:::     :::

โอกาสสุดท้ายของ เมสซี่ & โรนัลโด้

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ น่าจะถึงเวลาปิดฉากของสองสุดยอดนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลและอยู่ในยุคเดียวกันอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้

เมสซี่ และ โรนัลโด้ ผ่านฟุตบอลโลกมาแล้ว 4 สมัยเท่ากัน และในฟุตบอลโลกที่กาตาร์ปลายปีนี้จะเป็นสมัยที่ 5 ซึ่งมีพียงไม่กี่คนที่มาถึงจุดนี้

ตลอด 4 ครั้งที่ผ่านมา โคตรนักเตะทั้งสองรายยังไม่ถึงฝั่งฝันได้สัมผัสแชมป์โลก ใกล้เคียงสุดคือ เมสซี่ ที่ได้รองแชมป์ในปี 2014 

ในช่วงปลายอาชีพในวัย 35 ปี และ 37 ปี เมื่อฟุตบอลโลกเปิดฉาก นี่จึงเป็น "โอกาสสุดท้าย" แล้วสำหรับ เมสซี่ และ โรนัลโด้ ในการลุ้นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุด 

เราย้อนกลับไปดูกันอีกครั้งว่าตลอด 4 ครั้งที่ผ่านมา ฟุตบอลโลก กับ เมสซี่ และ โรนัลโด้ ลงเอยอย่างไรกันบ้าง 


ฟุตบอลโลก 2006

เมสซี่ และ โรนัลโด้ ได้สัมผัสฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งแรกพร้อมกันในปี 2006 ที่เยอรมนี

เมสซี่ ลงเล่นนัดแรกในเกมพบ เซอร์เบีย แอนด์ มอนเตเนโกร ที่ถูกส่งเป็นสำรองก่อนทำแอสซิสต์และยิงปิดท้ายให้ทัพฟ้า-ขาวชนะท้วนถ้น 6-0 

ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย อาร์เจนตินา ลุ้นถึงต่อเวลาก่อนผ่าน เม็กซิโก ได้หวุดหวิดซึ่ง เมสซี่ ลงเป็นสำรองอีกนัดในวันครบรอบวันเกิดอายุ 19 ปี ทว่าไม่ได้เล่นเลยในรอบก่อนรองชนะเลิศที่ทัพฟ้าขาวพ่ายจุดโทษต่อเจ้าภาพ 

หลังจบทัวร์นาเมนต์ โฮเซ่ เปเกร์มัน กุนซือทัพฟ้าขาวถูกวิจารณ์ไม่น้อยที่ไม่ส่ง เมสซี่ ลงเล่นเกมกับอินทรีเหล็ก


ขณะที่ โรนัลโด้ ยิงไป 7 ประตูในรอบคัดเลือกที่นำโปรตุเกสเข้ารอบสุดท้าย ก่อนประเดิมประตูแรกในเกมนัดสองของแบ่งกลุ่มที่พบ อิหร่าน  

รอบ 16 ทีมสุดท้าย โปรตุเกส ปะทะ ฮอลแลนด์ ในเกมสุดอื้อฉาวด้วยการเล่นกันหนักหน่วงจนมีถึง 4 ใบแดงกับอีก 16 ใบเหลือง โปรตุเกส เอาชนะไปหวุดหวิด 1-0 ขณะที่ โรนัลโด้ ก็สะบักสะบอมหลังโดน คาลิด บูลาห์รุซ เข้าหนัก

โรนัลโด้ ในวัย 21 ปี ฟิตทันลงดวล อังกฤษ ในรอบก่อนรองชนะเลิศก่อนมีประเด็นหลังจาก เวย์น รูนีย์ หัวหอกทัพสิงโตคำรามที่เป็นเพื่อนร่วมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด โดนไล่ออกจากการไปย่ำใส่ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ 


โรนัลโด้ ถูกจับภาพกระพริบตามาที่ซุ้มม้านั่งสำรองจนทำให้สื่ออังกฤษรุมเล่นงานว่ามีส่วนทำให้ รูนีย์ โดนไล่ออก และสุดท้ายเป็นทัพฝอยทองที่เข้ารอบด้วยการชนะจุดโทษซึ่ง โรนัลโด้ เป็นคนยิงลูกสุดท้ายตัดสินเกม

ทว่า โปรตุเกส ก็ไปไม่ถึงนัดชิงชนะเลิศเมื่อพ่ายต่อ ฝรั่งเศส 0-1 ในรอบตัดเชือก ขณะที่ โรนัลโด้ โดนโห่ทั้งเกมจากวีรกรรมในเกมกับอังกฤษ 


ฟุตบอลโลก 2010

อาร์เจนตินา ภายใต้การนำของ "หัตถ์พระเจ้า" ดีเอโก้ มาราโดน่า อยู่ในกลุ่มไม่ยากนักกับการมี เกาหลีใต้, กรีซ และ ไนจีเรีย ร่วมสาย ก่อนคว้าแชมป์กลุ่มไปได้ตามคาดด้วยชัยชนะ 3 นัดรวด

เมสซี่ ลงตัวจริงทุกนัด แม้ไม่มีประตู แต่ก็มีส่วนกับเกมรุกตลอดโดยเฉพาะนัดสองที่ไล่อัด เกาหลีใต้ 4-1 ที่มีส่วนร่วมทุกประตูของทีม และได้สวมปลอกแขนกัปตันในนัดสุดท้ายที่เอาชนะ กรีซ 2-0


แต่เส้นทางของ อาร์เจนตินา ในฟุตบอลโลกหนนี้จบลงที่รอบก่อนรองชนะเลิศอีกครั้งหลังโดนเยอรนีสอนบอลไป 4-0 

เมสซี่ ที่เติบโตมากกว่า 4 ปีก่อนและกลายเป็นซูเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งที่ บาร์เซโลน่า โดนวิจารณ์พอสมควรที่ไม่สามารถพาทีมชาติไปถึงฝันได้เฉกเช่น มาราโดน่า ในปี 1986 

ส่วน โปรตุเกส ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ต้องเหนื่อยในการเพลย์ออฟก่อนได้ตั๋วลุยรอบสุดท้าย และเริ่มต้น 3 นัดแรกของรอบแบ่งกลุ่มด้วยการที่ โรนัลโด้ คว้าตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ทุกนัดในการพบกับ ไอวอรี่ โคสต์, เกาหลีเหนือ และ บราซิล

โรนัลโด้ ทำไปประตูเดียวในทัวร์นาเมนต์นี้ในเกมที่ชนะ เกาเหลีเหนือ 7-0 ซึ่งเป็นประตูแรกในการเล่นทีมชาติรอบ 16 เดือนหลังสุด 


ทัพฝอยทองไปถึงเพียงรอบ 16 ทีมสุดท้ายก่อนพ่ายต่อ สเปน 0-1 ขณะที่ทัพกระทิงดุในยุคที่ดีที่สุดไปต่อจนถึงตำแหน่งแชมป์โลกสมัยแรก  

ฟุตบอลโลก 2014

ก่อนทัวร์นาเมนต์เริ่มต้น หลายคนกังวลฟอร์มการเล่นของ เมสซี่ พอสมควรเพราะผลงานกับ บาร์เซโลน่า ไม่ดีมากนัก อีกทั้งมีอาการบาดเจ็บรบกวน

ทว่าเมื่อการแข่งขันจริงมาถึง เมสซี่ ที่กลายเป็นกัปตันทีมเต็มตัว ก็เค้นฟอร์มเก่งออกมาได้ทันเวลาด้วยการคว้าตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ตลอด 4 นัดแรกที่ยิงไป 4 ประตู และทำแอสซิสต์ประตูชัยในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ต่อเวลาชนะสวิตเซอร์แลนด์ 1-0


ในรอบก่อนรองฯ เมสซี่ พาทีมชนะเบลเยียม 1-0 ทำให้ได้ผ่านเข้ารอบตัดเชือกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1990 และทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศด้วยการดวลจุดโทษชนะ ฮอลแลนด์ หลัง 120 นาทีทำอะไรกันไม่ได้

นัดชิงชนะเลิศปี 2014 เป็นรีแมตช์นัดชิงฯ ปี 1986 และ 1990 ระหว่าง อาร์เจนตินา กับ เยอรมนี และถูกโหมโรงว่าเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่าง "นักเตะที่เก่งที่สุด" กับ "ทีมที่เก่งที่สุด"

เมสซี่ มีโอกาสพอสมควรที่จะทำประตูให้ทีมออกนำ แต่ก็ไม่สำเร็จ การแข่งขันลากยาวถึงช่วงต่อเวลาก่อนเป็น มาริโอ เกิทเซ่ ทำประตูชัยให้อินทรีเหล็กชนะไป 1-0 คว้าแชมป์โลกไปครอง ส่วน เมสซี่ และพลพรรคฟ้าขาวได้เพียงรองแชมป์

ขณะที่ โรนัลโด้ ช่วยให้ โปรตุเกส ได้ตั๋วรอบสุดท้ายด้วยการเหมายิงทั้งสี่ประตูในเกมเพลย์ออฟกับ สวีเดน ที่นำมาโดย ซลาตัน อิบราฮิโมวิช โดยที่แฮตทริกในนัดสองทำให้ โรนัลโด้ ขึ้นแท่นดาวซัลโวตลอดกาลทีมชาติที่ 47 ประตูเท่ากับ เปาเลต้า และทำลายสถิติได้ในเกมอุ่นเครื่องกับ แคเมอรูน ก่อนฟุตบอลโลกเปิดฉาก


"ซีอาร์ 7" มีปัญหาความฟิตในการลุยฟุตบอลโลกหนนี้ แต่ก็กัดฟันเล่นครบ 90 นาทีในเกมแรกที่พ่ายยับต่อ เยอรนี 0-4 ก่อนเป็นคนทำแอสซิสต์ให้ทีมตีเสมอ สหรัฐฯ 2-2 ในนัดสอง

นัดตัดสินการเข้ารอบที่ต้องพบ กานา โรนัลโด้ ทำประตูชัยให้ทีมชนะ 2-1 และกลายเป็นนักเตะโปรตุกีสคนแรกที่ยิงในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ 3 สมัย 

อย่างไรก็ตาม โปรตุเกส อกหักตกรอบแรกด้วยประตูได้-เสียเป็นรอง สหรัฐฯ ที่มี 4 คะแนนเท่ากัน


ฟุตบอลโลก 2018

ฟุตบอลโลกหนที่ 4 ของ เมสซี่ และ โรนัลโด้ แข่งขันที่รัสเซียในช่วงที่สองซูเปอร์สตาร์แห่งยุคผ่านนหลักสามเป็นที่เรียบร้อย

อาร์เจนตินา ไม่ถูกคาดหวังมากนักเพราะฟอร์มก่อนบอลโลกกระท่อนกระแท่นและเพิ่งโดน สเปน ไล่ยำ 6-1 ในเกมอุ่นเครื่องไม่กี่เดือนก่อนบอลโลก 


พวกเขาเปิดหัวด้วยการทำได้เพียงเสมอ ไอซ์แลนด์ ที่เล่นฟุตบอลโลกครั้งแรก 1-1 ในเกมที่ เมสซี่ ได้โอกาสยิงจุดโทษประตูชัย แต่ว่าซัดติดเซฟ จากนั้นหลุดฟอร์มอีกนัดโดน โครเอเชีย ขยี้ถึง 3-0 ทำให้สองนัดแรกมีเพียงคะแนนเดียว หมิ่นเหม่ต่อการตกรอบ

เมสซี่ พาทีมเอาตัวรอดหวุดหวิดในนัดสุดท้ายที่เฉือนชนะ ไนจีเรีย 2-1 โดยซูเปอร์สตาร์จาก บาร์เซโลน่า ยิงประตูสุดสวยให้ทีมออกนำ และมาได้ประตูชัยก่อนจบเกม 4 นาทีจาก มาร์กอส โรโฮ

ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ทัพฟ้าขาวเจองานหนักปะทะ ฝรั่งเศส รองแชมป์ยุโรป ก่อนเป็นทัพ "ตราไก่" ที่มี คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ในวัยเพียง 19 ปีในตอนนั้นเป็นตัวทีเด็ด ทำได้ดีกว่าเอาชนะไป 4-3 

เมสซี่ กับ อาร์เจนตินา จึงหยุดเส้นทางเอาไว้เพียงรอบนี้ โดยที่ตัวเขาทำสถิติส่วนตัวยิงในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ได้ 3 สมัย ต่อจาก ดีเอโก้ มาราโดน่า และ กาเบรียล บาติสตูต้า 

ขณะที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นำทัพโปรตุเกสลงเล่นฟุตบอลโลก 2018 ในฐานะ "แชมป์ยูโร 2016" และถูกจับตาไม่น้อยว่าอาจต่อยอดคว้าแชมป์โลกสมัยแรกได้สำเร็จ

โปรตุเกส เปิดหัวนัดแรกในเกมบิ๊กแมตช์ที่เสมอ สเปน สมศักดิ์ศรี 3-3 โดยทั้งสามประตูมาจาก โรนัลโด้ และแน่นอนว่ากลายเป็นนักเตะอายุมากสุดยิงแฮตทริกในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายด้วยวัย 33 ปี 

นัดต่อมา โรนัลโด้ รักษาความร้อนแรงซัดประตูชัยพาทีมชนะ โมร็อกโก 1-0 พร้อมทำลายสถิติเป็นนักเตะยุโรปยิงในทีมชาติมากสุดที่ 85 ประตู 


ดาวเตะที่ลงเล่นให้ เรอัล มาดริด เป็นฤดูกาลสุดท้ายก่อนย้ายไป ยูเวนตุส เกือบยิงได้ตลอด 3 นัดแรกในรอบแบ่งกลุ่ม แต่ว่าซัดจุดโทษพลาดในเกมเสมอ อิหร่าน 1-1 ทำให้ โปรตุเกส เข้ารอบในฐานะอันดับ 2 รองจาก สเปน และต้องเจอกับ อุรุกวัย ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

โปรตุเกส ไม่ถึงฝั่งฝันพ่ายต่อ อุรุกวัย ไป 1-2 ในเกมที่ เอดินสัน คาวานี่ โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นกว่า โรนัลโด้ ด้วยการเหมาทั้งสองประตูให้จอมทัพจอมโหด

สถานีต่อไป...ฟุตบอลโลก 2022

ลิโอเนล เมสซี่ เตรียมลงเล่นในฟุตบอลโลก สมัย 5 หลังนำทีมชาติอาร์เจนตินาเข้ารอบสุดท้ายได้ไม่ยากด้วยผลงานยอดเยี่ยมในรอบคัดเลือกของโซนอเมริกาใต้

ในรอบสุดท้าย อาร์เจนตินา ถูกจับสลากให้อยู่ในกลุ่ม ซี ร่วมกับ ซาอุดิอาระเบีย, เม็กซิโก และ โปแลนด์ ซึ่งถือว่าไม่หนักมากและมีโอกาสสูงที่จะผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์

ส่วน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พาโปรตุเกสลุ้นในช่วงเพลย์ออฟอีกครั้งก่อนเอาชนะ ตุรกี 3-1 ต่อด้วยดับซ่า นอร์ทมาซิโดเนีย 2-0 ซึ่งในรอบตัดเชือก นอร์ทมาซิโดเนีย พลิกล็อกบุกโค่นอิตาลีถึงถิ่นมาได้

รอบแบ่งกลุ่ม โปรตุเกส อยู่ในกลุ่ม เอช ที่น่าจะหนักเอาเรื่องด้วยการมี กานา, อุรุกวัย และ เกาหลีใต้ 



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})