:::     :::

จากอัมสเตอร์ดัม สู่แมนเชสเตอร์ : New Projext Start "Erik ten Hag"

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน 2565 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
3,437
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
จากสุขุมวิทไปจนจรัญ อาจจะสั้นไปเมื่อเทียบกับระยะทางที่ "เอริค เทน ฮาก" หัวหน้าแก๊งค์ปีศาจรายใหม่ ใช้เวลาสั่งสมบารมีและเครดิตความสำเร็จต่างๆมาเป็นระยะเวลาอันสมควร และการประกาศแต่งตั้งเขาอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ คืออนาคตครั้งใหม่ที่เราคาดหวังกับมันได้

ในที่สุดการเริ่มต้น "New Project" ก็เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ประกาศว่า ได้ทำการแต่งตั้ง Erik ten Hag เป็นผู้จัดการทีมชุดใหญ่คนต่อไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสัญญาจะเริ่มต้นตั้งแต่สิ้นฤดูกาลนี้ จนกระทั่งถึงเดือนมิถุนายน 2025 และออฟชั่นขยายสัญญาเพิ่มอีก 1 ปี

ว่าที่บอสใหญ่ปีศาจแดงคนใหม่ได้กล่าวถึงการเซ็นสัญญาในครั้งนี้ด้วยการส่งสาส์นถึงทั้งแฟนบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และแฟนบอลของอาแจ็กซ์ ไว้ดังนี้ว่า

"มันเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และผมตื่นเต้นกับความท้าทายข้างหน้าเป็นอย่างมาก ผมรู้ถึงประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของสโมสรแห่งนี้ รวมถึงความคลั่งไคล้ของแฟนบอลที่นี่ด้วย ผมอยากจะพัฒนาทีมเพื่อนำความสำเร็จมาให้กับแฟนบอลอย่างที่พวกเขาควรจะได้รับ"

"มันเป็นเรื่องที่ยากในการต้องลาจากอาแจ็กซ์หลังจากหลายปีที่น่ามหัศจรรย์ที่นี่ และผมอยากจะขอให้แฟนบอลอาแจ็กซ์ทุกคนมั่นใจว่าผมจะมุ่งมั่นทุ่มเทอย่างเต็มที่เหมือนเดิมในการพาทีมไปสู่บทสรุปแห่งความสำเร็จในฤดูกาลนี้ก่อนที่ผมจะย้ายไปอยู่กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด"

ส่วนผู้อำนวยการฟุตบอลอย่าง John Murtough กล่าวต้อนรับเอริคเอาไว้ดังนี้ว่า

"ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา เอริคพิสูจน์ตัวเองมาแล้วว่าเขาคือหนึ่งในโค้ชที่น่าตื่นตาตื่นใจและประสบความสำเร็จกับฟุตบอลยุโรป จากชื่อเสียงในการทำทีมที่น่าดูชม การเล่นบอลบุก รวมถึงให้ความสำคัญกับนักเตะอายุน้อย เราได้พูดคุยกันกับเอริคจนกระทั่งสามารถบรรลุข้อตกลงแต่งตั้งในครั้งนี้ได้สำเร็จ และเราประทับใจวิสัยทัศน์ในระยะยาวของเขาเป็นอย่างมากที่จะพัฒนาเปลี่ยนโฉมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไปสู่อีกระดับหนึ่งที่พวกเขาต้องการจะไปให้ถึง ด้วยแรงขับและความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมที่จะทำสิ่งเหล่านั้นสำเร็จให้ได้"

"เราขออวยพรให้เอริคโชคดีกับการมุ่งมั่นพาอาแจ็กซ์สู่การประสบความสำเร็จในซีซั่นนี้ และเราจะรอต้อนรับเขามาสู่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดด้วยกันในซัมเมอร์ที่กำลังจะมา"

นั่นคือคำกล่าวต้อนรับ และคำพูดครั้งแรกของเอริคที่ส่งข้อความสู่สาวกเร้ดเดวิลส์ทั่วโลก ซึ่งหลังจากจบฤดูกาล 2021/22 นายใหญ่ดัตช์แมนวัย 52 ปีรายนี้จะมากุมบังเหียนที่โอลด์แทรฟฟอร์ดทันที ภายใต้อนาคตที่จะมีทิศทางที่ดีกว่าเดิม ด้วยการทำทีมของโค้ชที่น่าตื่นเต้นที่สุดคนหนึ่งในยุคใหม่นี้

เรื่องพัฒนาการของเทน ฮาก ที่ค่อยๆสั่งสมชื่อเสียงมาเรื่อยๆตลอดการทำงานของเขานั้น สะท้อนถึงการพัฒนามาตามขั้นตอนเป็นลำดับๆ มากกว่าที่จะโด่งดังเป็นพลุขึ้นมาเปรี้ยงเดียว

เทน ฮาก สมัยเป็นนักเตะเขาคือกองหลังตัวกลางที่มีสกิลการเล่นกับบอลในยุคนั้น โดยเส้นทางอาชีพของเขาหลักๆคือการเป็นนักเตะของ FC Twente และเขาก็เคยคว้าแชมป์ดัตช์คัพ (KNVB Cup) มาเมื่อปี 2001

พูดง่ายๆว่าตอนที่นายใหญ่คนนี้ค้าแข้งอยู่ แฟนผีหลายๆคนก็เกิดมาทันดูบอล และรู้จัก Twente กันอยู่แล้ว ซึ่งเทนฮากเป็นนักเตะในยุคนั้นนั่นเอง

หลังจากที่แขวนสตั๊ดแล้ว เขาก็เริ่มต้นในการเป็นโค้ชทันที โดยเริ่มต้นจากถิ่นที่คุ้นเคยที่เอฟซีทเวนเต้ก่อน ซึ่งในตอนนั้น อดีตเบอร์สองมือขวาป๋าที่ปีศาจแดงอย่าง "Steve McClaren" กำลังคุมทีมอยู่ขณะนั้นในปี 2008 และเอริคก็ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมของบิ๊กแม็ค และทำงานได้อย่างน่าประทับใจอย่างมาก

"ผมคิดว่าผมก็ทำงานอย่างหนักแล้วนะ จนกระทั่งมาเจอกับเอริคเนี่ยแหละ" แม็คคลาเรนได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้กับ The Daily Telegraph เมื่อเร็วๆนี้ ในบริบทการพูดถึงสมัยที่เขาคุมทีมและพาทเวนเต้คว้าแชมป์ดัตช์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์

"จุดแข็งของเขาไม่ได้มีเพียงแต่การให้ความสำคัญกับรายละเอียด และเรื่องการจัดระเบียบสิ่งต่างๆเท่านั้น เขายังมีปรัชญาการเล่นที่ชัดเจนมากๆว่าเขาต้องการจะให้ทีมเล่นฟุตบอลกันแบบไหน สิ่งแวดล้อมทีมที่เขาต้องการจะจัดให้เกิดขึ้น รวมถึงโปรแกรมพัฒนาฝีเท้านักเตะก็เป็นกุญแจสำคัญในการทำทีมสมัยอยู่ทเวนเต้ในตอนนั้น"

หลังจากนั้นเทน ฮาก ก็เดินทางยกระดับตัวเองขึ้นไปในอาชีพอีกหนึ่งขั้น ด้วยการรับหน้าที่ผู้ช่วยผู้จัดการทีมที่ PSV Eindhoven เป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะขึ้นสู่ระดับบริหารอย่างเต็มตัวด้วยการเริ่มต้นคุมทีม Go Ahead Eagles ทีมระดับสองของดัตช์ ก่อนที่จะพาทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ

หลังจากนั้น เขาก็ได้อัพเกรดการทำงานไปคนละระดับชั้นอย่างรวดเร็ว กับโอกาสการได้ไปคุมทีม Bayern Munich II ทีมสำรองของโคตรยักษ์ใหญ่อย่าง "เสือใต้" บาเยิร์นมิวนิค

และนั่นคือที่ที่เขาได้พบเจอและทำงานร่วมกับโคตรคนอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นั่นเอง

เทน ฮาก เรียนรู้การทำงานอยู่ที่นั่นเป็นระยะเวลาสองปีเต็ม ก่อนที่จะกลับสู่ลีกภูมิลำเนาบ้านเกิดอย่างเอเรดิวิซี่อีกครั้ง โดยไปชุบชีวิตทีมรองๆอย่าง FC Utrecht ขึ้นมาจนพาพวกเขาได้ไปเล่นบอลยุโรปในถ้วยยูโรปาลีกได้สำเร็จ

เป็นจังหวะเดียวกันกับที่อาแจ็กซ์นั้นแยกทางกับมาร์เซล ไกเซอร์ ในช่วงเดือนธันวาคมปี 2017 พอดี ซึ่งเอริคได้รับความสนใจ และมีการทำงานที่น่าประทับใจมาก จนทำให้ยักษ์ของฮอลแลนด์รายนี้เข้าไปทาบทาม และแต่งตั้งเขาขึ้นดำรงตำแหน่ง

การตัดสินใจดังกล่าวของอาแจ็กซ์ และ เทน ฮาก ก็ได้รับการยืนยันแล้วอย่างที่เราเห็นว่า มันเป็นสิ่งที่น่าทึ่งจริงๆหลังจากนั้นมาอีกเป็นเวลา 5 ปี

"อาแจ็กซ์ของเขาเป็นทีมที่ดูสนุกมาก" ด้วยเกมครองบอล, เน้นเกมรุก และเล่นกันอย่างไม่ลดละในสนาม ทีมของเทนฮากนั้นเป็นที่จับตามองอย่างรวดเร็วปีแล้วปีเล่าในช่วงที่ผ่านๆมา กับดาวรุ่งพรสวรรค์ที่ถือกำเนิดขึ้นอย่างมากจากระบบเยาวชนของสโมสรแห่งนี้ และย้ายออกไปสู่ที่สโมสรอื่นๆ

ปัจจุบันอาแจ็กซ์ยังคงนำพีเอสวีเป็นจ่าฝูงในตารางของเอเรดิวิซี่ และพุ่งสู่การคว้าแชมป์สมัยที่สามจากสี่ฤดูกาล ภายใต้การคุมทีมในยุคของเทน ฮาก

กับสถิติที่อาแจ็กซ์ยิงประตูเฉลี่ยในลีก ตกแล้วเกือบสามลูกต่อเกม

"เป็นอะไรที่เข้าใจได้ยากมากเลย มันเลวร้ายจริงๆ"เทนฮากเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับมุมมองต่อเรื่องที่ VDB ไม่ได้ลงสนามที่นี่เอาไว้

ในฟุตบอลยุโรป อาแจ็กซ์ของเทน ฮาก ก็สร้างสีสันอย่างมากบนเวทีใหญ่ กับขวบปีแรกที่เขาคุมทีมก็พานักเตะหนุ่มๆอายุน้อยของอาแจ็กซ์ ตะลุยเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศได้อย่างน่าทึ่งมากๆ ซึ่งสเตจนั้นก็มีทีมระดับโคตรยักษ์อย่างเรอัล มาดริด และ ยูเว่ ในตอนนั้นที่เข้าไปได้ ส่วนทีมของเขานั้นตกรอบในวินาทีสุดท้ายจากประตูทีมเยือนที่โดนท็อตแน่มยิงบนถิ่นอัมสเตอร์ดัม ทำให้อาแจ็กซ์เข้าสู่รอบชิงฟุตบอลยุโรปไม่สำเร็จ นับจากครั้งสุดท้ายในปี 1996

ส่วนซีซั่นนี้เขาก็โชว์ผลงานในรอบแบ่งกลุ่มได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดจากการชนะ 6 เกมรวดในแชมเปี้ยนส์ลีก ซัดไปทั้งหมด 20 ประตู ซึ่งในจำนวนนั้นมีการเอาชนะโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แบบไป-กลับเน้นๆด้วย ก่อนที่พวกเขาจะพ่ายช็อคให้กับเบนฟิก้าในรอบ 16 ทีมสุดท้ายในที่สุด อาแจ็กซ์จึงต้องโฟกัสกับถ้วยภายในประเทศแทน และเพิ่งจะแพ้ในนัดชิงต่อ PSV Eindhoven ถ้วยดัตช์คัพเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ กับถ้วยที่เขาเคยคว้ากับ FC Twente สำเร็จสมัยเป็นนักฟุตบอลนั่นเอง

และจากนั้นก็อย่างที่เราทราบ ก้าวต่อไปของเขาได้รับการยืนยันแล้วว่า "จากอัมสเตอร์ดัม สู่แมนเชสเตอร์" ที่นี่คือเป้าหมายสถานีใหญ่ต่อไปของเขา หลังจากที่คว้าถ้วยมาประดับบารมีมากมายที่ถิ่นโยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า

กุญแจแห่งความสำเร็จของเทน ฮาก ณ ที่แห่งนั้น ก็ดึงดูดใจในการพาเขามาคุมปีศาจแดง จากวิสัยทัศน์ที่แสดงออกมา ไม่ว่าจะเป็นการเล่นที่ดุดัน น่าประทับใจ ระบบการเล่นที่ยืดหยุ่น แต่ขณะเดียวกันก็เป็นฟุตบอลที่เต็มไปด้วยจินตนาการ และการเล่นที่ทุ่มเทหัวใจลงไปด้วย

วิสัยทัศน์ที่ว่านั้นจำเป็นต้องมีรากฐานที่มั่นคง ซึ่งการไปถึงจุดดังกล่าวจะใช้ความอดทน และ มีศรัทธาที่เชื่อมั่นอย่างมาก แต่อย่างน้อยที่สุด การแต่งตั้ง Erik ten Hag ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี่ของอนาคตที่สดใส ที่จะกลับมาสู่โอลด์แทรฟฟอร์ดแล้ว

ทุกสิ่งที่เทน ฮาก ทำมา จากประวัติและเส้นทางทั้งหมดที่เขาแสดงให้เห็นมาตลอดอาชีพการเป็นโค้ช มีทั้งตัวตนที่มั่นคง ระบบระเบียบการทำงาน เครดิตในฟุตบอลระดับสูงของยุโรป รวมถึงความมุ่งมั่นทุ่มเทที่จะสร้างทีมในระยะยาวกับสถานที่ที่ใช่ เหมือนอย่างที่เราได้เห็น 5 ปีที่ยอดเยี่ยมและประสบความสำเร็จอย่างมากที่อาแจ็กซ์แล้ว และเชื่อว่าทางนั้นก็คงจะเสียดายไม่ต่างกันที่ต้องปล่อยบุคลากรที่มีคุณภาพเช่นนี้ออกจากสโมสร

สำหรับแฟนบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแล้วนั้น เราเข้าใจว่าผ่านความเลวร้าย ผ่านยุคดำมืด ท่ามกลางความสิ้นหวังของฤดูกาลนี้ที่ผิดพลาดและระดับการเล่นตกต่ำลงไปอย่างมาก แม้กระทั่งทีมระดับท้ายตาราง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดก็ยังต้องลำบากในการที่กว่าจะเก็บคะแนนจากทีมเหล่านั้นได้

แต่การตกต่ำของทีมก็ไม่ใช่เหตุผลที่เราจะมองทุกอย่างให้เป็นแง่ร้ายไปซะทุกเรื่อง

แม้กระทั่งการแต่งตั้งเอริค เทน ฮาก ขึ้นมา ก็ยังมีเสียงก่นด่าทีมอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งก็ต้องเข้าใจสภาพของทีมในทุกวันนี้ มันคือสภาวะ "ไม่ปกติ" ที่เกิดขึ้นกับเรา เพราะถึงขนาดว่าทีมเล็กทีมน้อยเราก็ยังต้องมีปัญหาในการลงเผชิญหน้ากับพวกเขา แปลว่ามันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้วกับสภาพที่เกิดขึ้น

ยกตัวอย่างง่ายๆ การโดนทีมระดับนอริช ซิตี้ กระซวกไปสองลูก นั่นคือสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น ในขณะที่ทั้งทีมต้องมอบความหวังเอาไว้ที่ชายวัย 37 ปีคนเดียวอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในการรับภาระแบกการยิงประตูอยู่คนเดียวอย่างที่เห็น

ถ้าแฟนบอลเข้าใจ ยอมรับสภาพ และ "รู้จักตัวเอง" เราจะทำใจได้กับสิ่งนี้ ซึ่งธรรมชาติของทุกสิ่งบนโลกนี้เป็นเรื่องธรรมดามากๆ กับการตั้งอยู่และดับไป ความสำเร็จต่างๆก็เช่นกันที่มันไม่จีรัง

ทุกๆอย่างเกิดขึ้นได้บนโลกนี้ ไม่เว้นแม้กระทั่งแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด สโมสรที่เคยเกรียงไกรมาอย่างมากในช่วงยุคของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตลอด 26 ปีภายใต้การทำทีมของเขา

การแต่งตั้งโค้ชใหม่ไฟแรง ที่ได้รับเครดิตอย่างมากในการทำทีม นั่นก็สะท้อนทิศทางที่ถูกต้องของสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอยู่แล้ว ในการเลือกตัวเลือกที่น่าจะใช่ และมีปัจจัยต่างๆที่เหมาะสมกับปีศาจแดงอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของตัวตนที่เราต้องการเล่นเกมบุกด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเท และเปี่ยมไปด้วย "พลังงาน" ซึ่งเราขาดหายมาหลายปีแล้ว

รวมถึงการให้ความสำคัญกับระบบเยาวชน และมีฝีมือชัดเจนในการปั้นนักเตะมีแวว ให้ขึ้นมาประสบความสำเร็จได้

ไม่มีประเด็นไหนเลยสำหรับการแต่งตั้งเอริค เทน ฮาก เป็นเรื่องที่ไม่ดี

แฟนผีมีสิทธิ์ที่จะสามารถ "คาดหวังได้" กับทิศทางของโปรเจ็คใหม่สโมสร ภายใต้การดูแลของเทนฮากที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่จบซีซั่นนี้เป็นต้นไป โดยเริ่มจากตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์นี้เป็นที่แรก

การเดินเกมเร็วของสโมสรในครั้งนี้ที่ประกาศแต่งตั้งเทนฮาก กันแบบ Official อย่างรวดเร็วทั้งๆที่ยังไม่จบฤดูกาล เป็นการเดินหน้าต่อด้วยความชัดเจนแล้วว่า เราจะไปในทิศทางไหน พร้อมด้วยทีมงานเบื้องต้นที่รู้ใจกันดีที่เขาตั้งใจติดสอยห้อยตามมาช่วยเอริคด้วย กับแพ็คเกจเหมาเหมาที่ทางแมนยูไนเต็ดจ่ายค่าธรรมเนียมฉีกสัญญาในการดึงตัว ทั้ง Erik ten Hag และมือขวาของเขาอย่าง Mitchell van der Gaag มาพร้อมกันในทีเดียว

โดยที่ค่าฉีกในครั้งนี้ของ เทน ฮาก และ มิทเชล ฟาน เดอ ค๊าก เป็นเงินราวๆ 2.5 ล้านปอนด์ ตามข่าวที่รายงานออกมา ซึ่งไม่ใช่จำนวนเงินที่มากมายอะไรเลย แลกกับที่อาแจ็กซ์ต้องเสียคนเก่งๆออกจากสโมสรไปถึงสองคน และทางนั้นก็ต้องเริ่มต้นใหม่เช่นกัน

สิ่งที่หลายๆคนต้องการ อย่างการเริ่มงานตั้งแต่ซีซั่นนี้ยังไม่จบ ดูเหมือนจะเริ่มเกิดขึ้นแล้วจริงๆ ด้วยการซัพพอร์ตอีกแรงของผู้จัดการทีมที่เข้ามาช่วยคุมทีมชั่วคราวไปอย่าง "ราล์ฟ รังนิค" ที่ดูแลและมีส่วนในการแต่งตั้ง เอริค เทน ฮาก ในครั้งนี้ด้วยมุมมองของผู้พัฒนารากฐานสโมสรจากฝ่ายบริหาร ในฐานะที่เขาจะขึ้นเป็นที่ปรึกษาพิเศษให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดต่อไป หลังจากจบซีซั่นนี้

บุคลากรระดับเทพทั้งสองคน ไม่ว่าจะเทนฮาก หรือ รังนิค คือคำตอบที่ชัดเจนแล้วว่า สโมสรจะเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง และมีความหวังเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

ความเป็นจริงในฤดูกาลนี้ เหลืออีก 5 นัด แม้ว่าเราจะยังต้องเชียร์กันต่อไปให้สุดทาง แต่ก็ต้องยอมรับความเป็นจริงกันด้วย จากแนวโน้มที่เกิดขึ้นว่า แมนยูไนเต็ดชุด 2021/22 ชุดนี้ คงไม่สามารถแก้ไขการเล่นให้ดีไปกว่านี้ได้อีกแล้ว จากปัจจัยหลายๆอย่างที่ประกอบกัน ไม่ได้มีเพียงแค่นักเตะอย่างเดียว มันยังรวมถึงเรื่องการฝึกซ้อม ทีมโค้ช และทุกๆอย่างประกอบกันด้วย

(เพราะถ้าจะโทษแต่นักเตะอย่างเดียว คำถามก็คือ แล้วใครที่ยังคงส่งแฮรี่ แมกไกวร์ หรือ แรชฟอร์ด ลงไปเล่นในลักษณะนั้นอยู่ โดยที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ส่วนตรงนี้ ราล์ฟเองก็ต้องรับผิดชอบด้วยเล็กๆเหมือนกัน เพราะมันสามารถใช้ผู้เล่นคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นโจนส์ หรือ ไบญี่ เป็นต้น)

5 เกมที่เหลือ ขออนุญาตทำนายไว้ตรงนี้เลยว่า แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คงจะไม่มีทางจบท็อปโฟร์แน่ๆแล้ว

แต่..

นั่นไม่ใช่เหตุผลให้แฟนบอลจะไม่เชียร์ทีม และหาเรื่องด่าเหยียบย่ำซ้ำเติมทีมกันอย่างเสียๆหายๆไปความสะใจ หรือประชดประชันชีวิตการดูบอลขนาดนั้น

ช่วงเวลาเลวร้ายนี่แหละ ที่จะเป็นตัววัดกันว่า "คุณเป็นแฟนบอลประเภทไหน" ผ่านคำพูด ผ่านการกระทำของตัวคุณเอง ไม่มีใครไปบังคับหรือห้ามได้

และเมื่อถึงเวลาที่ห้วงเวลาเลวร้ายนี้ผ่านไป แฟนบอลที่อยู่กับมัน และก้าวข้ามผ่านมันไปได้ จะภูมิใจอย่างมาก เมื่อสักวันหนึ่ง เอริค เทน ฮาก นำความสำเร็จมาให้เรา ในอนาคตระยะ 3-5 ปีข้างหน้านี้ โดยที่อาจจะต้องใช้เวลาในการเคลียร์ปัญหาของทีมช่วง 2-3 ปีแรก

ที่สำคัญที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง นอกจากจะต้องอดทนและใช้เวลากับการสร้างทีมแล้ว แฟนบอลจะต้อง "ให้โอกาสเทนฮากในการได้พัฒนาและเติบโตไปพร้อมๆกับทีม" อีกด้วย กับประเด็นที่หลายๆคนกังวลเรื่องที่เขาไม่เคยรับงานใหญ่ขนาดนี้มาก่อน

ก็เพราะเป็นเช่นนั้นนั่นแหละครับ เราถึงต้องให้โอกาสเขาได้เติบโตไปพร้อมกับทีม คล้ายกับตอนที่ให้โอกาสโซลชาได้พัฒนาขึ้นมาในฐานะผู้จัดการทีม เพราะนอกจากจะต้องรอทีมพัฒนาแล้ว เราก็ต้องมอบความเข้าใจและรอคอยให้เทนฮาก เก่งขึ้นไปยิ่งกว่านี้ในการดูแลทีมใหญ่ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาจะได้มีโอกาสเป็นสุดยอดผู้จัดการทีมระดับแนวหน้าของโลกอย่างแท้จริงให้ได้ในอนาคต

ไม่มีเหตุผลอะไรให้เราไม่ดีใจ หรือต้องเผื่อใจในครั้งนี้

ยินดีต้อนรับ Erik ten Hag

#BELIEVE

-ศาลาผี-

*อนึ่ง การคุมทีมนัดแรกของเอริค คือ "The Match : Bangkok Century Cup 2022" เกมแดงเดือด ณ สยามประเทศ ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2565 ที่สนารัชมังคลากีฬาสถาน แฟนบอลชาวไทยจะเป็นที่แรกบนโลกที่ได้เห็น ETH ยืนอยู่ข้างสนามและดูแลทีมเลือดใหม่ของเราที่กำลังจะสร้างขึ้นในอนาคตอ้ันใกล้นี้

References

https://www.manutd.com/en/news/detail/erik-ten-hag-appointed-as-man-utd-manager-official-statement

https://www.manutd.com/en/news/detail/the-evolution-of-erik-ten-hag

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด