:::     :::

Jadon Sancho "ความหวังแห่งอนาคต" และหลักประกันต่อการเสียPogba

วันพฤหัสบดีที่ 04 พฤศจิกายน 2564 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
2,781
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ทุกประเด็นเกี่ยวกับ "เจดอน ซานโช่" ว่าทำไมเราไม่จำเป็นต้องกังวลกับสถานการณ์ของเขาในปัจจุบันนี้ มันมีเหตุผลที่จำเป็นอยู่หลายข้อ แต่ที่แน่ๆคือ เขาจะเป็นหลักประกันให้กับทีมไปอีกนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อความเสี่ยงที่จะเสีย ปอล ป็อกบา .. ซานโช่นี่แหละ คือคำตอบที่จะรักษาเสถียรภาพให้กับทีมเราได้

นี่คือประเด็นที่เราอยากจะเขียนถึงมานานมากแล้ว และคิดว่าตอนนี้มีโอกาสเหมาะพอดีที่จะนำเรื่องนี้มาพูดคุยกันอีกครั้ง ในประเด็นสำคัญของบทบาทหน้าที่ และสถานการณ์ปัจจุบันของนักเตะที่เรารอคอยมาสองปี และทุ่มเงิน 72ล้านปอนด์ซื้อเขามาเข้าทีม ซึ่งมันเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก "เจดอน ซานโช่" นั่นเอง

หลายๆคนอาจจะอยากทราบว่า เรื่องราวของซานโช่กับทีมเรานับจากนี้จะเป็นยังไง ด้วยคำถามที่มีในโซเชียลเน็ตเวิร์คมากมายไม่ว่าจะเป็น

"ซื้อมาแล้วเอามานั่งสำรองเพื่ออะไร?"

"ทำไมไม่ให้มันเล่นปีกขวา??"

"ทำไมโค้ชไม่ค่อยให้ลงตัวจริง???"

"เสียเงินลงทุนมหาศาลแบบเปล่าประโยชน์ใช่ไหม????"

มีคำถามและคอมเม้นต์ต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้นมากมายจากแฟนบอลมากมายที่ยังกังวล และไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น กับภาพที่เห็นปีกราคา70ล้าน นั่งสำรองอยู่ข้างสนาม ซึ่งแฟนบอลจำนวนมากก็ด่ากันกระจุยกระจายอย่างที่เห็นว่า มันไม่ควรจะเอาซานโช่มานั่งสำรองอยู่แบบนี้

สิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะบอกก็คือ สาเหตุในเรื่องนี้นั้น มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดแค่ด้านเดียว

"มันมีทั้งเรื่องที่เป็นแง่บวก และ แง่ลบ อยู่ในเคสของซานโช่"

สถานการณ์ของเจดอน ซานโช่ ในตอนนี้มันเกิดจาก "เหตุผล" สำคัญมากๆจากเรื่องของ แทคติกที่ทีมจำเป็นต้องใช้ และเรื่องของการบริหารจัดการทีม ที่จำเป็นต้องจัดการในลักษณะนี้ไปก่อน

คือพูดง่ายๆแบบชาวบ้านว่า มีเหตุจำเป็นต้องให้สำรองนั่นแหละ

แต่ในขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งมันก็เกิดขึ้นจาก "ปัญหาของการบริหารจัดการ" ที่ไม่เหมาะสมอีกด้วยเช่นกัน จากคนตัดสินใจในเรื่องนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าเก่าเจ้าเดิมที่มีปัญหาในเรื่องman-management อย่าง "โอเล่ กุนนาร์ โซลชา" ที่เขาเป็นอีกคนนึงที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ ซึ่งก็เป็นความย่ำแย่ที่เกิดขึ้นจากเจ้าตัวเองด้วย(อีกแล้ว)

เพราะงั้น สรุปให้เบื้องต้นว่า เหตุที่ซานโช่นั่งสำรองนั้น มันเป็นเพราะ "ความจำเป็นในเชิงแทคติก" และอีกแง่มุมหนึ่งก็มาจากการบริหารนักเตะของผู้จัดการทีมอย่างโซลชานั่นเอง

เดี๋ยวเราจะไปเจาะถึงเหตุผลของแต่ละประเด็นว่า เพราะอะไรมันถึงเป็นเช่นนั้น

1."ทำไมไม่ให้เล่นปีกขวา?"

จริงๆข้อนี้เป็นข้อที่ผู้เขียนขี้เกียจจะเขียนมากๆ เนื่องจากมันไม่มีอะไรน่าสงสัยซะด้วยซ้ำ ว่าทำไมโซลชามักจะส่งซานโช่ลงปีกซ้ายให้เห็น

สาเหตุก็เพราะว่า ทรัพยากรนักเตะ ณ ตอนนั้น มันควรจะต้องจัดซานโช่ให้เล่นปีกซ้ายจริงๆ เพื่อที่จะ "Maximum Potential" ดึงศักยภาพสูงสุดในการใช้งานและความสามารถนักเตะในทีมออกมาให้มันเล่นได้ดีที่สุด เท่าที่ทรัพยากรจะมีอยู่ในมือ

ตอนนั้นเรามีอะไร? ซานโช่ กรีนวู้ด มาร์กซิยาล

มาร์คัส แรชฟอร์ด ในตำแหน่งปีกซ้ายของทีม พักรักษาตัว ไปผ่าตัดไหล่และข้อเท้าอยู่ในช่วงนั้น ดังนั้น ปีกตัวรุกหลักๆของทีมเรามันก็มีอยู่สามตัวนี้แหละ

ส่วนเจสซี่ ลินการ์ด ก็เข้าๆออกๆทีม เพราะบาดเจ็บ และมีติดโควิด

เมื่อเจ้าของตำแหน่งปีกซ้ายตัวจริงอย่างแรชฟอร์ดเจ็บ มันจึงมีที่ว่างเกิดขึ้นให้กับสองนักเตะที่พร้อมลงจุดนี้ อย่างซานโช่ กับ มาร์กซิยาลนั่นเอง

การจำลองสถานการณ์แรก ถ้าโอเล่ส่ง "มาร์กซิยาล" ลงปีกซ้าย เกิดอะไรขึ้น?

แน่นอนว่า ใช้หมากลงสนาม แฟนบอลก็ด่าโอเล่อีก เพราะความไม่ขยันและขาดแรงกระตุ้นรวมถึงความทุ่มเทในการเล่นของเขา ซึ่งอาจทำให้ผลงานของทีมก็อาจจะแย่ลงกว่าเดิม

ด้วยความมุ่งมั่นที่สัมผัสแทบไม่ได้ และ work rate ในการวิ่งในสนามที่ไม่มากพอของมาร์กซิยาล ไม่ดีพอสำหรับการเล่นในสนามให้มันมีประสิทธิภาพ ในยามที่เพื่อนตัวอื่นๆวิ่งสู้ฟัดกันหมดโดยเฉพาะบรูโน่ แฟร์นันด์ส

เพราะงั้น ตอนแรชไม่อยู่ ถ้าส่งหมากลงปีกซ้าย แฟนบอลก็ไม่พอใจ ผลงานก็ไม่ดี ดังนั้นโอเล่ก็ดรอปหมากแล้วตามที่แฟนบอลส่วนใหญ่ต้องการ และตามผลงานของตัวแกเองด้วย

เมื่อเป็นเช่นนี้ ตัวเลือกในการลงเล่นปีกซ้าย จึงเหลืออยู่สองคน นั่นก็คือ เจดอน ซานโช่ กับ เมสัน กรีนวู้ด

สุดท้ายคำตอบเป็นซานโช่ ที่โอเล่เลือกมาลงปีกซ้ายอย่างที่เราเห็นกันในช่วงเดือนแรกๆของการแข่งขัน

หลายคนงงว่า ซื้อมันมา แล้วทำไมไม่ให้มันลงปีกขวา ทำไมให้ลงซ้าย? คำถามนี้จะไม่ออกมาจากคนที่ติดตามและหาข้อมูลรายละเอียดมาก่อนอย่างแน่นอนว่า จริงๆแล้วเจดอน ซานโช่นั้น มีสกิลทักษะที่ดีพอจะเล่นได้ทั้งสองฝั่ง ซ้ายและขวาดีพอๆกัน ไม่ว่าจะเล่นซ้ายหรือขวา ผลงานใกล้เคียงกันแบบแทบไม่ต่างกันเลย

เรื่องตรงนี้ไม่ต้องพิสูจน์อะไรทั้งนั้น เพราะFactมันฟ้องอยู่ทนโท่ด้วยสถิติที่เห็นแบบชัดเจน

เล่นซ้าย จำนวนประตูก็จะเยอะขึ้นมาหน่อยเพราะเข้าขวายิงได้ ส่วนถ้าเล่นปีกขวา ลูกแอสซิสต์ก็ดูจะโดดเด่นกว่า และยิงได้น้อยลง แต่โดยรวมแล้ว ประสิทธิภาพในเชิงรูปธรรม ทั้งแอสซิสต์ และ ประตูนั้น ซานโช่ในยามเล่นซ้ายหรือเล่นขวา แทบจะไม่ต่างกันเลย จากสถิติที่มีตามที่ต่างๆมากมาย ซึ่งผมจะยกมาให้ดูกันอีกครั้งก็ได้ว่า ในฤดูกาล 2020/21 กับดอร์ทมุนด์นั้น เจดอนซานโช่ ลงในตำแหน่งที่หลากหลายมาก เล่นแม้กระทั่ง Attacking Midfielder รวมถึง Centre-Forward ในบางเกม

แต่หลักๆเขาคือปีกตัวริมเส้น และปีที่แล้ว ซานโช่ลงเล่นทั้งซ้ายและขวาพอๆกัน เล่นซ้ายเยอะกว่าซะด้วย และทำสกอร์ให้กับเสือเหลืองได้ดังนี้

ปีกซ้าย : 15 นัด 9 ประตู 8 แอสซิสต์

ปีกขวา : 14 นัด 5 ประตู 9 แอสซิสต์

(เมื่อเล่นกลางรุกกับกองหน้า มีสกอร์รวมทั้งฤดูกาลเพิ่มไปอีก 2 ประตู กับอีก 3 แอสซิสต์ รวมแล้ว 16 ประตู 20 แอสซิสต์)

ชัดเจนไหมครับว่า มันเล่นได้ทั้งสองฝั่ง และก็ดีพอๆกัน แถมเอาจริงๆแล้ว "goal contribution" หรือ การมีส่วนร่วมกับการทำประตูนั้น รวมๆแล้ว เล่นปีกซ้าย มีส่วนร่วมให้ทีมยิงได้เยอะกว่าเล่นขวาซะอีกในปีก่อน (9+8 =17)

ส่วนตอนที่เล่นขวา ก็มีส่วนร่วมทั้งยิงและแอสซิสต์รวม 14 ประตู (5+9)

ผลต่างสามประตูไม่ถือว่ามีอะไรแตกต่างกันมากนัก ดังนั้นเราสามารถพอจะสรุปได้ว่า ประสิทธิภาพในการเล่นปีกซ้ายหรือปีกขวาของซานโช่นั้น มันแทบจะไม่ต่างกันเลย คือเล่นฝั่งไหนก็ดีทั้งคู่

ดังนั้น ควรเลิกยึดติดว่าซานโช่ต้องลงขวาให้ทีมอย่างเดียว ทีมจะได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นอีกเยอะ

แมนยูซื้อซานโช่มาเพื่ออุดปีกขวาก็จริง แต่ตัวเขาเล่นได้ทั้งสองฝั่ง ต้องเข้าใจแบบนี้ก่อน แล้วทางซ้าย ขาดคนลงเล่นอยู่พอดี ในขณะที่ ทางขวา เรามีตัวเล่นที่ถนัดฝั่งนั้นอยู่แล้ว และก็ทำได้ดีด้วยในแง่ของการทำประตู อย่าง "เมสัน กรีนวู้ด" ที่เล่นเป็นกองหน้าฝั่งขวาตัวหลักของทีมมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว

กรีนวู้ดถนัดฝั่งขวามากกว่า ในขณะที่ ซานโช่ เล่นฝั่งไหนก็ดีเหมือนกันหมดทั้งซ้ายและขวา 

ดังนั้นในยามที่ปีกเหลือตัวเลือกหลักเป็นสองคนนี้ ก็ควรให้กรีนวู้ดได้เล่นหน้าขวาตามตำแหน่งถนัดของตัวเอง เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของกรีนวู้ด แล้วก็ใช้ซานโช่ไปเล่นปีกซ้าย ซึ่งประสิทธิภาพคงที่ ไม่ว่าจะเล่นฝั่งไหน

วิธีคิดมันก็ง่ายๆแค่นี้เอง ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย

เพราะฉะนั้น เรื่องที่ซานโช่ ไม่ได้ลงปีกขวานั้น เป็นประเด็นที่ไม่ได้มีอะไรน่าจะงงเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเข้าใจในความสามารถของตัวเจดอน ซานโช่จริงๆ ว่าเขาอเนกประสงค์มาก และสามารถส่งลงตำแหน่งไหนก็ได้ในแผงแนวรุก

ให้เล่นกลางรุกแทนบรูโน่ก็ได้ เล่นCentre Forward แทนกรีนวู้ดในบางโอกาสก็ได้เช่นกัน คือโคตรดี

ดังนั้นประเด็นเรื่องทำไมไม่ได้ลงขวา มันก็มีแค่นี้ และก็ควรจะจบคำถามได้แล้ว เพราะว่าตอนนี้ มาร์คัส แรชฟอร์ด กลับมาแล้ว ดังนั้นจึงมีคนลงในตำแหน่ง LW ประจำการตัวจริงเรียบร้อย หลังจากนี้หากซานโช่จะได้ลงตัวจริง และโอเล่จะเลือก "แรชฟอร์ด" ลงในตำแหน่งปีกซ้าย แน่นอนว่า โอเล่ก็คงจะใช้ เจดอน ซานโช่ ในตำแหน่ง "ปีกขวา" อย่างแน่นอน ในยามที่เขาเลือกซานโช่ลงสนามก่อน เมสัน กรีนวู้ด

ประเด็นนี้น่าจะเคลียร์แล้ว จะมีก็แค่เรื่องเดียวคือ ตัวซานโช่เองต้องแย่งตำแหน่งกับกรีนวู้ดเท่านั้นแหละในการลงขวา และการที่มีoptionลงช่วยทีมในตำแหน่งปีกซ้ายได้ ดังนั้นโอเล่ก็ส่งเขาลงมาแทนแรชฟอร์ดทางซ้ายได้อีก ในยามที่โอเล่อยากจะเก็บกรีนวู้ดไว้เพราะต้องการประตู

เพราะงั้นถ้าช่วงนี้แม้แรชฟอร์ดจะกลับมา แต่โอเล่จะส่งเขาลงมาเล่นแทนฝั่งซ้ายอีก ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาดราม่าอะไรกันอีกแล้ว เพราะซานโช่ "ใช้ลงได้ในตำแหน่งปีกของทั้งสองฝั่ง"

แล้วแต่สถานการณ์และความจำเป็นครับ

2. "ซื้อเอามาแล้วนั่งสำรองทำไม"

2.1 Rotation และการแข่งขันในทีมสูง

ประเด็นนี้มีเหตุผลซัพพอร์ตอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือเรื่องของการ rotation ที่เรามีนักเตะในแดนหน้าเยอะมากๆ ตอนนี้เมื่อรวมทั้งหมดแล้วก็มี Martial, Rashford, Sancho, Greenwood ที่แย่งตำแหน่งกันอยู่ในฐานะตัวรุกริมเส้น แถมในบางครั้งยังโดน Pogba แย่งตำแหน่ง LW ไปด้วยหากว่าวันไหนโซลชาใช้ป็อกบาขึ้นมาเล่นตัวรุก

จะเห็นได้ว่า การแข่งขันสูงมาก เนื่องจากตัวเลือกเยอะ และSquad Depthตัวรุกของเรามันลึกมาก มากจนน่ากลัว ดังนั้น การที่นักเตะอย่างซานโช่จะต้องนั่งสำรองบ้าง มันเป็นอะไรที่โคตรธรรมดามากๆ และไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาด่ากันเลยว่ามันคือการจัดการทีมที่ไม่ดี เพราะมันมีเหตุผลรองรับอยู่ว่า ตัวอื่นๆก็มีความสามารถพอจะลงสนามได้เช่นกัน

ของแบบนี้มันต้องแย่งชิงตำแหน่งกันเอง และค่าตัว72ล้านปอนด์ ก็ไม่ใช่เหตุผลของการรับประกันตำแหน่งทันที 100% ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นสิ่งที่ดี หากว่าฟอร์มยังไม่ดีพอ และไม่เข้าฝัก ค่าตัวไม่ใช่ประเด็นเลย ฟอร์มการเล่นต่างหากคือของจริง ใครลงสนามแล้วทำผลงานได้ คนนั้นก็น่าจะได้ลงบ่อยกว่าหน่อย ก็แค่นั้นเอง

การซื้อมาแพง ไม่ได้แปลว่าต้องได้ลงทันที และนั่นแหละถึงจะดีกับSquadในแง่ของการแข่งขันกันเองในทีม

นี่คือเหตุผลแรกว่า ทำไมเขาถึงต้องสำรอง

2.2 การที่นักเตะยังต้องปรับตัวกับลีก และฟอร์มการเล่นที่ยังไม่เข้าที่

เหตุที่ต้องสำรองก็เป็นเพราะตัวซานโช่เองด้วย นั่นก็คือ การเล่นของเขาแม้ว่าจะทำได้ดี และดีขึ้นเรื่อยๆแล้วนั้น แต่ก็ยังไม่แตะในจุดที่สร้างผลงานได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่าไหร่ ดังนั้นเมื่อเทียบกับปีกคู่แข่งของเขาที่ลงมาแล้วทำผลงานดีกว่าจริงๆอย่าง กรีนวู้ดที่ยิงประตูได้ และแรชฟอร์ดที่กลับมา ก็ยิงประตูได้เลยทันที

ดังนั้น ซานโช่เองที่ลงสนามมาทุกรายการรวม 12เกม ยังไม่มีแม้แต่แอสซิสต์ และประตูนั้น ก็ยังคงต้องรอเวลา รอโอกาส และปรับตัวปรับการเล่นให้มันได้น้ำได้เนื้อ และทำได้ "อันตราย" ให้มันสุดกว่านี้

คืออย่างน้อยลงมา ต้องแอสซิสต์ ต้องทำประตูบ้าง ผลงานมันถึงจะโดดเด่นพอจะสามารถชิงตำแหน่งมาจากเพื่อนร่วมทีมอย่างแรชฟอร์ด หรือ กรีนวู้ดได้

คิดเอาเองว่า ขนาดลินการ์ดลงสนามมายังมียิงมีจ่ายได้เลย ดังนั้น ซานโช่ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองเช่นกันครับ และเราเอาใจช่วยเขาอยู่แล้ว

เรื่องปัญหาที่ตอนนี้ยังทำผลงานไม่ได้เลยนั้น ตัวผู้เขียนไม่ได้กังวล หรือคลางแคลงใจในตัวซานโช่เลยแม้แต่น้อย ตั้งแต่ปีก่อนที่ยังไม่ย้ายมา จนถึงบัดนี้มาหลายเดือนแล้วก็ยังทำแอสซิสต์หรือประตูไม่ได้ ผมไม่กังวลเลย เพราะรู้ถึง "คุณภาพที่แท้จริง" ของตัวนักเตะอยู่แล้วว่า "มีของ" แน่ๆ แถมเป็นอาวุธหนักซะด้วยซ้ำ

เสียงทุกเสียงของแคมป์ทีมชาติอังกฤษ ยกให้เขาเป็นนักเตะที่มีทักษะสูงที่สุดในบรรดาตัวเล่นทีมชาติอังกฤษชุดปัจจุบัน และการเล่นจริงๆของเขา มันเห็นค่อนข้างชัดว่า ความสามารถเฉพาะตัวของซานโช่มันสูงกว่าพวกตัวที่เรามีอยู่ซะอีกอย่างแรชฟอร์ด หรือ กรีนวู้ด เพียงแต่ว่า สองตัวนั้นเป็นForwardกึ่งปีกที่มีความโดดเด่นด้านทำประตูมากกว่า

ส่วนซานโช่ คือปีกตัวรุก ที่เป็นปีกแท้ๆ และมีสกิลทักษะสูงมากซึ่งWingerควรจะมี

ดังนั้น จุดเด่นของซานโช่ มันแตกต่างกับแรชฟอร์ด และกรีนวู้ดอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องที่จะเอาไปเปรียบเทียบกันโดยตรงได้ระหว่างนักเตะคนละตำแหน่งกันในด้านการเล่น ระหว่าง Winger กับ Forward

เพราะงั้น ถามว่าเราโดนย้อมแมว หรือซื้อมาแล้วจะล้มเหลวหรือไม่สำหรับซานโช่?

อยากบอกว่า มันห่างไกลจากจุดนั้นมากๆ โซลชาเองก็เพิ่งจะให้สัมภาษณ์สดๆร้อนๆนี่เองว่า ซานโช่เขาจะเป็นนักเตะคนสำคัญของทีม ในฐานะตัวหลักคนนึงไปอีกนานระยะยาวๆของนักเตะยังบลัดชุดนี้

ระหว่างนี้ก็ปรับตัวกับลีก หาวิธีการเล่นกับทีม และหาวิธีใช้งานเขาให้เข้าที่เข้าทางเท่านั้นเอง ซึ่งถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่ "คลำจุด" ในการเล่นกับแมนยูไนเต็ดเจอ

เมื่อไหร่ก็ตามที่ซานโช่เริ่มแอสซิสต์ได้ เริ่มยิงประตูได้ เมื่อนั้นแหละ เครื่องที่ติดยาวๆมันจะไม่ดับอีกต่อไป และพรีเมียร์ลีกเตรียมเจอไอ้ตัวเลื้อยสยองโลกคนใหม่ได้เลย

สิบปีที่แล้วเรามีไอ้เจ็ทโด้วหมูสับเลื้อยสยองโลกกันมาแล้ว เจดอน ซานโช่นี่แหละ ที่จะมาทดแทนการเล่นในมิติลากเลื้อยและใช้ความสามารถเฉพาะตัวเจาะคู่แข่งให้กับเรา

รอเวลาให้มันจูนติดเท่านั้นเอง ซึ่งยังต้องรอก่อน อดใจกันอีกนิด นี่คือเหตุผลที่สองที่ทำไมเขาถึงต้องนั่งสำรอง เพราะฟอร์มยังไม่เข้าที่เข้าทาง และต้องใช้เวลาเท่านั้นเอง

ให้เวลามันอีกหน่อย

2.3 ความจำเป็นในเชิงแทคติกที่ต้องปรับแก้ปัญหาของทีมด้วยการเปลี่ยนไปเล่นแผนซึ่งไม่ใช้ปีก

เรื่องนี้คือประเด็นล่าสุดเลยว่า ทำไมเราถึงต้องเห็นซานโช่ นั่งสำรองอยู่ข้างสนามกันก่อน และหลายๆคนก็เอามาเป็นเรื่องด่า เรื่องดราม่า ทั้งๆที่วันนั้นทีมชนะสเปอร์ส 0-3 ซะด้วยซ้ำ

เหตุที่ซานโช่ต้องสำรองไปก่อนในช่วงนี้ มันเป็นเพราะ "ความจำเป็นของทีมที่จำเป็นต้องเปลี่ยนFormationเพื่อแก้ไขปัญหาการเล่นของทีมที่มีจุดอ่อนอยู่"

คือ จำเป็นต้องสำรอง เพราะทีมเปลี่ยนแผนนั่นแหละครับ มันเป็นการเปลี่ยนแผนชั่วคราว เพื่อที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ทีมเราเดินหน้าต่อไปได้ เพื่อให้การเล่นของทีมที่แย่ๆจนแฟนบอลด่าเนี่ยแหละ มันดีขึ้น

การเปลี่ยนแปลง คือสิ่งที่จำเป็นต้องทำ และเมื่อทำแล้วมันดี มันก็จำเป็นนั่นเอง

ในประเด็นดังกล่าว มันคือเรื่องของการเปลี่ยนแผนเป็น 3-4-1-2 (หรือ 3-5-2) ในภาคการเล่นของทีมที่ต้องปรับมาเล่นในระบบกองหลังสามตัว แทนที่เดิม เราเล่น 4-2-3-1 ซึ่งเป็นแผนที่เรามีปัญหาการเล่นในช่วงนี้ ที่พอเป็นแผนนี้ทีไร ทีมสู้ชาวบ้านเขาไม่ได้ซักที เพราะปัญหาในเรื่องของเกมรับที่ค่อนข้างรั่ว จากนักเตะที่ปีนี้ฟอร์มตกอย่างแฮรี่ แมกไกวร์ / รวมถึงปัญหาคู่กลางที่เป็น double pivot ในแผน 4-2-3-1 ซึ่งใช้มิดฟิลด์สองคนนั้น

การใช้มิดฟิลด์สองคนในแดนกลางของทีมเรา คือจุดอ่อนที่สุด เพราะไม่ว่าจะจับมิดฟิลด์คนไหนลงมาเล่นคู่กัน ก็มีจุดอ่อนด้วยกันทุกคู่ และเราเขียนเรื่องนี้บ่อยมากจนไม่อยากเขียนซ้ำแล้ว (เพราะกลัวคนติดตามคอลัมน์จะเบื่อ พูดแต่เรื่องเดิมๆ)

ถ้าใครเก็ทเรื่องนี้อยู่แล้ว ให้ข้าม 6 บรรทัดล่างนี้ไปได้เลย!!!

แม็ค-เฟร็ด : มีปัญหาการขึ้นเกม ทำเกมรุก คุมเกมไม่ได้ จ่ายบอลพลาดง่ายๆ

ป็อก-มาติช : เอาลงมาก็ไล่บอลกันไม่ได้ ช้าทั้งคู่ กลางโดนเจาะรั่วอีก

ป็อก-เฟร็ด : ป็อกเติมสูง เฟร็ดเหลือคนเดียว เล่นกลางรับคนเดียวไม่ได้ เกมรับเละเทะ

ป็อก-แม็ค : เหมือนจะเป็นคอมโบที่ดูน่าจะดีที่สุด แต่แม็คโทมิเนย์ก็ยังไม่ดีพอจะปัดกวาดด้านหลังให้ป็อกได้อยู่ดี

ดอนนี่-มาติช : ไม่ถูกใช้งานเนื่องจากเกมถ้วยเล็กๆตกรอบไปแล้ว และไม่ใช่กลางคู่หลักที่โอเล่ไว้ใจ

ดอนนี่-แม็คโทมิเนย์ : ได้แต่ฝันกลางวัน กับcombinationที่น่าจับมาลองคู่กันที่สุด แต่ฝันมาสองปีแล้วยังไม่เคยเห็นสักครั้ง

เห็นไหมครับว่า จะจับคู่ไหนลงมา ในระบบมิดฟิลด์สองคน มันมีปัญหาทั้งนั้น และทำให้องค์รวมการเล่นของทีมมันมีปัญหาไปด้วย เพราะทีมครองเกมไม่ได้บ้างล่ะ ทีมขึ้นเกมบุกไม่ได้บ้างล่ะ ทีมสกรีนเกมรุกคู่แข่งไม่ได้บ้างจนโดนยิงเละเทะ ฯลฯ ดังนั้นผลที่ออกมาก็คือ 4-2-3-1 ณ ตอนนี้ เอาลงมาเล่นกับทีมระดับที่เล่นได้พอๆกับเรานั้น เราสู้เขาไม่ได้เลย เพราะระบบการเล่นไม่ดีพอ และกลางสองคนไม่สามารถรับมือกับเกมเพรสซิ่งกลางสนามที่คู่แข่งแทบทุกทีมมักจะมาเพรสใส่เรา

แผนนี้โดนเพรสนิดเดียวก็แทบพังไม่เป็นท่าแล้ว เพราะงั้น 4-2-3-1 จึงเป็นแผนที่ควรจะหยุดการใช้ไว้ก่อนจริงๆ ตราบใดที่ยังไม่มีมิดฟิลด์เก่งๆเข้ามาเป็นหลักในการคุมเกมกลางสนามให้เราได้ดีกว่านี้

วิธีแก้ปัญหาของแผนนี้คือ เมื่อกลางน้อย คุมเกมไม่ได้ + เมื่อหลังรั่ว เกมรับแย่ ดังนั้นสิ่งที่ควรทำ เราจึงควรลดตัวรุกกองหน้าที่ไปยืนกองกันอยู่ข้างบน 4 ตัวแบบไม่มีประโยชน์ "เพราะบอลไปไม่ถึง" เนื่องจากเซ็ตบอลไม่ได้นั้น

เราก็ต้องลดตัวรุกลงมาหนึ่งคน เพื่อที่จะปรับแผนให้กลางแน่นขึ้น หรือหลังแน่นขึ้น ซึ่งก็มีตัวเลือกคือ 4-3-1-2 แผนแรกที่อัดกลางเพิ่ม หรือจะเป็นแผน 3-4-1-2 แผนหลังสามและเล่นวิงแบ็คนั่นเอง

ซึ่งทั้งสองแผนนี้เหมาะในการแก้ปัญหาให้ทีม โดยที่เรายังสามารถใช้บรูโน่ แฟร์นันด์ส ในการเป็นแกนหลักของการเล่นได้ แถมยังสามารถเลือกแผนอื่นๆเพิ่มได้อย่างอิสระอีกถ้าโค้ชคิดจะใช้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็น 4-3-2-1 คริสมาสต์ทรี ก็เล่นได้ หรือ 3-4-2-1 หลังสาม ตัวรุกสองคนหลังหน้าเป้า แบบเชลซี ก็ทำได้เช่นกัน

สุดท้ายแล้ว ทีมเลือกเป็น 3-4-1-2 ที่ดูจะเหมาะกับทีมเราที่สุด นำมาใช้งานแทน 4-2-3-1 อย่างที่เราเห็นกันในเกมเจอสเปอร์ส และ อตาลันต้าในช่วงครึ่งแรก ซึ่งแผนนี้ก็ได้ผลดีทีเดียว เพราะเกมป้องกันดีขึ้นระดับเก็บคลีนชีทใส่ไก่เดือยทองคาบ้านได้ ในขณะที่เมื่อเจอเกมเพรสซิ่งของอตาลันต้าในวันก่อน ทีมก็แกะเพรสกันได้อย่างดีเลย เพราะมีตัวเลือกในการต่อบอลแดนหลังเยอะมากๆ (5+3)

ไล่ยังไงก็ไม่จน นักเตะแมนยูแกะเพรสกันได้ดีในช่วงต้นที่ยังเป็นหลังสามอยู่ ก่อนที่วารานจะเจ็บออกไป

จะเห็นได้ชัดว่า การเปลี่ยนมาเล่นแผนที่ลดตัวรุกหนึ่งคนลงไปนั้น ทำให้เกมหลังบ้านเราดีขึ้นมากๆในสูตร 3-4-1-2 ดังนั้นมันจึงเป็นแผนที่เรา "จำเป็นต้องเปลี่ยน" เพื่อที่จะทำให้การเล่นของทีมมีเสถียรภาพ และแน่นมากขึ้นกว่าเดิม ไม่งั้นคุณก็จะเห็นแมนยูโดนเพรสแดนกลาง แล้วก็ทำอะไรกันไม่ถูก สุดท้ายแพ้ได้ทุกทีมตั้งแต่พวกกลางตาราง จนมาถึงการโดนทีมใหญ่อย่างซิตี้หรือลิเวอร์พูลยำขี้แตก 0-5 ได้ ถ้ายังคงฝืนเล่น 4-2-3-1 กันอยู่ ทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นแผนที่ไม่เหมาะกับเรา ณ ตอนนี้ที่ขุมกำลังแดนกลางยังไม่ดีพอ

ทีมจำเป็นต้องเปลี่ยนแผน และลดปริมาณตัวรุกเหลือแค่3คน คือ กลางรุกหนึ่งคน และ "หน้าคู่" กองหน้าสองคน ดังนั้น โอกาสที่ซานโช่จะได้ลงในแผนนี้ จึงยิ่งน้อยไปอีก

เพราะซานโช่มีภาษีในแผนนี้น้อยกว่าเพื่อนคนอื่นที่เหลือมาก เนื่องจากความเป็นศูนย์หน้าในตัว มีไม่เท่ากับคนอื่นๆ อย่างเช่นแรชฟอร์ด หรือ กรีนวู้ด ที่สองคนนี้สามารถเล่นได้ทั้ง Inside Forward จากริมเส้นซ้ายขวา รวมถึง Central Forward ที่สามารถเล่นกองหน้าตัวกลาง เล่นหน้าคู่ร่วมกับ หน้าเป้าอย่าง โรนัลโด้ หรือ คาวานี่ ได้ 

แรชฟอร์ด กรีนวู้ด มีภาษีตรงนี้เยอะกว่าซานโช่ ในแผนสำคัญที่เราเปลี่ยนมาใช้อย่าง 3-4-1-2 เพราะฉะนั้น มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไม ซานโช่จึงต้องสำรองก่อน เพราะมันเป็นแผนที่ไม่ใช้ปีก และไม่มีที่ลงสำหรับเขา

ถ้าจะมีจริงๆที่เล่นได้ ก็น่าจะเป็นสองจุดในformation 3-4-1-2 นี้ นั่นก็คือ ตำแหน่ง "มิดฟิลด์ตัวรุก" ของบรูโน่ ที่จองสัมปทานอยู่ หากว่าบรูโน่ออก ซานโช่สามารถเล่นจุดนี้ได้เพราะเขาสกิลสูงพอจะเล่นกลางสนามได้ ซึ่งท้ายเกมเจอกับอตาลันต้า ซานโช่ก็ถูกส่งลงมาแทนบรูโน่จริงๆ (แต่วันนั้นเขาถูกกำชับแทคติกให้ออกไปเล่นริมเส้น เพราะว่าเกมขาดตัวริมเส้นอยู่)

นอกจากAM หากซานโช่มีระเบียบวินัยในการไล่บอลมากกว่านี้ และลองฝึกตำแหน่งดู ซานโช่ยังพอที่จะเล่นเป็น RWB วิงแบ็คขวาที่เล่นเป็นกึ่งๆ "RM" (Right Midfielder) แบบโบราณเหมือนที่เบ็คแฮมเคยเล่นก็ได้ แต่ถ้าจะให้เห็นภาพกว่า ให้นึกถึง LM ที่มีไรอัน กิ๊กส์ อยู่ เพราะกิ๊กส์ สามารถลากเลื้อยจากกลางสนามในตำแหน่ง LM (Left Midfielder) ขึ้นมาจนเป็น LW (Left Winger) ได้

นี่คือหนทางที่ซานโช่ อาจจะพอมีโอกาสบ้างในแผน 3-4-1-2 แต่หลักๆเบื้องต้นก็คือ แผนนี้มันเป็นแผนที่ตัวรุกริมเส้นเขาใช้วิงแบ็คเล่นกัน ไปถามแฟนเชลซี หรือแฟนอินเตอร์ที่ได้ดูแทคติกคอนเต้ดูก็น่าจะพอนึกออก เพราะงั้นมันจึงไม่มีที่ให้ซานโช่กับแผนๆนี้

ซานโช่จึง "จำเป็น" ต้องอดทนเสียสละเพื่อทีมหน่อยในการนั่งสำรองไปก่อน หากว่าทีมใช้แผนนี้ในการตะลุยกับโปรแกรมหนักๆที่ต้องเจอทีมใหญ่รัวๆติดๆกัน ไม่ว่าจะเป็น แมนซิตี้ บียาร์เรอัล เชลซี อาร์เซนอล และอาจจะรวมถึง "พาเลซ" ด้วยอีกทีมที่ประมาทไม่ได้

ส่วนอีกสองทีมที่เหลือในโปรแกรมช่วงนี้อย่าง วัตฟอร์ด และ เปิดบ้านเจอยังบอยส์ ในUCLรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้ายนั้น ผมคิดว่าทีมสามารถกลับมาเล่น 4-2-3-1 ได้ เพราะคู่ต่อสู้ไม่เขี้ยวลากดินจนเกินไป ถ้าทีมแบบนี้ยังเล่น 4-2-3-1 ไม่ได้อีกก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว(ว้อย)!

นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญครับที่ซานโช่จำต้องสำรองไปก่อน

ถามว่า แล้วเขาจะต้องเสียสละเพื่อทีมแบบนี้ไปนานแค่ไหน .. ก็อย่างน้อยๆช่วงเดือนนี้แหละที่เจอโปรแกรมหนัก แล้วทีมเล่นแผนหลังสาม ซานโช่คงต้องจำเป็นโดนดรอปไว้ข้างสนามก่อนในเบื้องต้น แล้วพอผ่านเดือนพฤศจิกายนไปได้ แล้วธันวาคมถ้าโปรแกรมมันเบาขึ้นค่อยว่ากัน

นอกจากนี้ หากมกราคม ทีมมีการลงทุนในการซื้อมิดฟิลด์ดีๆเข้ามาอีกสักตัวเพื่อพยุงแดนกลางให้ดีขึ้นแล้ว การกลับมาใช้ 4-2-3-1 อย่างมีประสิทธิภาพ หรืออาจจะปรับเป็น 4-3-3 เลยนั้น ก็อาจจะเป็นไปได้

ถึงตอนนั้นและ ไอ้ซานโช่ได้โบยบินแน่ๆ ไม่ต้องห่วง

เพราะฉะนั้น มันมีอะไรให้ต้องกังวลเกี่ยวกับซานโช่ล่ะครับ? ไม่มีเลย ทุกอย่างเป็นไปตามการแก้สถานการณ์ของทีมทั้งนั้น

2.4 มุมมองการเลือกอันย่ำแย่ และระบบ "ลูกรัก" ของผู้จัดการอย่างโซลชา

ในบรรดาสามข้อข้างบน (2.1-2.3) มันคือเหตุจำเป็นที่เราอธิบายได้ว่า ทำไมซานโช่ถึงต้องสำรอง มันมีเหตุผลsupportอยู่ ซึ่งแฟนบอลไม่ควรกังวล

แต่.. ในนั้นมันก็มีเรื่องเฮงกะบ๊วยอยู่ด้วยเช่นกันว่าทำไมเขาถึงสำรอง (เรื่องนี้แหละ ที่ต้องกังวล!) นั่นเป็นเพราะว่า ผู้จัดการทีมอย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ไม่ให้โอกาสซานโช่ลงตัวจริงมากพอ และยังคงยึดติดกับลูกรักที่เขาปั้นมากับมืออย่าง "เมสัน กรีนวู้ด" ที่มักจะได้ลงสนามทางขวาก่อน

นี่แหละปัญหาหลักๆอีกเรื่องที่ทำให้เราไม่ได้เห็นซานโช่ลงขวา ทั้งๆที่แรชฟอร์ดก็กลับมาซ้ายแล้ว ดังนั้นเราควรจะเห็นซานโช่ยืนขวาแล้ว ถูกมั้ยครับ? เพราะตำแหน่งมันก็จะลงล็อคกันพอดีอย่าง "เมคเซนส์"

แต่ผู้จัดการทีมกลับ "เมคฟัค" ให้เห็นในเรื่องนี้

หากส่ง เมสัน กรีนวู้ด ลงมา น้องมีพลังทำลายในการช่วยทีมยิงประตูได้ และเกมล่าสุดกับอตาลันต้า ก็มีส่วนร่วมได้ดีในการเล่นบริเวณรอบๆกรอบเขตโทษ จนการเล่นของเขาอยู่ในห่วงโซ่การสร้างโอกาสทำประตู (xG Chain) ซึ่งทั้งสองลูกที่พี่โด้ยิงได้ กรีนวู้ดมีส่วนสำคัญทั้งสองลูกที่จ่ายให้บรูโน่ลูกนึง และกระดกแอสซิสต์ให้โด้ยิงในช่วงเฟอร์กี้ไทม์อีกครั้ง

เราไม่เถียงว่า กรีนวู้ดเองส่งลงมาแล้วก็ทำได้ดีในแง่ของการสร้างสกอร์ให้กับทีม

แต่.. อันที่จริงแล้ว คนที่ควรจะได้ลงมาก่อนกรีนวู้ด คือ เจดอน ซานโช่ เพราะเมสัน กรีนวู้ดนั้นเป็นกองหน้าธรรมชาติ ซึ่งแม้ว่าจะมีพัฒนาการในการเล่นขึ้นมาบ้าง แต่เขาก็ยังมีขีดจำกัดอยู่ดี เพราะเจ้าตัวเป็นForwardที่ใช้ความเร็วในการกระชาก และหาจังหวะยิง นี่คือไม้ตายของกรีนวู้ด

แต่ภาคการสร้างสรรค์เกม เมสัน กรีนวู้ด ทำได้น้อยมากๆ และยังไม่ดีพอ

ในสนามหลายๆครั้งกรีนวู้ดได้บอลไปก็ไม่กล้าเล่น และไม่สามารถเลี้ยงกินตัวเอาชนะคู่แข่งได้ เมื่อรวมกับวานบิสซาก้าที่จังหวะยังขาดๆเกินๆอยู่ กรีนวู้ดเวลาได้บอลทางขวาจากตำแหน่งริมเส้น ก็มักทำไรไม่ได้ ต้องส่งคืนหลัง

เกมการเล่นของยูไนเต็ดจึงติดขัดอย่างที่เห็น เนื่องจาก RW ของทีม สร้างสรรค์เกมรุกไม่ได้ จนกว่าจะเข้าไปใกล้ๆกรอบเขตโทษนั่นแหละถึงจะทำได้

ซึ่งกว่าที่ทีมจะเซ็ตบอลเข้าไปกรอบเขตโทษได้ มันก็นานๆครั้งถึงจะทำได้สักที เพราะว่า ผู้เล่นตัวสร้างสรรค์เกมรุกที่มีอยู่ในทีมมันน้อยเหลือเกิน

ปอล ป็อกบา เล่นแบบไม่เต็มประสิิทธิภาพ โดนเปลี่ยนออกไปแล้ว

ลุค ชอว์ ฟอร์มดรอปลงเล็กน้อย และทำเกมรุกขึ้นมาได้น้อยกว่าปกติ

บรูโน่ แฟร์นันด์ส จึงเป็นคนเดียวที่แบกเกมรุกไว้ทั้งหมด ไม่มีใครช่วยเขาเลย ในยามที่ป้อนมาฝั่งขวา กรีนวู้ด+AWB ก็ขึ้นเกมรุกทางขวาให้ไม่ได้ / จ่ายไปทางซ้าย ชอว์ก็เงียบ แรชฟอร์ดก็กระชากๆติด เหมือนเดิม

ขึ้นเกมไม่ได้ เกมรุกแมนยูไนเต็ดจึงบุกได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น ในเกมเจออตาลันต้าที่ผ่านมา

ผลจากการที่ "โอเล่ กุนนาร์ โซลชา" เลือกส่ง เมสัน กรีนวู้ด ลงมาก่อน เจดอน ซานโช่ นี่แหละครับ ซึ่งถ้าเป็นซานโช่ เกมบุกของเราจะทำเกมขึ้นมาได้เยอะกว่านี้ และCR7 อาจจะได้ง้างบ่อยกว่านี้ก็ได้ ซึ่งครึ่งหลังมีคาวานี่อีกคนนึงด้วยที่ลงมาแทนแรชฟอร์ดแล้ว

การมี CR7+Cavani ในสนาม มันคือตัวจบสกอร์คู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้ากองหน้าอีกตัวในฟร้อนท์ทรีของทีม ยังคงเป็นตัวจบสกอร์อีก (เมสัน กรีนวู้ด) ผลก็คือ ด้านหน้ามีแต่ตัวจบสกอร์ล้วนๆ

ตัวปั้นไม่มีเลย

ภาระทุกอย่างจึงไปตกกับบรูโน่ แฟร์นันด์ส ทำให้โอกาสในการจะยิงของกองหน้าที่ใส่ลงไปเต็มไปหมดนั้น มันแทบหาได้ยาก และสะท้อนออกมาเป็นภาคการเล่นในสนามที่เราทำได้ดีสู้อตาลันต้าไม่ได้นั่นเอง เป็นเพราะเรื่องนี้เน้นๆ เพราะการไม่ยอมส่งตัวปั้นเกมลงมาช่วยบรูโน่ ของโซลชานั่นแหละที่เลือกเปลี่ยนตัวยังไม่ดีพอสำหรับรูปเกม

ไม่งั้นถ้ารูปเกมดี เราอาจจะชนะ 2-3 ยังได้เลย

ผลสุดท้าย ประตูตีเสมอของเรา ก็เกิดจากการเล่นของ ดอนนี่ ฟานเดอเบค ที่วิ่งเติมขึ้นไปสร้างทางเลือก และเจาะแนวรับอตาลันต้าได้ ส่งผลให้เกมรับปั่นป่วน และก็เป็นพี่โด้เองนี่แหละที่ต้องพยายามจะปั้นเกมด้วยตัวเอง (เพราะไม่มีคนทำเกม) จนสุดท้ายโชคดีีว่าบอลมาเข้าทาง และกรีนวู้ดดีดมาให้เขาได้ยิงประตูช่วงท้ายเกมเข้าไป

จุดพลิกผันคือดอนนี่ ฟานเดอเบค เป็นจุดเริ่มต้นของประตูนี้ และสะท้อนให้เห็นเลยว่า ทีมขาดตัวเล่นสร้างสรรค์เกมรุก เพราะการเปลี่ยนตัวที่ส่งลงไปแต่กองหน้านั่นเอง

ดังนั้น การที่ซานโช่ ถูกดองอยู่ข้างสนามนั้น นอกจากจะเป็นเหตุผลในเรื่องจำเป็นที่เป็นแง่บวกแล้วนั้น มันยังเกิดขึ้นจากเหตุผลแง่ลบ ที่เกิดจากการบริหารเลือกส่งนักเตะที่ไม่ดีพอของโซลชาด้วยที่มักจะส่งลูกรักอย่าง เมสัน กรีนวู้ดลงก่อน

เมสัน กรีนวู้ดไม่ได้ผิดอะไร แต่เราบ่นคนที่ทำหน้าที่ตัดสินใจส่งเด็กลงสนามไปมากกว่า

นี่แหละครับ อีกเหตุผลว่าทำไมซานโช่ถึงสำรอง เพราะ"มุมมองการเลือก"ผู้จัดการทีมที่มักจะส่งแต่ตัวเดิมๆที่เขาชอบ ได้ลงสนามก่อนนั่นเอง

ก็เหตุผลเดิมๆเรื่องการที่ไม่ให้ความไว้ใจนักเตะชุดสำรองนั่นแหละ!

ส่วนตัวคิดว่า ประเด็นนี้ของโอเล่มันน่าเบื่อมาก และระยะยาวท่าทางจะไม่เปลี่ยนชุดความคิดนี้ด้วย ประเภทที่ว่าเชื่อใจแต่นักเตะตัวหลัก แต่ไม่ให้ใจ ไม่ซื้อใจนักเตะตัวสำรองเลย แบบนี้ใครจะอยากอยู่กับทีมที่มีผู้จัดการทีมเป็นคน "ไม่ให้โอกาสคน" อย่างเหมาะสมแบบนี้

สรุป ทั้ง4ข้อนี้ จึงเป็นเหตุผลว่า "ทำไมซานโช่จึงต้องอยู่ในสถานะตัวสำรองเป็นส่วนมากในช่วงนี้" นั่นก็คือ

Rotation และการแข่งขันในทีมสูง

นักเตะยังต้องปรับตัวกับลีก และฟอร์มการเล่นที่ยังไม่เข้าที่

ความจำเป็นในเชิงแทคติกที่ต้องเปลี่ยนแผนเพื่อแก้ปัญหาการเล่นของทีม ซึ่งเล่นแผนที่ไม่ใช้ปีก

มุมมองการเลือกอันย่ำแย่ และระบบ "ลูกรัก" ของผู้จัดการอย่างโซลชา

3.ซานโช่คือความหวังแห่งอนาคต และหลักประกันการจากไปของ "ปอล ป็อกบา"

ข้อนี้คือหัวข้อที่สำคัญที่สุดของบทความนี้ ที่เราต้องการจะสื่อสารให้เห็นว่า เจดอน ซานโช่นั้น ไม่ใช่ "ดีลที่ล้มเหลว" แต่อย่างใด การซื้อเขาเข้ามาร่วมทีมนั้นเป็นดีลที่ดีมากๆแล้ว เพราะเขาคือความหวังแห่งอนาคตของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอย่างแท้จริง ที่จะเป็นตัวหลักไปอีกหลายปีสำหรับการเป็นผู้เล่นแกนหลักคนสำคัญของ "แนวรุก" ที่จะสร้างความแตกต่างให้กับบอลบุกของปีศาจแดง

สาเหตุที่พูดเช่นนี้ว่าเขาคือความหวังในอนาคต เพราะว่าการปูพื้นสองข้อแรกที่ผ่านมา ผมพยายามจะเขียนให้เห็นว่า มันมี "เหตุผล" หลายๆอย่าง ที่ทำให้ซานโช่จำเป็นต้องอยู่ในสภาพนี้ คือเป็นตัวสำรองของทีมไปก่อน และยังโชว์ฟอร์มได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่

ทุกอย่างมันมีเหตุผลอยู่ ซึ่งนั่นแปลว่า ดีลนี้ไม่ใช่ดีลที่ล้มเหลว เพียงแต่ว่าต้องการเวลาเท่านั้นเอง ที่ทุกอย่างจะคลี่คลายและดีขึ้น เช่น ทีมปรับระบบการเล่นให้แน่นอนกว่าเดิม หรือ ทีมมีตัวนักเตะเข้ามาเสริมในจุดอ่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแผงมิดฟิลด์ ซึ่งหากว่ามีมิดฟิลด์เก่งๆเข้ามา หรือมีระบบการเล่นที่เหมาะสมแล้ว ถึงตอนนั้น ก็ยังมีโอกาสที่ทีมจะปรับมาเล่นแผนที่ใช้ปีกได้อีกในอนาคต

และนั่นแหละถึงจะเป็นเวลาที่ซานโช่จะได้โบยบินในร่างปีศาจอย่างสมบูรณ์

ไม่ว่าจะเป็น 4-2-3-1 ร่างที่แข็งแกร่งกว่าเดิมหากว่ามีกองกลางแข็งๆเข้ามาคุมเกมสักสองคน

หรือจะเป็น 4-3-3 หากว่าซัมเมอร์นี้ได้มิดฟิลด์ตัวรับระดับแนวหน้า เข้ามาปักหลักยืนกลางรับเดี่ยวให้กับทีม เพื่อให้มิดฟิลด์อีกสองคนเติมเกมได้อย่างอิสระ

หรือแม้กระทั่งแผน 3-4-3 ระบบหลังสาม+วิงแบ็ค ที่สามารถปรับตัวเล่นในแดนหน้าที่ยังใช้ปีกได้ในลักษณะของฟร้อนท์ทรี หากว่าปรับเป็นทรงนี้ ก็ยังสามารถใช้งาน เจดอน ซานโช่ ในฐานะปีกซ้าย ปีกขวา ได้อีกเช่นกัน

ทุกอย่างต้องใช้เวลา และซานโช่ ก็รอเวลานั้นอยู่ ดังนั้น อยากให้แฟนผีใจเย็นๆ และ "ไม่ต้องกังวล" อะไรกับสถานการณ์ของซานโช่มากนัก เขามีอนาคตกับทีมแน่นอน และไม่มีทางที่จะเป็นดีลที่ล้มเหลวเหมือนยุคก่อนๆที่ผ่านมาในสมัยของ มอยส์ ฟานกัล หรือ มูรินโญ่ สำหรับนักเตะบางคนที่เข้ามาแล้วเคยกลายเป็นดีลที่ล้มเหลว

เจดอน ซานโช่ ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าดีลล้มเหลวแม้แต่น้อย เหลือแค่เวลาเท่านั้น

และที่สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด โปรดอย่าลืมว่า เราซื้อซานโช่มา "เพื่ออะไร"

สองเหตุผลหลักๆคือ

3.1 รับประกันตำแหน่งผู้เล่น "ปีกขวา" ให้กับทีม

ซึ่งเอาจริงๆแล้ว กรีนวู้ดเป็นกองหน้าForward ก็ยังไม่ใช่ปีกขวาธรรมชาติอยู่ดี กรีนวู้ดแค่สามารถเล่นในตำแหน่งนี้ได้เท่านั้น แต่จริงๆในอนาคต กรีนวู้ดสามารถเปลี่ยนไปยืนกองหน้าตัวกลางในลักษณะของ Central Forward ได้เต็มตัวกว่านี้ในยามที่โด้ คาวานี่ ไม่อยู่กับทีมแล้ว ถึงตอนนั้น ทีมก็จะขาดคนเล่นฝั่งขวา

เจดอน ซานโช่ ก็จะต้องลงรับผิดชอบในจุดนี้อยู่ดีในอนาคตนั่นแหละ มันไม่มีใครอื่นอีกแล้ว โดยมี อามัด เดียโล่ หรือ ฟากุนโด้ เปญิสตรี้ ที่อาจจะขึ้นมาเป็นแบ็คอัพตำแหน่งนี้ได้ รวมถึงแอนโธนี เอแลงก้าด้วย

3.2 "ซื้อซานโช่มาเพื่อช่วยสร้างสรรค์เกมรุกให้กับทีม"

ประเด็นนี้สำคัญสุด และเป็นเหตุผลหลักที่ทำไมโอเล่อยากได้ตัวเขานักหนา เนื่องจากปัญหาของแมนยูชุดปัจจุบันที่เป็นมานานนับตั้งแต่โอเล่เข้าทีมมา นั่นก็คือทีมไม่มีตัวสร้างสรรค์เกมรุกเลย ตัวที่มีในทีมนั้น มีcreativity ค่อนข้างต่ำ จะมีก็เพียงบรูโน่ หรือไม่ก็ ป็อกบาเท่านั้น ซึ่งมันยังไม่พอ

ส่วนปีกคนที่มีอยู่อย่าง แรช กรีนวู้ด มาร์กซิยาล มีความเป็นกองหน้า มากกว่าปีกตัวสร้างสรรค์เกม และหลายๆครั้งปีกสองข้างที่ตัวพวกนี้ลงสนาม ก็มักจะทำเกมไม่ได้ ให้เราเห็นอยู่เป็นประจำ

นั่นแหละทำไมเราถึงต้องซื้อซานโช่มา

ในอนาคต การสร้างสรรค์เกมรุกให้ทีมของซานโช่ จะจำเป็นมากยิ่งกว่านี้อีก นั่นเป็นเพราะว่า นักเตะอีกคนหนึ่งผู้ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาของทีมในขณะนี้อย่าง "ปอล ป็อกบา" นั้น ยังลูกผีลูกคน ไม่ยอมต่อสัญญา และดึงเช็งไปเรื่อยๆจนกระทั่งจะหมดสัญญาในเดือนมิถุนายนนี้แล้ว

ซึ่งแนวโน้มสูงมากที่จะไม่ต่อสัญญากับทีม ถ้าแมนยูไม่เสนอค่าเหนื่อยแพงระยับจนเขาและเอเย่นต์พอใจ คงยากที่จะรั้งอยู่กับทีมได้ เพราะดูเหมือนว่าใจไม่อยู่ที่นี่ และไม่ทุ่มเทเต็มร้อยแล้ว สังเกตได้จากเกมนัดหลังๆ ป็อกบาแสดงภาษากายออกมาชัดเจนมากในสนาม

การเล่นของเขาในสนามนั้น คุณภาพการเล่นที่แสดงออกมา มันไม่สมศักดิ์ศรีของความสามารถจาก "มิดฟิลด์ระดับโลก" จากเขาเลย

ความแน่นอนคืออะไรหาไม่เจอ บทจะดีก็ดี บทจะไม่เอาก็ไม่เอาอะไรเลย เหมือนอย่างที่นัดแดงเดือดอยู่ดีๆก็เข้าสองขาแบบไม่ระมัดระวังจนโดนใบแดง ทีมเหลือสิบคนอย่างไม่ยี่หระใดๆทั้งสิ้น

ดังนั้น เคสของป็อกบา คือเรื่องคาราคาซังมากๆที่เรากำลังจะต้องเสียผู้เล่นตัวนี้ไปอีกหนึ่งคน ซึ่งเป็นตัวสร้างสรรค์เกมบุกให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

มีแนวโน้มสูงมากๆเมื่อจบฤดูกาลนี้

ดังนั้นเมื่อถึงเวลานั้น หากว่าในที่สุดแล้ว ปอล ป็อกบาไม่ต่อสัญญากับทีม และเลือกที่จะกลับไปอยู่กับ ยูเวนตุส หรือไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม จะปารีส หรือ มาดริด มันก็คงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และอาจเกิดขึ้นได้สูง

แต่ "ทีม" ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด อาจจะ "เสียหายน้อยลง" จากการสูญเสียป็อกบาไป เนื่องจากการที่เราลงทุนซื้อ "เจดอน ซานโช่" เข้ามาร่วมทีมนี่แหละ มันคือ หลักประกันที่ดีมากๆของทีม ที่จะยังทำให้เรามีนักเตะซึ่งทำหน้าที่สร้างสรรค์เกมรุกให้กับทีมเหลืออยู่ ไม่ได้มีแค่บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่แบกคนเดียวไม่ไหว และกำลังจะตายเพราะขาดอ็อกซิเจน

เจดอน ซานโช่ คือ "หลักประกันความไม่แน่นอนในการจะอยู่กับทีมต่อไปหรือไม่ของปอล ป็อกบา" เพราะต่อให้ป็อกบาไม่อยู่กับเรา ทีมจะไม่ถึงกับเสียสมดุลมากนัก เพราะยังพอจะเหลือนักเตะที่ช่วยสร้างเกมบุกให้เราอยู่

ถ้าป็อกบาจะไป ก็ไปได้เลยหากหมดใจแล้ว เราจะไม่เสียหายมากนัก เพราะยังมี "เจดอน ซานโช่" ที่จะขึ้นมาทดแทน และช่วยแบ่งเบาภาระบรูโน่ได้พอสมควร จากความสามารถเฉพาะตัว และความสามารถในการปั้นเกมของเขา

เพราะฉะนั้น ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้ หวังว่าจะทำให้ผู้อ่านได้โล่งใจ และเข้าใจได้ว่า ทำไมสถานการณ์ของเจดอน ซานโช่ ณ ปัจจุบันกับทีม จึงเป็นเช่นนี้ และทำไมเราจึงยังไม่ควรไม่หมดหวังในตัวเขา

และซานโช่ สำคัญกับ "อนาคต" มากขนาดไหนในแง่ของการเป็นนักเตะคนสำคัญ ที่เป็นหลักประกันให้การเล่นของทีมไปได้อีกหลายปี

อดทนรอ และให้เวลานักเตะมากกว่านี้ เดี๋ยวจะได้เห็นอะไรดีๆแน่นอน ตัวนี้แหละ ว่าที่ตัวแบกในอนาคตของทีม รอเวลามันเปิดร่างปีศาจกันอีกนิด..

ตัวนี้ของจริงไม่อิงนิยาย กดคอมโบติดเมื่อไหร่ คู่ต่อสู้โดนอัดติดกำแพงยาวๆ99Hits แน่นอน

-ศาลาผี-

ป.ล. ขอบพระคุณภาพประกอบและปกสวยๆได้รับอนุเคราะห์จากเพจ Rôck & Rôll Ûnitêd Gallêry ด้วยครับ ไปตามfollowกันบนFacebookได้เลย

Reference

https://www.facebook.com/ShortsightednessPratyp/

https://www.transfermarkt.com/jadon-sancho/leistungsdaten/spieler/401173/plus/0?saison=2020

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด