:::     :::

เกิดอะไรขึ้นกับ เคอร์ลอน 'ตำนานเด็กเทพFM'

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน 2565 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
1,196
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ดาวเตะชาวบราซิเลี่ยนผู้นี้อาจไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการลูกหนัง และก็มีแฟนบอลเพียงน้อยนิดที่จะจดจำสโมสรของเขา, ประตูของเขา และชื่อของเขาได้ แต่ถ้าคุณเป็นคอเกม Football Manager โดยเฉพาะของปี 2005 ถึง 2007 แล้ว แน่นอนว่าคุณอาจต้องมีเขาในทีม

เคอร์ลอน ถือเป็นตำนานของเกมอย่างแท้จริง

แม้ในชีวิตจริงจะแทบไม่มีใครเลยที่จดจำถึงสโมสรของเขา, ประตูของเขา หรือแม้แต่ชื่อของเขา

ทว่าด้วยทักษะเฉพาะตัวอันโดดเด่นยังคงเป็นสัญลักษณ์ แม้กระทั่ง 15 ปีต่อมา แฟนบอลที่ยังพอจำได้ก็จะมองไปยังการเลี้ยงบอลอันน่าตื่นตาตื่นใจมากกว่าชื่อเขา

มันไม่เลวเลยสำหรับผู้เล่นที่ต้องหันหลังให้ฟุตบอลอาชีพก่อนอายุ 30 ปี และเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการบาดเจ็บพอๆ กับจำนวนประตูที่เขาทำได้กับทีมชุดใหญ่

เคอร์ลอน ดึงดูดความสนใจจากทั่วโลกเป็นครั้งแรกด้วยการทำ 8 ประตู จาก 7 เกมให้ทีมชาติบราซิลในรายการยู-17 ชิงแชมป์อเมริกาใต้ เมื่อปี 2005 จนพาบ้านเกิดไปถึงตำแหน่งแชมป์

เขาสร้างชื่อร่วมกับ อันแดร์สัน ซึ่งอนาคตได้ย้ายไปเล่นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ทำไป 5 ประตูในการแข่งขันที่เวเนซุเอลา ในขณะที่ มาร์เซโล่ ตำนาน เรอัล มาดริด ในปัจจุบันคือแบ็กซ้ายของทีมชุดนั้น

มันเป็นเวทีที่ทำให้ทั่วโลกได้รู้จักเขาจากทักษะอันสุดเหลือเชื่อที่แสดงออกมา

เทคนิกเฉพาะตัวที่โด่งดังที่สุดของเขาก็คือการเลี้ยงบอลท่าแมวน้ำ (drible da foquinha) ซึ่งผู้เล่นจะใช้หน้าผากคอนโทรลบอลขณะกำลังวิ่ง

หนึ่งในทักษะอันฉูดฉาดมากที่สุดนั้นทำให้ เคอร์ลอน กลายเป็นเปาหมายของเหล่าคู่แข่งขาโหด โดยคลิปส่วนใหญ่ของทักษะที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเขาจบลงด้วยการที่ เคอร์ลอน ถูกทำฟาวล์จากนักเตะฝ่ายตรงข้าม

ชื่อเสียงที่ดังไปทั่วโลกของเขามาจากวิดีโอ ซึ่งมีผู้คนนับล้านแห่ดูผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ในสมัยที่ยังโหลดช้ามาก

เคอร์ลอน เป็นหนึ่งในนักฟุตบอล YouTube กลุ่มแรกๆ สำหรับวิดีโอที่รวบรวมทักษะของเหล่าผู้เล่น

เขาได้ประเดิมทีมชุดใหญ่ของ ครูเซโร่ หลังพา บราซิล ชุดยู-17 คว้าแชมป์ระดับทวีป พร้อมกับการถูกยกไปเปรียบเทียบกับ โรนัลดินโญ่ โดยเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุกที่มีความสามารถตระการตา

แน่นอน มันทำให้เขาย้ายมาลุยฟุตบอลยุโรปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในปี 2008 กระนั้นมันก็เป็นข้อตกลงที่ค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งจะเห็นว่าสองสโมสรเซเรีย อา อย่าง อินเตอร์ มิลาน และ คิเอโว่ เป็นเจ้าของ เคอร์ลอน ร่วมกัน มันก็เนื่องมาจากปัญหาของจำนวนผู้เล่นนอกสหภาพยุโรปที่มีอยู่ในทีม งูใหญ่ นั่นเอง

แต่ทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นดังหวัง

เขาเริ่มที่จะได้รับบาดเจ็บหัวเข่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งทำให้การเล่นในยุโรปของเขาต้องสะดุด กับฤดูกาลประเดิมเซเรีย อา ของเขาให้ คิเอโว ในปี 2008-09 เคอร์ลอน ได้ลงสนามแค่ 4 เกมเท่านั้น

เขาใช้เวลา 3 ปี ในฐานะผู้เล่น อินเตอร์ อย่างเป็นทางการ ช่วงปี 2009 ถึง 2012 แต่ก็ไม่เคยลงเล่นในเซเรีย อา ให้กับ งูใหญ่ เลย มันเป็นความจริงที่เห็นได้ชัดนับตั้งแต่วันแรกของเขากับที่นั่น

โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาเป็นเทรนเนอร์แทน โรแบร์โต้ มันชินี่ ในซัมเมอร์ ปี 2009 และนั่นคือจุดจบระหว่าง เคอร์ลอน กับ อินเตอร์

เขาบอกกับ โฟร์โฟร์ทู ในปี 2019 ว่า "มูรินโญ่ โทรหาผม และบอกว่าเขาต้องการคุยกับผมเป็นการส่วนตัว เขาถามผมว่าผมพูดภาษาอิตาลีได้ไหม และผมก็ตอบไปว่า 'ได้ แต่ถ้าคุณต้องการ เราสามารถพูดภาษาโปรตุกีสกันก็ได้' หลังจากทั้งหมดนั้น มันก็เป็นการคุยกันด้วยภาษาแม่ของเรา"

"เราอยู่ในอิตาลี ดังนั้นเราจะพูดภาษาอิตาลีกัน' เขาตอบกลับมา และจากนั้นก็บอกกับผมว่าผมไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของเขา"

"เขาบอกว่าผมสามารถอยู่ซ้อมได้ถ้าผมต้องการ เนื่องจากผมยังอยู่ในสัญญา"

หลังถูกปล่อยให้ อาแจ็กซ์ ยืมตัว ซึ่งเขาได้รับการบอกกล่าวจากสโมสรดัตช์ว่าเขาอาจจะต้องไปเล่นกับทีมสำรอง ก่อนที่เขาจะโดนปัญหาอาการบาดเจ็บหัวเข่าเล่นงานอีกครั้ง จากนั้นก็ใช้เวลา 2 ปี ถูกส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับทีมลีกล่างในบราซิล

อย่างไรก็ตาม ด้วยอาการบาดเจ็บ และการแบกชื่อเสียงที่ทำให้เขาเกิดความกดดัน อินเตอร์ ก็ปล่อยตัวเขาออกจากทีมในปี 2012

นั่นคือจุดเริ่มต้นของเส้นทางการใช้ชีวิตแบบเร่ร่อน โดย เคอร์ลอน เดินทางไปเล่นที่ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา, มอลตา, บราซิล และสโลวาเกีย แต่ก็ได้เล่นบ้างไม่ได้เล่นบ้างเนื่องจากปัญหาเรื่องความฟิต ก่อนจะตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 2017 ด้วยวัยเพียง 29 ปี

นั่นคือจุดสิ้นสุดบนสายลูกหนังในชีวิตจริงของ 'เทพ FM'

รวมแล้ว เคอร์ลอน ต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการบาดเจ็บถึง 8 ครั้ง ซึ่ง 6 ครั้งในนั้นเกิดขึ้นที่หัวเข่า

กว่าทศวรรษที่เขาโดนบรรดากองหลังทำฟาวล์หนักๆ ใส่ ซึ่งทำให้ไม่มีเวลาที่จะแสดงอะไรออกมาได้เลย มันส่งผลให้ชายร่างเล็กที่สูงเพียง 5 ฟุต 6 นิ้วต้องเสียตัวตนไป

มันจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยที่เขาจะตัดสินใจรีไทร์

"ผมได้รับบาดเจ็บบ่อยเกินไป และนานเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสโมสรสุดท้ายของผมที่สโลวาเกีย ผมไม่มีความสุขอีกแล้ว" เคอร์ลอน กล่าวหลังแขวนสตั๊ดได้ 5 เดือน

"ทุกๆ 3 ครั้งที่ผมสปีด ผมรู้สึกถึงอาการที่เอ็นหลังหัวเข่า ความเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อผมกลับถึงบ้านหลังการซ้อมหรือการแข่งขัน ผมมักจะมองหากำลังใจจากภรรยาในทันที ผมปวดขามาก"

"ผมกินยาบ่อยมาก แต่ร่างกายบอกผมว่า 'เคอร์ลอน ผมไม่อยากเล่นอีกแล้ว' ผมไม่มีความสุขอีกแล้ว ตอนนี้ผมได้พบกับความสุขอีกครั้ง"

เคอร์ลอน กับครอบครัวของเขาย้ายไปยังอเมริกา ซึ่งปัจจุบันเขาทำงานเป็นโค้ชทีมฟุตบอล พร้อมกับรูปถ่ายลูกๆ ของเขา และเด็กๆ ที่เขาฝึกสอนในอินสตาแกรม

คลิปในนั้นยังแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ละทิ้งทักษะดังกล่าวที่ทำให้เขาเป็นกระแสไวรัลเลย

เคอร์ลอน อาจไปไม่ถึงสิ่งที่หลายคนที่ได้เห็นคลิป YouTube นั้นคาดหวังไว้ แต่เขาก็ยังถือเป็นบุคคลที่อยู่ในความทรงจำของโลกลูกหนังศตวรรษที่ 21

และนี่ก็เป็นอีกตัวอย่างที่ชีวิตจริงกับในเกมแตกต่างกันยิ่งกว่าฟ้ากับเหว


พาสต้า



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด