ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะผลงานส่วนตัวอันยอดเยี่ยม ฤดูกาลที่ผ่านมาที่เพิ่งสอยตาข่าย 14 ประตูช่วยให้ แกลร์กมงต์ ฟุต อยู่รอดบนลีกสูงสุดฝรั่งเศส

ผลงานดังกล่าวจึงไปเข้าตาทีมต่างๆ ที่จับจ้องอยากได้ตัวไปครอง นอกเหนือจากทีมนอกประเทศ บรรดาสโมสรบนลีก เอิง ให้ความสนใจไม่แพ้กัน

ทางด้านนักเตะแสดงความชัดเจนว่าถึงเวลาในการออกไปหาประสบการณ์หรือเส้นทางใหม่ในอาชีพตนเอง หรือให้พูดกันตรงๆ คือถึงช่วงเวลาที่ต้องยกระดับและย้ายไปยังสโมสรที่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าที่เป็นอยู่

นั่นคือเส้นทางของ โมฮาเหม็ด บาโย กองหน้าชาวกินีสังกัดสโมสรแกลร์กมงต์ ฟุต ที่ตัดสินใจว่าถึงเวลาในการเดินทางของตนเอง จึงไม่แปลกที่จะมีข่าวได้รับความสนใจจากทีมต่างๆ มากมาย

หนึ่งในนั้นคือ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน สโมสรจากเวทีบุนเดสลีกาที่จับตามองถึงความเป็นไปได้ในการดึงหัวหอกวัย 24 ปีไปใช้งาน

แต่ท้ายที่สุด ลีลล์ สโมสรดังจากทางตอนเหนือฝรั่งเศสดำเนินการในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนจะจัดการคว้า บาโย ไปครองได้สำเร็จด้วยสัญญา 5 ปี

นับเป็นการย้ายทีมที่น่าสนใจเพราะหากดูจากปัจจัยต่างๆ ทั้งสองฝ่ายน่าจะเข้ากันได้ดี เนื่องจากฝั่ง ตราหมา กำลังต้องการตัวจบสกอร์รายใหม่แทนที่ บูรัค ยิลมาซ นอกจากนั้น บาโย ต้องการยกระดับตนเองและพิสูจน์กับทีมที่ใหญ่กว่าเดิม

ยิ่งไปกว่านั้น ลีลล์ ขึ้นชื่อเรื่องปั้นนักเตะหรือยกระดับผลงานผู้เล่นให้ดีขึ้น หลักฐานสำคัญคือนักเตะมากมายหลายคนที่ย้ายไปยัง สต๊าด ปิแอร์ โมรัว แล้วพัฒนาผลงานก่อนย้ายไปทีมใหญ่ๆ มากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา (ยังไม่นับรวมเมื่อย้อนไปไกลกว่านั้น)

เอาแค่ 2-3 ปีหลัง มีแนวรุกฝีเท้าดีหลายคนผ่านมือ ลีลล์ ก่อนจะได้ย้ายไปร่วมใหญ่ยุโรป อาทิ ราฟาเอล เลเอา, วิคเตอร์ โอซีเมน และ นิโกล่าส์ เปเป้ (แม้รายหลังจะน่าผิดหวังเมื่อย้ายไป อาร์เซน่อล แต่ทีมทำกำไรมหศาลจากดีลนี้)

ฝั่ง ลีลล์ ถือว่าเป็นการทำธุรกิจและลงทุนที่คุ้มค่าอย่างมาก เอาแค่แนวรุก 3 รายข้างต้นก็ทำเงินให้ทีมเฉียดๆ 180 ล้านยูโรแล้ว 

แน่นอนว่าในกรณี บาโย สโมสรมองให้เป็นกองหน้าตัวหลักรายใหม่ที่จะเข้าไปผนึกกำลังล่าตาข่ายกับ โจนาธาน เดวิด แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหากนักเตะระเบิดฟอร์มหรือทำผลงานได้ดีและมีข้อเสนออันยากปฏิเสธเข้ามาในอนาคต ทีมดังจากทางตอนเหนือทีมก็พร้อมเปิดประตูให้นักเตะไปยังเส้นทางที่ดีกว่าเดิม

ถือเป็นผลประโยชน์ตอบแทนกันที่ลงตัว สโมสรดึงมาร่วมทีมในราคา 14-15 ล้านยูโรพร้อมความคาดหวังที่จะให้นักเตะสร้างผลงานในสนาม ซึ่งมันจะต่อยอดไปยังการทำธุรกิจในอนาคตต่อไป

ฝั่ง บาโย ก็พร้อมตอบแทนความไว้วางใจด้วยผลงานในสนาม ฝั่งนักเตะทราบดีว่ามันจะเป็นใบเบิกทางให้กับตนเองในอนาคตเพื่อไปยังลีกที่ใหญ่กว่าเดิมเช่นเดียวกัน

นั่นคือเรื่องของอนาคตที่จะมีปัจจัยต่างๆ เข้ามาประกอบรวมกัน แต่สิ่งที่สำคัญและเป็นตัวชี้วัดดีที่สุดคือผลงานในสนาม

ตอนนี้สิ่งที่ บาโย ต้องมุ่งมั่นหรือโฟกัสเป็นอันดับแรกคือการปรับตัวให้เข้ากับทีมใหม่ รวมไปถึงสร้างความปะทับใจให้กุนซือใหญ่ เปาโล ฟอนเซก้า 

มันคือก้าวย่างที่ บาโย เชื่อว่าจะเป็นการยกระดับของตนเองพร้อมการแข่งขันที่สูงกว่าเดิม ไม่มีอะไรหรือใครมารับประกับตำแหน่งเหมือนตอนอยู่ แกลร์กมงต์ ฟุต เพราะที่นี่ในสโมสร ลีลล์ ทุกอย่างวัดกันที่ผลงานและความต่อเนื่อง

ที่กล่าวเช่นนั้นหาใช่ว่า แกลร์กมงต์ ฟุต คือของตายของ บาโย เพราะกว่าที่แข้งกินีรายนี้จะยกสถานะของตนเองให้เป็นนักเตะเบอร์ 1 สโมสร เขาต้องการผ่านอะไรมากมายทั้งการขัดเกลาฝีเท้าหรือแม้แต่พัฒนาตนเองจนกลายมาเป็นอย่างที่เห็น

จากเด็กหนุ่มอายุ 6 ขวบที่ได้ร่วมทีมเยาวชน แกลร์กมงต์ ฟุต วันเวลาผ่านไปเกือบ 20 ปีที่พัฒนาตนเอง ท้ายที่สุดเขาได้สร้างผลงานตอบแทนและมอบรางวัลให้สโมสรด้วยการพาทีมเลื่อนชั้นมาเล่นในลีก เอิง เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา

แต่วันเวลาย่อมมีวันหมดอายุของมัน การจากลาถือเป็นเพียงการเริ่มต้นของ บาโย ที่หวังยกระดับตนเองกับทีมที่มีการแข่งชันสูงกว่าเดิม ไม่ต่างจากการเพิ่มเชื้อไฟหรือความกระตือรือร้นให้ตนเองเพื่อยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้นไป

แน่นอนว่าที่ ลีลล์ ไม่มีการการันตีตัวจริง เพราะการแข่งขันสูงกว่าเดิมและมันคืองานที่ บาโย ต้องพิสูจน์ให้โค้ชใหม่เห็นว่าตนเองมีดีเช่นไร และทำไมถึงสมควรได้ลงสนาม

หากมองไปยังสถิติของ บาโย นับว่าน่าสนใจเพราะเขามีพัฒนาการที่ดีต่อเนื่องเมื่อผ่านไปแต่ละปี โดยเฉพาะซีซั่นก่อนที่ตอนแรกถูกมองว่าจากดาวซัลโว ลีก เดอซ์ ในฤดูกาล 2020-21 ด้วยจำนวน 22 ประตู เมื่อก้าวมายังลีกสูงสุดฝรั่งเศสจะออกมาเช่นไร

ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ทราบ ผลงาน 14 ประตูจาก 32 เกม (บวกกับ 5 แอสซิสต์) ก็เพียงพอให้ บาโย สอบผ่านแล้ว

จึงน่าสนใจว่าฤดูกาลที่สองใน ลีก เอิง และการมาอยู่กับทีมที่ใหญ่กว่าเดิมจะเป็นเช่นไร นั่นคือสิ่งที่ บาโย รวมไปถึงแฟนบอลลีลล์คาดหวังให้ออกมาในทิศทางที่ดีเพื่อพาสโมสรเดินหน้าไปยังเส้นทางที่ต้องการ