เมื่อ โรนัลโด้ ทำตัวใหญ่กว่าทีม
การที่ยังไม่มารายงานตัวกับสโมสรรวมถึงไม่ร่วมทีมทัวร์ปรี-ซีซั่นที่ประเทศไทยและออสเตรเลียเหมือนเป็นตัวตอกย้ำข่าวดังกล่าวว่าน่าจะเป็นความจริง แม้ว่าเจ้าตัวจะให้เหตุผลเรื่องของครอบครัวก็ตาม
ด้วยสัญญาที่เหลือกับทีมอีก 12 เดือน อันที่จริงทาง "ปีศาจแดง" เองก็ไม่ได้เดือดร้อนที่จะต้องขายออกไปต่อให้ต้องเสียฟรีในปีหน้าก็เถอะ แต่อย่างว่าบางครั้งนักเตะไม่มีใจปล่อยไปดีกว่า
แต่เรื่องนี้มีความซับซ้อนอยู่ไม่น้อย ทั้งเรื่องสปอนเซอร์หลักของสโมสรที่กดดันทีมให้รั้ง โรนัลโด้ อยู่ต่อไปให้ได้ ไหนจะช่วงเวลาของการแจ้งย้ายทีมหลังจากที่เพิ่งได้โบนัสก้อนโต 6 หลักไปตามเงื่อนไขว่าจะได้หากอยู่กับทีมเข้าสู่ปีที่สอง
จะได้ย้ายทีมรึเปล่าก็ไม่รู้ แล้วถ้าย้ายเป้าหมายต่อไปจะเป็นไปไหนไม่รู้ แต่วันนี้ไปดูช่วงเวลาที่ โรนัลโด้ ทำตัวยิ่งใหญ่กว่าทีมที่ตัวเองลงเล่นให้
ไม่พอใจ ราล์ฟ รังนิก
ถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาเกมที่ทีมบุกไปเยือน เบรนท์ฟอร์ด ที่สนาม เบรนท์ฟอร์ด คอมมูนิตี้ สเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 19 มกราคม
เกมดังกล่าวจบลงด้วยชัยชนะของ "ปีศาจแดง" 3-1 แต่ทาง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ไม่มีประตูหรือแอสซิสต์โดนเปลี่ยนตัวออกจากสนามในนาที่ 71 ของเกม ในขณะที่ทีมนำอยู่ 2-0
ในจังหวะที่ โรนัลโด้ เดินออกจากสนามเจ้าตัวแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน แถมยังโยนเสื้อวอร์มที่ทางทีมสตาฟฟ์มอบให้ด้วย
แน่นอนว่า รังนิก ไม่ได้ปล่อยผ่านพยายามเข้าไปอธิบายถึงเหตุผลที่ต้องเปลี่ยนตัวเอง แต่พฤติกรรมของ โรนัลโด้ ก็กลายเป็นที่พูดถึงไปเรียบร้อย
บทบาทผู้จัดการทีมชาติโปรตุเกส
ศึกยูโร 2016 ทัพ "ฝอยทอง" ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการคว้าแชมป์มาครอง ถือเป็นการคว้าแชมป์รายการเมเจอร์ครั้งแรกของชาติเลย
ทุกคนคงจำกันได้ โรนัลโด้ โดน ดิมิทรี ปาเยต เข้าสกัดจนเจ็บเข่าสุดท้ายเล่นต่อไม่ไหวโดนเปลี่ยนตัวออกจากสนามตั้งแต่ครึ่งทางของครึ่งแรกพร้อมน้ำตา
ปกติมี โรนัลโด้ อยู่ก็ถูกมองเป็นรองอยู่แล้ว เมื่อไม่มีก็ยิ่งไปกันใหญ่ ทีมเล่นแบบรัดกุมเต็มที่ยื้อไปถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่ก็เกิดเรื่องไม่น่าเชื่อเมื่อ เอแดร์ พังตาข่ายให้ทีมขึ้นนำในนาทีที่ 109
ช่วงเวลาที่เหลือเราเลยได้เห็นภาพ โรนัลโด้ ที่แม้พันผ้าที่หัวเข่าเดินจะแทบไม่ไหวมาสั่งการข้างสนามยิ่งกว่า แฟร์นานโด ซานโต๊ส ผู้เป็นโค้ชซะอีก แต่เมื่อได้แชมป์อะไรมันก็ดูสวยงามไปหมด
ย้ายไป ยูเวนตุส
เมื่อ โรนัลโด้ ตัดสินใจที่จะออกจาก เรอัล มาดริด หลังจากอยู่กับทีมมานาน 9 ปี แน่นอนว่า ยูเวนตุส เป็นจุดหมายที่เขาต้องการด้วยความปรารถนาที่จะค้าแข้งในอิตาลี
ค่าตัว 88 ล้านปอนด์ถือเป็นราคาที่สูงที่สุดเป็นสถิติของ "ม้าลาย" เมื่อปี 2018 ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าที่สโมสรเป็รเหมือนกับ "ครอบครัว" มากกว่า ซึ่งสร้างความขุ่นเคืองให้กับเพื่อนเก่าอย่าง เซร์คิโอ รามอส ด้วย
กองหลังชาวสเปนตอบโต้ความคิดของ โรนัลโด้ ว่า "ไม่มีนักเตะคนไหนใหญ่กว่าทีม ที่นี่เรารู้สึเหสมือนครอบครัวมาตลอด ดังนั้นผมไม่รู้ว่าเขาต้องการสื่ออะไร เราประสบความสำเร็จมากมายเนื่องจากเราเป็นครอบครัวเดียวกัน และเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนั้น ซึ่งเรายังคงเป็นแบบนั้นต่อไป"
ขอย้ายไป เรอัล มาดริด
หลังประสบความสำเร็จด้วยการคว้าโทรฟี่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกเมื่อปี 2008 ทาง คริสเตียโน่ โรนัลดด้ ก็แสดงความปรารถนาอย่างแรงกล้าว่าต้องการย้ายออกจากทีมไปอยู่กับ เรอัล มาดริด
อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้วซัมเมอร์ดังกล่าวไม่มีการย้ายทีมเกิดขึ้น แต่หนึ่งปีให้หลังก็ได้ย้ายสมใจ โดยรายงานเผยว่าเจ้าตัวได้ร้องขอกับทางสโมสรเพื่อให้ปล่อยตัว กระทั่งสำเร็จด้วยราคา 80 ล้านปอนด์ซึ่งเป็นสถิติโลกในเวลานั้น
"ตามคำขอของ คริสเตียโน่ - ผู้ซึ่งแสดงความปรารถนาที่จะย้ายทีม - และหลังจากที่หารือกับตัวแทนของผู้เล่นแล้ว ยูไนเต็ด ตอบตกลงให้ เรอัล มาดริด เจรจากับผู้เล่นได้" ยูไนเต็ด แถลง
กับสถานการณ์ปัจจุบันเหมือนย้อนเวลากลับไปเมื่อครั้งที่แล้วว่าทีมไม่มีความปรารถนาที่จะปล่อยตัวออกจากทีม แต่มีข่าวว่าแจ้งย้ายทีม รอดูว่าสุดท้ายจะจบลงยังไง
ฉุนเฉียวใส่ นานี่
น่าจะเป็นอีกหนึ่งในเหตุการณ์ที่แฟนบอลจำได้เป็นอย่างดีในจังหวะที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ออกอาการหัวเสียสุดเหวี่ยงใส่ นานี่ ตัวรุกเพื่อนร่วมทีมในเกมอุ่นเครื่องที่ทีมชนะ สเปน 4-0
เกมนี้ย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2010 โดยจังหวะดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ โรนัลโด้ ได้บอลลุยมาทางซ้ายก่อนหลอก เคราร์ด ปีเก้ จนหลักหักแล้วดึงจังหวะชิบบอลข้าม อีเกร์ กาซียาส ซึ่งในจังหวะที่บอลกำลังลอยเข้าประตู นานี่ ที่วิ่งมาอยู่ตรงนั้นก็โหม่งบอลเข้าประตูไป
นอกจากลูกนี้จะเป็นการทำลายประตูสุดสวยของ โรนัลโด้ แล้ว ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ นานี่ ดันอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า ทำให้ลูกนี้ไม่ได้ประตูด้วย
นั่นทำให้ โรนัลโด้ หัวเสียสุดขีดถึงขนาดปาปลอกแขนกัปตันลงพื้นพร้อมด่าออกมาอย่างไม่มีการเก็บอารมณ์แม้แต่น้อย
แน่นอนว่าจังหวะนี้ทาง นานี่ ผิดเต็มๆ แต่อาการของ โรนัลโด้ ก็ถูกมองว่าอารมณ์เสียจนเกินไปและแสดงออกถึงการขาดวุฒิภาวะโดยสิ้นเชิง