:::     :::

ทีมรวมแข้งเคยเล่นทั้ง "เสือใต้" และ "ห้างยา"

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ศึกบุนเดสลีกาสัปดาห์นี้มีเกมบิ๊กแมตช์ที่เจอกันถูกที่ถูกเวลาระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค ที่มีคิวไปเยือน เลเวอร์คูเซ่น ในวันอาทิตย์นี้

ก่อนเกมสัปดาห์นี้ ทั้งสองทีมคือสองทีมนำของตารางที่มีคะแนนเท่ากัน ต่างกันเพียงประตูได้-เสียที่ "เสือใต้" ดีกว่า 

ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อพูดถึง "เสือใต้" และ "ห้างยา" อีกภาพจำก็คือการที่มีนักเตะหลายต่อหลายคนเคยเล่นให้ทั้งสองทีม

วันนี้กลับไปทบทวนกันอีกรอบว่ามีใครบ้างที่เคยค้าแข้งกับสองสโมสรดังแห่งบุนเดสลีกา และสามารถจัดเป็นทีม 11 คนได้ออกมาหน้าตาอย่างไรบ้าง


ฮันส์-ยอร์ก บุทท์  

เลเวอร์คูเซ่น : 191 นัดในบุนเดสลีกา (2001-2007)

บาเยิร์น มิวนิค : 63 นัดในบุนเดสลีกา (2008-2012)


บุทท์ เป็นนายทวารไม่กี่คนที่ถูกจดจำในเรื่องการทำประตูมากกว่าป้องกันประตูเพราะเขายิงในบุนเดสลีกาได้ถึง 26 ประตู เป็นสถิติสุดตลอดกาลของนายทวารและทั้งหมดมาจากจุดโทษ

เขาอยู่ในชุดรองแชมป์ 3 รายการของ เลเวอร์คูเซ่น ทั้งเดเอฟเบ โพคาล, บุนเดสลีกา และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนย้ายไป เบนฟิก้า ในปี 2007 และกลับมาบุนเดสลีกาอีกครั้งในฐานะฟรีเอเยนต์ที่เซ็นสัญญากับ บาเยิร์น มิวนิค โดยได้ลงเล่นไปทั้งหมด 91 นัดตลอด 4 ปีในถ้ำเสือ 


จอร์จินโญ่ 

เลเวอร์คูเซ่น : 87 นัดในบุนเดสลีกา (1989-1992)

บาเยิร์น มิวนิค : 67 นัดในบุนเดสลีกา (1992-1995)


จอร์จินโญ่ เป็นนักเตะบราซิเลียนคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่เล่นให้ เลเวอร์คูเซ่น และเป็นนักเตะทีมชาติบราซิลคนแรกที่เล่นในเยอรมันแล้วได้ไปฟุตบอลโลก 1990 และได้แชมป์โลก 1994 

อดีตวิงแบ็กจอมบุกเล่นให้ เลเวอร์คูเซ่น 101 นัดตลอด 3 ฤดูกาลกับทีม ก่อนย้ายไป บาเยิร์น มิวนิค ในปี 1992 และได้ลงเล่นอีก 80 นัด จากนั้นโยกไปลุยเจลีกญี่ปุ่นและทิ้งทวนช่วงท้ายในบ้านเกิด 

โรเบิร์ต โควัช 

เลเวอร์คูเซ่น : 127 นัดในบุนเดสลีกา (1996-2001)

บาเยิร์น มิวนิค : 94 นัดในบุนเดสลีกา (2001-2005)


โรเบิร์ต โควัช และพี่ชาย นิโก้ โควัช ต่างเคยเล่นให้ บาเยิร์น มิวนิค และ เลเวอร์คูเซ่น เหมือนกัน แถมคนพี่กลับมาคุมทีมเป็นดับเบิ้ลแชมป์อีกต่างหาก

ทว่านับช่วงเวลาแล้ว โรเบิร์ต โควัช เล่นให้สองทีมนี้นานกว่า และย้ายตรงจาก "ห้างยา" สู่ "เสือใต้" ในปี 2001 

โควัช คนน้องเล่นให้ เลเวอร์คูเซ่น ทั้งหมด 162 นัด ก่อนเล่นให้ บาเยิร์น อีก 144 นัด ได้แชมป์กับทีม 5 รายการ และย้ายไปลุยเซเรีย อา กับ ยูเวนตุส ในปี 2005 

ลูซิโอ 

เลเวอร์คูเซ่น : 92 นัดในบุนเดสลีกา (2001-2004)

บาเยิร์น มิวนิค : 144 นัดในบุนเดสลีกา (2004-2009)


ลูซิโอ เคยเริ่มเล่นฟุตบอลในตำแหน่งกองหน้าก่อนปรับมาเล่นกองหลัง เขาย้ายจาก อินเตอร์นาซิอองนาล มาเล่นให้ เลเวอร์คูเซ่น ในปี 2001 ที่ทำได้ดีเกือบสมบูรณ์หากไม่เพราะจบด้วยรองแชมป์ทั้งสามรายการ แต่กระนั้นก็แก้ตัวด้วยการช่วยให้บราซิลคว้าแชมป์โลก 2002 

เซนเตอร์จอมแกร่งถูก บาเยิร์น ดูดไปร่วมทีมในปี 2004 ก่อนกลายเป็นแกนหลักให้ทีม 5 ฤดูกาลเต็มที่ได้แชมป์ 8 รายการ จากนั้นจึงย้ายไปร่วมทีม อินเตอร์ มิลาน ที่ซึ่ง ลูซิโอ ได้ชดเชยความผิดหวังในอดีตด้วยการคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ไปครองในปี 2010 ยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ 


เซ โรแบร์โต้ 

เลเวอร์คูเซ่น : 113 นัดในบุนเดสลีกา (1998-2002)

บาเยิร์น มิวนิค : 169 นัดในบุนเดสลีกา (2002-2006, 2007-2009)


อีกหนึ่งแกนหลักของ เลเวอร์คูเซ่น ชุดสามรองแชมป์ในฤดูกาล 2001/02 ที่เป็นฤดูกาลสุดท้ายกับทีมก่อนถูก บาเยิร์น ดึงตัวไปร่วมทีมและกวาดแชมป์มากมาย

ในช่วง 4 ฤดูกาลกับห้างยา เซ โรแบร์โต้ พาทีมได้รองแชมป์บุนเดสลีกา 3 ครั้ง แต่ตอนเล่นให้เสือใต้ เขาได้ดับเบิ้ลแชมป์ถึง 4 ครั้งและลงสนามไปทั้งหมด 248 นัด 

เซ โรแบร์โต้ รักษาสภาพร่างกายดีมากจนเล่นได้ถึงอายุ 43 ปีที่เพิ่งแขวนสตั๊ดกับ พัลเมรัส ไปเมื่อปี 2017  


เอ็มเร่ ชาน 

บาเยิร์น มิวนิค : 4 นัดในบุนเดสลีกา (2009-2013)

เลเวอร์คูเซ่น : 29 นัดในบุนเดสลีกา (2013-2014)


ชาน เป็นเยาวชนของ บาเยิร์น มิวนิค ที่ขึ้นชุดใหญ่ช่วงสั้นๆ ในฤดูกาล 2012/13 ทว่าก็ย้ายไปร่วมทีม เลเวอร์คูเซ่น ในฤดูกาลต่อมา 

ในการเล่นกับทัพห้างยา ชาน เป็นตัวหลักที่ลงสนามรวม 39 นัด และถูกจับเล่นในหลายตำแหน่งทั้งแบ็กซ้าย, เซนเตอร์แบ็ก, กองกลาง ฯลฯ จากนั้นถูก ลิเวอร์พูล ดึงไปร่วมทีมต่อด้วย ยูเวนตุส และปัจจุบันอยู่กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 


อาร์ตูโร่ วีดาล 

เลเวอร์คูเซ่น : 117 นัดในบุนเดสลีกา (2007-2011)

บาเยิร์น มิวนิค : 79 นัดในบุนเดสลีกา (2015-2018)


กองกลางพันธุ์ดุแจ้งเกิดเต็มตัวหลังย้ายจาก โคโล โคโล่ ในบ้านเกิดมาเล่นให้ เลเวอร์คูเซ่น ตั้งแต่อายุ 20 ปี โดยได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอตลอด 4 ปีกับทีมและพาทีมจบรองแชมป์ต่อจาก ดอร์ทมุนด์ ในฤดูกาลสุดท้ายก่อนย้ายไปร่วมทีม ยูเวนตุส

วีดาล ถูกดึงกลับมาลุยบุนเดสลีกาอีกครั้งโดย บาเยิร์น มิวนิค ในปี 2015 ที่คว้าแชมป์บุนเดสลีกาได้ตลอด 3 ปีกับทีมก่อนย้ายไป บาร์เซโลน่า และปัจจุบันอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน 


แลนดอน โดโนแวน 

เลเวอร์คูเซ่น : 7 นัดในบุนเดสลีกา (1999-2005)

บาเยิร์น มิวนิค : 6 นัดในบุนเดสลีกา (มกราคม 2009-มีนาคม 2009)


อดีตตัวรุกทีมชาติสหรัฐฯ เริ่มเล่นอาชีพกับ เลเวอร์คูเซ่น หลังเคยนำทีมชุดยู-19 ของสโมสรคว้าแชมป์บุนเดสลีกาในปี 2000 ทว่าก็ได้เล่นให้ชุดใหญ่ของห้างยาเพียงไม่กี่นัดที่แจ้งเกิดไม่ได้ทำให้ถูกปล่อยกลับบ้านเกิดไปเล่นให้ ซาน โฮเซ่ เอิร์ธเควกส์ ด้วยสัญญายืมตัวถึง 4 ปีและย้ายขาดไป แอลเอ แกแล็กซี่ ในปี 2005

โดโนแวน ประสบความสำเร็จอย่างมากกับ แอลเอ แกแล็กซี่ ทำให้ถูก บาเยิร์น ยืมตัวมาร่วมทีมช่วงสั้นๆ ในปี 2009 ก่อนได้โอกาสลงเล่น 7 นัดที่บทสรุปสุดท้ายไม่ต่างจากตอนเล่นให้ เลเวอร์คูเซ่น 

 

มิชาเอล บัลลัค 

เลเวอร์คูเซ่น : 114 นัดในบุนเดสลีกา (1999-2002, 2010-2012)

บาเยิร์น มิวนิค : 107 นัดในบุนเดสลีกา (2002-2006)


หนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดแห่งยุค มิชาเอล บัลลัค เริ่มสร้างชื่อตั้งแต่ตอนอยู่กับ ไกเซอร์สเลาเทิร์น ชุดคว้าแชมป์บุนเดสลีกาแบบเซอร์ไพรส์ในปี 1998 ก่อนย้ายร่วมทีม เลเวอร์คูเซ่น ในปีถัดมาและเป็นแกนหลักชุดฝันสลายสามครั้งซ้อนในปี 2002 และช้ำต่อเนื่องกับทีมชาติเยอรมันที่ได้เพียงรองแชมป์โลก

ในฤดูกาลสุดท้ายกับห้างยาที่อกหักเป็นสามครั้งซ้อน บัลลัค ยิงได้ถึง 23 ประตูจาก 50 นัดในทุกรายการ ทำให้ บาเยิร์น มิวนิค ต้องดึงตัวไปร่วมทีมโดยที่ยังรักษาผลงานเอาไว้ได้ยอดเยี่ยมยิงอีก 62 ประตูจาก 157 พร้อมซิวแชมป์อีกเพียบก่อนย้ายไปเล่นในพรีเมียร์ลีกกับ เชลซี ที่ก็ได้แชมป์หลายรายการเช่นกัน ทว่าผิดหวังในถ้วยยุโรปอีกครั้งจากการแพ้จุดโทษ แมนฯ  ยูไนเต็ด ในปี 2008 

 

โทนี่ โครส 

บาเยิร์น มิวนิค : 130 นัดในบุนเดสลีกา (2006-2014)

เลเวอร์คูเซ่น : 43 นัดในบุนเดสลีกา (2009-2010)


หนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดตลอดกาลของทีมชาติเยอรมัน โครส เข้าร่วมทีม บาเยิร์น มิวนิค ตั้งแต่อายุ 16 ปี ก่อนได้เล่นชุดใหญ่ในปีถัดมาที่ลงนัดแรกก็แอสซิสต์ทันที 

โครส ถูกปล่อยไปเก็บประสบการณ์กับ เลเวอร์คูเซ่น เป็นเวลา 18 เดือนซึ่งเขาได้ลงสนามรวม 48 นัด และได้เล่นร่วมกับ อาร์ตูโร่ วีดาล ก่อนกลับมาปักหลักกับ บาเยิร์น เต็มตัวและยกระดับฝีเท้าอย่างต่อเนื่องจนประสบความสำเร็จทั้งในระดับสโมสรได้ทริปเปิ้ลแชมป์ในปี 2013 และคว้าแชมป์โลกกับทัพอินทรีเหล็กในปีถัดมา

เส้นทางการเป็นสุดยอดกองกลางถูกปูรากฐานอย่างแน่นหนาตั้งแต่อายุ 24 ปีและนั่นก็มากพอสำหรับก้าวต่อไปกับ เรอัล มาดริด ที่เปล่งประกาศอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน 

 

เปาโล แซร์จิโอ 

เลเวอร์คูเซ่น : 121 นัดในบุนเดสลีกา (1993-1997)

บาเยิร์น มิวนิค : 77 นัดในบุนเดสลีกา (1999-2002)


ฤดูกาลแรกกับบุนเดสลีกาหลังย้ายมาจาก โครินเธียนส์ เปาโล แซร์จิโอ ประเดิมด้วยผลงาน 17 ประตูจาก 32 นัด เป็นรองดาวซัลโวประตูเดียว และฤดูกาลสุดท้ายกับทีม 1996/97 ก็ยิงได้ 17 ประตูเช่นกัน จากนั้นย้ายไปเล่นให้ โรม่า และหวนคืนบุนเดสลีการ่วมทีม บาเยิร์น มิวนิค ในปี 1999 

อดีตสมาชิกชุดแชมป์โลก 1994 กับทีมชาติบราซิล เล่นให้เสือใต้ 3 ฤดูกาล ได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2001 ลงสนามไปทั้งหมด 125 นัด ยิงได้ 35 ประตู 

∎∎∎

ส่วนกุนซือที่คุมทีมชุดนี้เป็นใครอื่นไม่ได้นอกจาก "ปู่จุ๊ปป์" จุ๊ปป์ ไฮย์เกส   ที่เคยคุม บาเยิร์น มิวนิค ถึง 4 รอบ และระหว่างนั้นก็เคยกุมบังเหียน เลเวอร์คูเซ่น เช่นกัน


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด