารถเก็บคลีนชีตในการเจอกับ ลิเวอร์พูล มานานถึง 22 นัดเข้าไปแล้ว (เฉพาะเกมลีก) ครั้งสุดท้ายที่ไม่เสียประตูในการเจอกับหงส์แดงคือเดือนเมษายนปี 1999
-หาก ลิเวอร์พูล ชนะในวันนี้ จะกลายเป็นทีมแรกที่สามารถเอาชนะ ลีดส์ ในลีกสูงสุดได้ถึง 50 นัด
-ลิเวอร์พูล คว้าชัยชนะในการเป็นทีมเยือนเกมลีก 7 จาก 8 นัดหลัง ซึ่งในจำนวนนั้นเป็นการชนะ 4 เกมติดต่อกัน
-ลีดส์ ยังไม่แพ้ใครใน เอลแลนด์ โร้ด สำหรับ 7 เกมหลังสุดในลีก (ชนะ 3, เสมอ 4)
-แต่หากคืนนี้ ลีดส์ ไม่ชนะ พวกเขาจะทำสถิติในการไม่ชนะใคร 4 เกมติด เป็นครั้งแรกในรอบ 63 ปี
-ลิเวอร์พูล ไม่แพ้มาถึง 33 เกมในพรีเมียร์ลีก หาก ฟาน ไดค์ จับคู่กับ มาติป
-โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ต้องการอีกประตูเดียวก็จะเป็นผู้เล่นคนที่ 30 ที่ทำครบ 100 ประตูในพรีเมียร์ลีก และเป็นคนที่ 2 ต่อจาก ดิดิเยร์ ดร็อกบา ที่ทำได้ในฐานะนักเตะจากแอฟริกา