ปาร์เตย์ ย้ายจาก แอตเลติโก มาดริด มาร่วมทีม อาร์เซน่อล ด้วยค่าตัว 50 ล้านยูโร ในซัมเมอร์ 2020 และกลายเป็นดีลที่แฟนบอลปืนใหญ่เชื่อมั่นว่าจะยกระดับทีมได้อย่างแน่นอน 

ทว่าผลงานในฤดูกาลแรกของ ปาร์เตย์ ยังไม่เป็นไปตามที่ มิเกล อาร์เตต้า และแฟนบอลคาดหวัง 

กองกลางทีมชาติกานาเจอปัญหาในการปรับตัวเข้ากับฟุตบอลอังกฤษ อีกทั้งบาดเจ็บบ่อยครั้ง ทำให้ไม่ได้ลงสนามต่อเนื่อง และส่งผลต่อฟอร์มการเล่นอย่างเห็นได้ชัด

ในปลายปีที่แล้ว ปาร์เตย์ เคยให้คะแนนตัวเองเอาไว้เพียง 4 คะแนนจากเต็ม 10 กับผลงานในสีเสื้อปืนใหญ่

เขาตัดเกรดตัวเองว่า "สอบไม่ผ่าน" แบบที่ไม่ต้องให้นักวิจารณ์ หรือ กูรูคนใดต้องมาประเมินให้เสียเวลา 

อาจมีบางนัดที่ทำได้ดี เช่นพาทีมบุกชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0 แต่ส่วนใหญ่ก็เล่นได้ค่อนข้างน่าผิดหวัง เป็นที่พึ่งให้ทีมไม่ได้ สภาพร่างกายดูไม่ฟิตเท่าที่ควร ต่างจากตอนเล่นในสเปนที่แทบไม่เจ็บเลย

แต่ทุกอย่างค่อยๆ เปลี่ยนไปเมื่อเริ่มต้นศักราชใหม่ในปี 2022

ปาร์เตย์ เล่นได้ยอดเยี่ยมทั้งรุกและรับในนัดแรกกับ แมนฯ ซิตี้ จนเกือบพาทีมชนะได้อยู่แล้วหากไม่พลาดเสียจุดโทษและมาโดนเรือใบยิงแซงในนาทีสุดท้าย จากนั้นต้องไปช่วยทีมชาติกานาทำศึกแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์

ทัพดาวดำ ตกรอบเร็วตั้งแต่แบ่งกลุ่ม ปาร์เตย์ บินด่วนกลับมาช่วย อาร์เซน่อล ในถ้วยคาราบาว คัพ กับ ลิเวอร์พูล เขาไม่มีเวลาได้พักกับโปรแกรมทีมชาติและสโมสรที่ห่างกันเพียง 72 ชั่วโมง 

ด้วยสกอร์ที่ตามหลัง และความคาดหวังจากรอบข้างว่าจะลงไปพลิกเกมให้ทีมได้ แปรเปลี่ยนเป็นความตั้งใจที่มากเกินไป เขาฟาวล์สองครั้งติดๆ จนได้ใบแดงในเวลารวดเร็ว

แต่หลังพ้นโทษแบนกลับมา อดีตแข้งตราหมี ก็กลับคืนสู่ฟอร์มการเล่นที่แข็งแกร่ง ครบเครื่อง และเป็นฟอร์มการเล่นที่แฟนบอลปืนใหญ่รอคอยมานาน 

ในช่วงหลัง มิเกล อาร์เตต้า ปรับเล่น 4-3-3 และให้ ปาร์เตย์ ยืนต่ำสุดในแผงกองกลาง กรานิต ชาก้า และ มาร์ติน โอเดการ์ด ยืนสูงกว่า บทบาทของเขาในตอนนี้จะคล้ายกับ โรดรี้ ของ แมนฯ ซิตี้

เมื่อแย่งบอลกลับมาครองได้ ปาร์เตย์ ก็มีสองตัวเลือกในการจ่ายทันทีคือ ชาก้า และ โอเดการ์ด ขณะที่ด้านข้างก็มี คีแรน เทียร์นีย์ กับ เซดริก โซอาเรส รออยู่แล้ว ถ้าคู่แข่งไม่ระวังก็แทงพรวดขึ้นหน้าทันที

นัดที่ อาร์เซน่อล เปิดรัง ชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 2-0 คืออีกเกมที่ ปาร์เตย์ โชว์ฟอร์มได้อย่างไร้ที่ติ โดยชนะ ดวลตัวต่อตัว 6 จาก 6 ครั้ง, เข้าปะทะ 4 ครั้ง และตัดบอลได้อีก 2 ครั้ง 

ส่วนบทบาทเกมรุกก็โหม่งประตูแรกให้ทีมออกนำ และโหม่งติดมือคู่แข่งเรียกจุดโทษเป็นประตูที่สองได้อีก รวมไปถึงจ่ายบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายสร้างโอกาสให้เพื่อนได้หลายครั้ง

เป็นฟอร์มการเล่นที่บ่งบอกได้อย่างดีว่าทำไมแฟนบอลถึงโหวตให้เขาครองตำแหน่งแข้งยอดเยี่ยมของสโมสรในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ผลงานของ ปาร์เตย์ ช่วยให้ อาร์เซน่อล ชนะ 5 นัดติดต่อกันในลีกจนยึดตำแหน่งอันดับ 4 เหนียวแน่น และแม้จะพ่ายต่อ ลิเวอร์พูล ในเกมบิ๊กแมตช์ที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ปาร์เตย์ ก็ยังถือว่าทำผลงานได้ดีสุดอีกคนในทีม

เขาตอกย้ำให้เห็นในทันทีในเกมนัดต่อมาที่พาทีมบุกชนะ แอสตัน วิลล่า 1-0 ก่อนเบรกทีมชาติ พร้อมได้รับการโหวตจากแฟนบอลปืนใหญ่ให้ครองตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ 

สถิติในเกมที่วิลล่า ปาร์ค ของ ปาร์เตย์ เป็นดังนี้

ผ่านบอลสำเร็จ : 88% 

สัมผัสบอล : 58  

เอาบอลกลับมาครอง : 9

เข้าไปในพื้นที่สุดท้าย : 9

ชนะดวลตัวต่อตัว : 5

เลี้ยงบอล : 3

เลี้ยงบอลสำเร็จ : 2

เข้าปะทะ : 2

ตัดบอล : 2

สร้างโอกาส : 1

ยิงเข้ากรอบ : 1

ก่อนขึ้นศักราชใหม่ การเล่นของ โธมัส ปาร์เตย์ ขาดความแน่นอน จ่ายบอลพลาดง่าย เสียการครองบอลในเวลาโดนเพรสเร็ว 

แต่นับตั้งแต่ขึ้นปี 2022 เป็นต้นมา การครองบอลเหนียวแน่นขึ้น ไม่เสียบอลง่าย เอาตัวรอดจากการเพรสซิ่งได้ดี เปลี่ยนจังหวะการเล่นเร็ว-ช้าได้ในเวลาที่ถูกต้อง ลีลาการเล่นผสมกันอย่างลงตัวทั้งความแข็งแกร่งและชั้นเชิงสวยงาม 

อาร์เตต้า กล่าวถึง ปาร์เตย์ ในช่วงนี้ว่า "คุณคงเห็นแล้วว่าเขาได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนที่แล้ว เขามาไกลมาก ฟอร์มคงเส้นคงวา เขารู้ว่าต้องทำอะไรเพื่อให้เล่นดีขึ้น

เมื่อ ปาร์เตย์ เล่นได้ดี รวมไปถึงอีกหลายคนที่โดดเด่นไม่แพ้กัน อาร์เซน่อล จึงกลายเป็นหนึ่งในทีมที่ทำผลงานดีสุดในปี 2022 และมีโอกาสที่ดีในการจบท็อปโฟร์ได้กลับไปเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง 

สิ่งที่ โธมัส ปาร์เตย์ ต้องทำให้ได้นอกจากพา อาร์เซน่อล ไปถึงเป้าหมายฤดูกาลนี้แล้ว ก็คือการรักษาผลงานส่วนตัวที่กำลังร้อนแรงให้คงเส้นคงวา หรือไม่ก็ดียิ่งขึ้นต่อเนื่อง 

ถ้าทำได้ เขาจะกลายเป็น "จิ๊กซอว์" แดนกลางที่ อาร์เซน่อล รอคอยมานานหลายปีได้แน่นอน