แต่กับโปรแกรมการแข่งขันที่เหลืออีกเพียง 3 นัด และทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ต้องการอีกเพียง 3 แต้มเท่านั้น จะการันตีคว้าแชมป์ได้ทันที จึงเป็นอะไรที่ไม่น่า “เป็นห่วง” นัก
ใช่ ตามทฤษฎี หาก บีจี ปทุม ชนะรวด 3 นัด และ บุรีรัมย์ เกิดบ้าสะดุดทั้ง 3 เกม ก็มีโอกาสที่พวกเขาจะทำแชมป์หลุดมือได้
หากแต่ความเป็นไปได้ที่ บุรีรัมย์ จะทะลึ่ง “พลาด” ทั้ง 3 เกมนั้นก็เป็นไปได้ยากจริง ๆ
ว่ากันที่เกมนี้ส่วนหนึ่งที่ชื่นชม “เกมรับ” ขอนแก่น ยูไนเต็ด ด้วยที่เล่นกันได้อย่างมีวินัยและแข็งแกร่ง
แม้พวกเขาจะไม่ชนะใครมา 3 เกม กอปรกับสถานการณ์หนีตกชั้นยังไม่ปลอดภัย 100% ทำให้เกมนี้พวกเขายังต้องการคะแนน อย่างน้อยก็ 1 แต้ม
ซึ่งพวกเขาทำมันได้สำเร็จ
เกมนัดนี้หลายสิ่งหลายอย่าง “เป็นใจ” ให้เจ้าถิ่นด้วย ไล่ตั้งแต่การที่ทีมเยือนเสียดาวซัลโวอย่าง ศุภชัย ใจเด็ด ไปตั้งแต่ยังไม่ถึง 10 นาทีแรก จากอาการบาดเจ็บ
ต่อยอดมายังจังหวะก่อนจบครึ่งแรกที่ โจนาธาน โบลินกิ หัวตัวความหวังมาถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม จากจังหวะไป “เฮดบัด” ใส่ อเลฟ วิเลรา แนวรับเจ้าบ้าน แม้ ชัยฤกษ์ งามสม ผู้ตัดสินจะไม่เห็นเหตุการณ์ แต่วีเออาร์ที่มีสามารถบันทึกช็อตดังกล่าวไว้ได้ และชัดเจนว่า โบลินกิ จงใจเล่นนอกเกมใส่ ก็ต้องรับใบแดงไป
ซึ่งว่ากันตรง ๆ จังหวะนี้ดาวยิงคองโก เสียเหลี่ยม อเลฟ ไปเต็ม ๆ เพราะหากทำการบ้านมาจะรู้ว่าแนวรับบราซิเลียนรายนี้คือ 1 ใน “ดาวยั่ว” กองหน้าคู่ต่อสู้ชั้นดี และ โบลินกิ ก็เจอไซโคเข้าไปจนหัวร้อนน็อตหลุดอย่างจัง
จากเสีย ศุภชัย ไปต้นเกม ทีมมาเสีย โบลินกิ ไปเพิ่ม ทำให้ บุรีรัมย์ ไม่มีกองหน้าตัวจบสกอร์ธรรมชาติที่เฉียบขาดไว้ใจได้เลย แม้จะครองเกมสร้างสรรค์โอกาสได้มากกว่า ทว่าบอลพื้นที่สุดท้ายผู้เล่นอย่าง อายุบ มาซิกา หรือ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูให้ทีมได้
ผลลัพธ์ที่ตอบแทนได้คือ บุรีรัมย์ มีโอกาสจบสกอร์ถึง 14 ครั้งในเกม ทว่าสามารถซัดบอลตรงกรอบได้หนเดียวเท่านั้น
ที่สำคัญ 3 กำแพงหลักของแก่น ที่แทบไม่เติมเกมขึ้นสูงดักเก็บ บล็อกเกมรุกคู่แข่งได้อยู่หมัดจนจบเกม พวกเขาได้ 1 แต้มที่ต้องการเพิ่มเป็น 33 คะแนน และแทบจะการันตีการรอดตกชั้น 100% เต็มแล้ว
ส่วน บุรีรัมย์ ผลเสมอนัดนี้ไม่ได้ถือว่าน่าเสียหายอะไรนัก เหมือนกับแค่ยืดเวลาฉลองแชมป์ออกไปเท่านั้น เพราะยังมีเกมให้แก้ตัวอีก 3 นัด ขอแค่ 3 คะแนนทุกอย่างจบทันที
เอาเข้าจริงหากจำบทสัมภาษณ์ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร ที่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ เขาเองเคยตั้งเป้าไว้ว่าต้องการให้ บุรีรัมย์ คว้าแชมป์ในเกมที่ 28
ซึ่งเป็นเกมกลางสัปดาห์ที่จะเปิดบ้านรับ เชียงราย ยูไนเต็ด ในช่วงกลางสัปดาห์นี้ ที่สำคัญได้เล่นท่ามกลางกองเชียร์ที่น่าจะมาเป็นสักขีพยานร่วมฉลองอย่างแน่นสนาม
ขอแค่ชนะ ไม่ว่าจะสกอร์เท่าไหร่ หรือรูปเกมจะสวยหรือไม่ก็ตาม
ก็เปิดแชมเปญฉลองแชมป์ได้ทันที ไม่ต้องแคร์ผลการแข่งขันคู่อื่น
