นี่คือตำนานกุนซือของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้เสกแชมป์ให้กับทีมอย่างมากมาย จนกลายเป็นกุนซือที่ยิ่งใหญ่ของสโมสร จนชื่อของเขาถูกนำไปตั้งเป็นชื่ออัฒจันทร์ของสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แถมมีรูปปั้นเชิดชูอยู่หน้าสนามด้วย 

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ประสบความสำเร็จอย่างมากในการกุมบังเหียน “ปีศาจแดง” นั่นคือเรื่องของสายตาอันเฉียบแหลม ในการเลือกนักเตะเข้ามาสู่ทีม ทั้งระดับเยาวชน และทีมชุดใหญ่ แม้ว่าเขาจะมีเลือกนักเตะผิดพลาดบ้าง แต่ต้องยอมรับว่า ส่วนมากแล้วมันจะออกมาประสบความสำเร็จ 

แน่นอนว่า สิ่งที่ทำให้เฟอร์กี้ คุมทีมได้อย่างยาวนาน นั่นคือเรื่องของระบบเยาวชน และโครงข่ายแมวมอง ที่ว่ากันว่า ทำให่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีเพชรเม็ดงามมาประดับทีมชุดใหญ่อย่างต่อเนื่อง โดยที่โด่งดังที่สุด คงจะหนีไม่พ้น คลาส ออฟ 92 ช่วงนี้ เราลองย้อนความทรงจำ เกี่ยวกับการพลิกระบบแมวมองของเฟอร์กี้ กันหน่อย

ย้อนเข็มนาฬิกากลับไป ในช่วงปี 1986 นั่นคือขวบปีแรกที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน  เข้ารับงานเป็นผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยแทนที่ของกุนซือคนเก่าอย่างรอน แอตกินสัน ที่ต้องอำลาสโมสรไป ในวันแรกที่เฟอร์กี้ เข้ามาทำงานกับสโมสร เขาก็ต้องพบกับความประหลาดใจอย่างมาก 

ช่วงเวลานั้น สิ่งแรกที่เฟอร์กี้ ทำคือการซื้อแผนที่ และนำมันไปติดไว้ที่ "เดอะ คลิฟฟ์" สนามซ้อมเก่าของทีม พร้อมกับสั่งเรียกแมวมองของทีมเข้ามา เพื่อทำการประชุมกันเป็นการเร่งด่วน ในการกำหนดขอบเขตพื้นที่ สำหรับการค้นหาดาวรุ่งฝีเท้าดีเข้ามาร่วมอะคาเดมี่  

อย่างไรก็ตาม เฟอร์กี้ ต้องพบกับความประหลาดใจ เมื่อทางพลพรรค "ปีศาจแดง" มีแมวมองประจำอยู่ที่เมืองแมนเชสเตอร์ เพียงแค่ 2 คนเท่านั้น นั่นถือเป็นจำนวนที่น้อยเอามากๆ และแทบจะเป็นการทำงานที่ไม่ครอบคลุมเอาเสียเลย เฟอร์กี้ มองว่า หากเป็นแบบนี้ต่อไป สโมสรต้องยากต่อการประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน 

นั่นเป็นเพราะว่า สโมสรมีดาวรุ่งขึ้นมาสร้างชื่อกับทีมชุดใหญ่น้อยมาก โดยเฉพาะเมื่อถูกนำไปเปรียบเทียบกับคู่ปรับตลอดกาลอย่างลิเวอร์พูล ที่อาศัยความพยายาม และปั้นเด็กขึ้นมาประดับวงการหลายต่อหลายคน นี่คือสิ่งที่เฟอร์กี้ มองขาดแล้วว่า ต้องพยายามลดช่องว่างตรงนั้นให้ได้มากที่สุด 

เฟอร์กี้ ทำการแก้ไขปัญหาเป็นการด่วน ด้วยการสั่งเพิ่มจำนวนแมวมอง ที่ประจำอยู่ที่เมืองแมนเชสเตอร์ เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว แน่นอนว่า เมื่อเวลาผ่านไป เขาสั่งให้เพิ่มจำนวนมากขึ้นอีกเรื่อยๆ 

ทั้งหมดนั้น เพื่อเป็นการแข่งขันกับสโมสรอื่น ที่ต้องการนักเตะฝีเท้าดีเข้ามาร่วมทีมเช่นเดียวกัน เพราะเขาตระหนักดีว่า หากนักเตะผีเท้าดีเพียง 1 คนหลุดมือไปเล่นกับทีมอื่นแล้ว มันอาจส่งผลเสียในระยะยาวได้เลย 

องค์ประกอบต่างๆเหล่านั้น โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างทีมเยาวชน และเครือข่ายแมวมอง ทำให้เหล่าดาวรุ่ง "คลาส ออฟ 92" ถือกำเนิดขึ้นมา โดยถือว่าเป็นรากฐานสำคัญ ในการพาสโมสรประสบความสำเร็จ ตลอดเส้นทางการคุมทีมของเขานั่นเอง 

หากเจาะลึกไปกว่านั้น เฟอร์กูสัน คอยทำงานร่วมกับ “เอริก แฮร์ริสัน” ผู้จัดการทีมเยาวชน ที่เคยเป็นทีมงานของกุนซือคนก่อนหน้านี้อย่างรอน แอตกินสัน โดยทั้งสองคนทำงานกันอย่างสอดประสาน และแลกเปลี่ยนข้อมูลกันและกัน นั่นทำให้ดาวรุ่งฝีเท้าดีเริ่มตบเท้าเข้าสู่อะคาเดมี่ของสโมสร 

โดยเฟอร์กี้ จะเน้นการทำงานให้แมวมอง ในการคัดสรรดาวรุ่งฝีเท้าดีเข้ามาสู่ทีมให้มากที่สุด จากนั้น เป็นหน้าที่ของแฮร์ริสัน ในการปั้น ประคบประหงมนักเตะเหล่านั้น เพื่อให้พร้อมก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ในอนาคต 

ไม่น่าแปลกใจว่า นั่นจึงเป็นที่มาของ  "คลาส ออฟ 92" ไม่ว่าจะเป็นเดวิด เบ็คแฮม, ไรอัน กิ๊กส์, พอล สโคลส์, นิคกี้ บัตต์ รวมถึงสองพี่น้องตระกูลเนวิลล์ ที่เวลาต่อมา พวกเขาช่วนกันผนึกกำลัง กวาดแชมป์ให้กับทีมชุดใหญ่มากมายแบบนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว ถือเป็นการลงทุน ลงแรง และลงเวลาที่คุ้มค่าเอามากๆ 

ไม่เพียงแค่เรื่องของฟุตบอลเท่านั้น เฟอร์กูสัน และแฮร์ริสัน ยังคงสอนเรื่องการใช้ชีวิตให้กับเด็กเยาวชนของทีม จนพวกเขาเหล่านั้นมอง เฟอร์กูสัน และแฮร์ริสัน เปรียบเหมือนกับพ่อคนที่สองเลยทีเดียว 

และนี่คือเรื่องราวที่พลิกหน้าประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับการพลิกระบบแมวมองของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน