ความพ่ายแพ้คาบ้านต่อ ไบรท์ตัน ในนัดล่าสุด เกิดขึ้นต่อเนื่องไม่กี่วันหลังจากเพิ่งออกไปโดน คริสตัล พาเลซ ทะลวงไส้แตก และเมื่อรวมเกมพ่ายต่อ ลิเวอร์พูล เข้าไปด้วยก็เท่ากับว่า อาร์เซน่อล แพ้ 3 จาก 4 นัดหลังสุดในลีก 

ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ คู่แข่งสำคัญอย่าง สเปอร์ส ชนะรวด 4 นัด พร้อมกับยึดอันดับ 4 ด้วยคะแนนที่มากกว่า 3 คะแนน แถมประตูได้-เสียที่บวกเพิ่มต่อเนื่อง 

ปัญหาอาการบาดเจ็บของสองผู้เล่นสำคัญทั้ง คีแรน เทียร์นีย์ และ โธมัส ปาร์เตย์ ส่งผลต่อ อาร์เซน่อล ชัดเจนเมื่อแท็กติกและผู้เล่นคนอื่นที่ มิเกล อาร์เตต้า เลือกใช้ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ 

อาร์เตต้า เลือกให้ กรานิต ชาก้า ไปยืนแบ็กซ้ายอีกนัด ขณะที่แบ็กซ้ายธรรมชาติอย่าง นูโน่ ตาวาเรส หลุดเป็นสำรอง ส่วนตำแหน่งของ ปาร์เตย์ มี แซมบี้ โลคองก้า ทำหน้าที่แทน 

การเสีย ปาร์เตย์ ไปคนแรก และ ชาก้า ถูกขยับไปเล่นแบ็กซ้าย ทำให้ตัวหลักแดนกลางหายไปพร้อมกัน 2 คน และกลายเป็นจุดที่เสียเปรียบ ไบรท์ตัน ในทันที 

โลคองก้า ที่ประสบการณ์น้อยนิดเพียงคนเดียวไม่สามารถคอนโทรลเกมตรงกลางได้ต่อให้มี มาร์ติน โอเดการ์ด ขยับลงมาช่วยก็ตาม

ตรงกันข้ามกับ ไบรท์ตัน ที่กุนซือ เกรแฮม พ็อตเตอร์ เน้นตรงกลางมากด้วยสามผู้เล่นอย่าง ปาสกาล โกรสส์, อีฟส์ บิสซูม่า และ มอยเซส ไซเซโด้ คอยบดบี้ไล่แยงบอลอย่างขยันขันแข็ง

แท็กติกของ พ็อตเตอร์ ทำได้ยอดเยี่ยมกับการไล่เพรสซิ่งตรงกลาง ประกบถึงตัวเร็วไม่ให้ อาร์เซน่อล เซตบอลจากแดนกลางไปแดนสุดท้ายได้ถนัด กองกลางแต่ละคนไม่ลังเลที่จะเข้าฟาวล์หรือเบรกเกมแม้สังเวยด้วยใบเหลืองกันทั้งหมด 

ชื่อชั้นตัวผู้เล่นของ อาร์เซน่อล ดีกว่าและได้เล่นในบ้าน แต่กลับไม่สามารถคอนโทรลเกมได้ ไบรท์ตัน ตัดบอลได้หลายครั้ง แถมฉวยโอกาสขึ้นนำก่อนจากการเข้าทางอันยอดเยี่ยมในจังหวะที่แนวรับปืนใหญ่พลาดเปิดพื้นที่จนโดนโจมตีทางแบ็กซ้ายก่อนเป็น เลอันโดร ทรอสซาร์ ได้ยิงโล่งๆ ไร้ตัวประกบ

ชาก้า รับหน้าที่แบ็กซ้ายจำเป็น

ธรรมชาติของบอลที่เป็นฝ่ายตามหลังมักเร่งเกมของตัวเองขึ้น แต่ อาร์เซน่อล ไม่ทำให้เห็นในจุดนี้เลย การเล่นยังคงเอื่อยเฉื่อย ความตื่นตัวน้อยกว่าทีมเยือนชัดเจน

แม้กระทั่งโดนประตูที่สองหลังผ่านไป 20 นาทีของครึ่งหลัง สปีดในการเล่นของ อาร์เซน่อล ก็ยังไม่ได้รวดเร็วมากพอที่จะเอาชนะการไล่บอลของ ไบรท์ตัน 

มีเพียงช่วงสิบนาทีสุดท้ายที่ อาร์เซน่อล เล่นเหมือนทีมที่ต้องการตีไข่แตกให้ได้ โอกาสจะแจ้งจากฟรีคิกชนคานและซ้ำชนคาน รวมไปถึงลูกยิงไกลแฉลบเข้าประตูของ โอเดการ์ด เกิดขึ้นในช่วงนี้

ไบรท์ตัน ไม่ชนะใครมา 7 นัดและยิงได้เพียงประตูเดียว แต่นัดนี้ยิงได้ 2 ประตู และสมควรเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง พวกเขาทำประตูได้เมื่อโอกาสมาถึง ขณะเดียวกันก็ดีกว่าในรายละเอียดอีกหลายจุดซึ่งรวมถึงการไม่เสียประตูตีเสมอในทดเจ็บครึ่งแรก

อาร์เซน่อล พลาดได้ประตูตีเสมอก่อนพักครึ่งหลังจากลูกโหม่งของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ถูกวีเออาร์เช็กว่าล้ำหน้า 

จังหวะนี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกมอีกจุดเพราะหากสกอร์เป็น 1-1 ทีมปืนใหญ่น่าจะเริ่มครึ่งหลังได้แตกต่างจากที่เกิดขึ้น โมเมนตัมและความมั่นใจจะกลับมาอยู่ฝั่งเจ้าบ้านแน่นอน

ไม่มีอะไรเป็นใจให้ อาร์เซน่อล ในเกมนี้ว่าจะเป็นวีเออาร์, คานประตู, โชค และสำคัญสุดคือ แท็กติกการเล่น

อาร์เตต้า เลือกแท็กติกไม่เหมาะโดยเฉพาะตรงกลางที่ ปาร์เตย์ เจ็บไปคนแล้ว เขายังถ่าง ชาก้า ไปเล่นแบ็กซ้ายอีก สุดท้ายก็ต้องปรับให้ บูคาโย่ ซาก้า ไปเล่นวิงแบ็กซ้าย 

ขณะที่หน้าเป้าอย่าง อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ ไม่สามารถเก็บบอลได้ จังหวะ 50-50 ที่ควรแย่งบอลหรือขึ้นโหม่งได้ ก็แพ้เกือบทุกครั้ง แทบไม่มีบทบาทใดๆ ในเกม เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ที่ลงมาเป็นสำรองยังมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากกว่า

ลากาแซ็ตต์ เคยทำได้ดีและมีสถิติแอสซิสต์ในลีกมากกว่าเพื่อนร่วมทีมทุกคน แต่เกมนี้หายไปเลย และมาถึงตอนนี้ก็ไม่สามารถยิงประตูจากจังหวะ "โอเพ่นเพลย์" นานเกินกว่า 20 ชั่วโมงเข้าให้แล้ว

การไม่มีกองหน้าคนใหม่เข้ามาเพิ่มในตลาดหน้าหนาวกลายเป็นคำถามที่ดังขึ้นอีกรอบ เช่นเดียวกับการที่ตัวสำรองที่ไม่สามารถทดแทนตัวหลักที่บาดเจ็บได้ แค่เดี้ยง 1-2 คนก็ส่งผลทันที 

ปืนใหญ่แพ้ 2 นัดติดที่เปลี่ยนสถานการณ์ลุ้นไปแชมเปี้ยนส์ ลีก โดยสิ้นเชิง และด้วยสภาพทีมในตอนนี้ก็มีโอกาสสูงมากที่จะพลาดอีกเพราะผู้เล่นซีเนียร์หลายคนไม่สามารถพึ่งพาได้ 

มาร์ติเนลลี่ ถูกจับล้ำหน้าจึงพลาดประตูตีเสมอ

บูคาโย่ ซาก้า, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, เอมิล สมิธ โรว์ และ มาร์ติน โอเดการ์ด เคยพาทีมเอาตัวรอดได้หลายนัด แต่อย่าลืมว่าพวกเขาอายุยังเพียง 20-23 ปี มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแบกทีมชนะได้ทุกนัด 

ความปราชัยสองนัดติดต่อกันด้วยน้ำมือของทีมที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มหัวแถวทำให้ อาร์เซน่อล ได้เห็นจุดอ่อนของตัวเองมากมาย พวกเขายังขาดคุณภาพอีกมากสำหรับการก้าวไปสู่หัวแถวอีกครั้ง 

ด้วยความอ่อนหัดและเปราะบางที่ซุกซ่อนอยู่ รอเวลาถูกเปิดเผยออกมาแบบที่เกิดขึ้นใน 6 วันหลังสุดนี้ ปืนใหญ่จึงแหกโค้งดื้อๆ ทั้งที่เหมือนว่ากำลังเข้าทางตรงมุ่งหน้าสู่เวทีแชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่แล้วแท้ๆ