ซิเมา ซาโบรซ่า เป็นปีกฝีเท้าดีที่เคยเล่นให้ทั้ง สปอร์ติ้ง ลิสบอน, บาร์เซโลน่า, แอตเลติโก มาดริด และเคยรุ่งโรจน์สุด ๆ กับ เบนฟิก้า ในช่วงปี 2001-07 อีกทั้งยังเคยติดทีมชาติไปมากถึง 88 นัดยิงได้ถึง 22 ประตู ถือว่าในยุคต้นมิลเลนเนียม นี่คือปีกฝีเท้าจัดคนนึงของวงการเลยก็ว่าได้
เขาเล่าให้เดอะ การ์เดี้ยน ฟังว่า ในช่วงซัมเมอร์ปี 2005 หลังจากที่เขากำลังจะกลับมาจากการเล่นทีมชาติ อยู่ ๆ ก็ได้รับโทรศัพท์จากสโมสรว่าให้เตรียมตัวย้ายไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล เพราะทั้งสองฝ่ายคุยกันเรียบร้อยแล้ว
ทว่า พอไปถึงออฟฟิศของเอเย่นต์ เขากลับถูกเบรคการซื้อขายครั้งนี้จากประธานสโมสร โดยประธานให้เหตุผลว่าหากปล่อยตัวสตาร์ดังแบบเขาให้ทีมอื่นในตอนนี้ แฟนบอลจะโกรธเขามากและอาจมีผลต่อการโหวตเลือกตั้งประธานในอนาคตอันใกล้
ซิเมา ยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นติดอยู่ในใจของเขามาโดยตลอด เขาคิดเสมอว่าหากเขาดื้อกว่านี้อีกสักนิดหรือการซื้อขายไม่ล้มเหลว ชีวิตนักฟุตบอลของเขาที่แอนฟิลด์จะเป็นอย่างไร
"ความฝันของผมคืออยากเล่นในพรีเมียร์ลีกบ้าง แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วมันไม่เคยเกิดขึ้นจริง" ซิเมา เล่า "แต่ถึงอย่างนั้นผมก็มีความสุขกับอาชีพของผมนะ ผมได้เล่นในสเปนกับทีมใหญ่ ๆ และได้เล่นทีมชาติมาอย่างยาวนาน"
หกเดือนหลังจากดีลล่ม ซิเมา มีโอกาสมาเล่นในแอนฟิลด์ แต่มาในฐานะคู่แข่งของ ลิเวอร์พูล พร้อมกับทำแสบด้วยการบรรจงปั่นโค้ง ๆ จากนอกกรอบเขตโทษพา เบนฟิก้า ขึ้นนำหงส์แดง และทะยานเข้าสู่รอบต่อไปได้ในท้ายที่สุด
"ประตูนั้นผมคิดว่าคือประตูที่ดีที่สุดของผมเลยล่ะ เราเจอความยากลำบากในช่วงแรก ก่อนที่ผมจะยิงลูกนั้นเข้าไป แล้วทุกอย่างก็คลี่คลายลง"
"ผมจำทุกอย่างได้ดี ยิ่งตอนที่เราขึ้นนำ เสียงเชียร์จากแฟนบอลเรา 4,000 คนมันยังดังก้องอยู่ในหัวของผม แน่นอนว่านั่นคือเกมที่จะไม่มีวันลืม และผมก็จะไม่มีวันลืมแอนฟิลด์ได้ลงเช่นกัน"
ปัจจุบัน ซิเมา ในวัย 42 ปี รับหน้าที่ทำงานเบื้องหลังให้ เบนฟิก้า โดยมีื รุย คอสต้า เป็นประธานสโมสร ซึ่งเขาเองก็แอบหวังว่าทีมชุดนี้จะสร้างเซอร์ไพรส์ได้แบบที่เขาเคยทำเมื่อ 16 ปีก่อน
"ตอนนี้มันเป็นคนละทีม และอยู่ในช่วงเวลาที่แตกต่างออกไป เรารู้ดีว่า ลิเวอร์พูล ตอนนี้เป็นทีมที่แข็งแกร่ง และมีนักเตะดัง ๆ มากมาย อีกทั้งยังมีนักเตะโปรตุเกสที่เก่งมาก ๆ อย่าง โชต้า อีก"
"แต่ทีมเราก็มีนักเตะดี ๆ หลายคนเช่นกัน เราให้ความเคารพ ลิเวอร์พูล เหมือนกับที่ ลิเวอร์พูล ให้ความเคารพเรา นี่คือสองสโมสรที่มีประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ เมื่อได้ดวลกับทีมเหล่านี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ"
เบนฟิก้า ผ่านเข้ารอบด้งยการคว้ารองแชมป์กลุ่มที่มีทั้ง บาเยิร์น มิวนิค, บาร์เซโลน่า และ ดินาโม เคียฟ ก่อนที่จะเขี่ย อาแจ็กซ์ ตกรอบอย่างเหลือเชื่อ
ซิเมา ยิ้มรับและบอกว่าไม่ใช่เรื่องเกินคาดสำหรับเขา "เราเป็นทีมที่แข็งแกร่ง แต่ในประเทศเราเจอปัญหาบางอย่าง ผมคิดว่าเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของ เบนฟิก้า ปีนี้คือใน แชมเปี้ยนส์ ลีก"
"นี่คือเดือนที่ยากสำหรับเรา ผมหวังว่าทีมจะฟื้นตัว เพราะว่าเรามีเกมเยอะมาก แต่สำหรับ แชมเปี้ยนส์ ลีก นั้นค่อนข้างแตกต่างออกไป ถึงคุณจะอ่อนล้า แต่เมื่อคุณได้ยินเสียงเพลงของ แชมเปี้ยนส์ ลีก คุณจะเปลี่ยนไปและฮึกเหิมขึ้นมาในทันที" อดีตปีกทีมชาติโปรตุเกสทิ้งท้าย
