:::     :::

แจ็ค วิลเชียร์ กับเส้นทางใหม่ที่ขอเลือกเอง

วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม 2565 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
846
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หากย้อนกลับไปสัก 10 ปีก่อน ชื่อของ แจ็ค วิลเชียร์ คือแข้งแห่งอนาคตที่ทีมชาติอังกฤษ​วาดหวังไว้ว่าจะเป็น พอล แกสคอยน์ คนใหม่ แต่ใครจะไปคิดครับว่าอนาคตของดาวรุ่งคนนั้น จะเลือกยุติเส้นทางการค้าแข้งไว้บนวัยเพียง 30 ปีเท่านั้นเอง

แจ็ค แอนดรูว์ แกร์รี่ วิลเชียร์ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่า แจ็ค วิลเชียร์ นั้น เข้ามาอยู่ในอะคาเดมี่ของ อาร์เซน่อล ตั้งแต่อายุแค่ 9 ขวบ โดยในวัยเด็กเขาเป็นสาวกของ เวสต์แฮม และมี เปาโล ดิ คานิโอ เป็นไอดอลคนโปรด


ทันทีที่เข้ามาอยู่ในรั้วปืนโต เขากลายเป็นสตาร์ในทีมเยาวชนที่คนทั้งสโมสรพูดถึงกันหนาหู เป็นสตาร์ดัง เป็นเพลย์เมกเกอร์​ฝีเท้าเยี่ยม เป็นกัปตันทีมชุด ยู-16 และพาสชั้นไปเล่นทีมชุด ยู-18 ตั้งแต่ตอนอายุแค่ 15 ปี ซึ่วนับว่าก้าวกระโดดไปไกลมาก ๆ


แจ็ค วิลเชียร์ ในวัย 15 ปีเล่นทีมชุด ยู-18 ด้วยผลงานระดับที่ทุกคนต้องตะลึง เขาลงสนามไปแค่ 18 นัดแต่ยิงได้ถึง 13 ประตู รวมถึงยังทำแฮตทริคในเกมเจอ วัตฟอร์ด ได้อีกต่างหาก ก่อนที่จะถูกพาสชั้นไปเล่นในทีมสำรองตั้งแต่อายุแค่ 16 ปีื และเป็นส่วนสำคัญในการพาทีมเด็กคว้าแชมป์ เอฟเอ ยูธ คัพ ปี 2009 ซึ่งเขาแอสซิสต์ไป 2 และยิงอีก 1 ในนัดชิงที่เจอกับ ลิเวอร์พูล จนได้รับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ในเลกแรก จนเป็นเหตุให้ อาร์แซน เวนเกอร์ เรียกขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ในทันที


วิลเชียร์ ประเดิมสนามในทีมชุดใหญ่ครั้งแรกด้วยการลงไปแทน โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ด้วยวัยเพียง 16 ปี 256 วัน ซึ่งนั่นส่งผลให้เขากลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสต​ร์ของ​สโมสร แซงหน้าสถิติของ เชส ฟาเบรกาส ก่อนที่ในฤดูกาล​ 2009-10 จะถูกส่งไปเล่นกับ โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส ตอนเดือนมกราคม ซึ่งการไปอยู่กับ โบลตัน ครึ่งฤดูกาล​นั้น วิลเชียร์ พิสูจน์​ตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม เขาเป็นหัวใจหลักของทีม ได้ลงสนาม 14 นัดจากทุกรายการ ยิงไป 1 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ และได้รับการบันทึกว่าเป็นนักเตะที่วิ่งมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของทีมอีกด้วย


หลังจากกลับมาจาก โบลตัน เขาก็กลายเป็นสมาชิกในทีมชุดใหญ่แบบเต็มตัว สนามให้ปืนใหญ่​ไปถึง 49 นัดจากทุกรายการในฤดูกาล​ 2010-11 แม้จะยิงได้แค่ 2 ประตู แต่ฟอร์มการเล่นในสนามถือว่าโดดเด่นและสำคัญต่อทีมมาก ๆ 


เรื่องน่าเสียดายก็คือ แม้ว่าฤดูกาล​ดังกล่าวจะเป็นฤดูกาล​แจ้งเกิดของเขาก็จริง แต่มันก็เป็นเพียงแค่ฤดูกาล​เดียวที่เขาได้ลงสนามเกิน 40 นัด เพราะหลังจาหนั้นเป็นต้นมา วิลเชียร์ เริ่มเจอกับปัญหาที่นักฟุตบอลเก่ง ๆ กลัวมากที่สุด นั่นก็คือ "อาการบาดเจ็บ" 



วิลเชียร์ มาได้รับบาดเจ็บหนักจนต้องพักยาวทั้งฤดูกาล​ในปีต่อมา ไม่ได้ลงสนามเลยสักนัดเดียว และพอกลับมาเขาก็เล่นได้ไม่เหมือนเดิมอีกเลย รวมถึงยังเจ็บออด ๆ แอด ๆ ได้ลงนัดพักสองนัด บางทีหายไปเป็นเดือน ๆ จนแฟน ๆ ปืนโต ไม่กล้าฝากความหวังอะไรกับเขาได้อีกเลย


สถิติเรื่องอาการบาดเจ็บของ วิลเชียร์ ถูกบันทึกเอาไว้ว่ามีมากถึง 25 ครั้งตลอดการเล่นชุดใหญ่ให้ อาร์เซน่อล​ 8 ฤดูกาล โดยเฉพาะในช่วง 4 ปีสุดท้ายกับทีม เขาลงสนามในลีกรวมกันแค่ 39 นัด เฉลี่ยแล้วปีละ 9.75 นัดเท่านั้นเอง


เส้นทางการค้าแข้งของเขากับ อาร์เซน่อล​ จบลงด้วยการย้ายทีมแบบฟรี ๆ ตอนเดือนมิถุนา​ยนปี 2018 โดยมี เวสต์แฮม เป็นสโมสรที่อ้าแขนรับเขาไปอยู่ด้วย แต่อาการบาดเจ็บยังคงตามมารบกวนเขาไม่เลิก ตลอด 2 ฤดูกาล​กับขุนค้อนเขาได้ลงสนามไปแค่ 19 นัดจากทุกรายการ ก่อนจะถูกยกเลิกสัญญา​ในช่วงปลายปี 2020


วิลเชียร์ พยายามไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้งกับ บอร์นมัธ ในแชมเปี้ยนชิพ โดยลงสนามได้มากขึ้นคือ 17 นัด ยิงได้ 2 ประตู ก่อนที่ชีวิตจะยากลำบากมากขึ้นเรื่ิย ๆ เพราะหลังจากนั้นก็กลายเป็นฟรี เอเย่นต์ อยู่นานหลายเดือน ชนิดที่ไม่มีสโมสรไหนติดต่อมาดึงตัวไปร่วมทีมเลยสักสโมสรเดียว


เขาเตะฝุ่นอยู่ครึ่งปีก็ได้รับโอกาสครั้งสุดท้ายจาก เอเอฟจี อาร์ฮุส ในลีกรองของเดนมาร์ก​ตอนเดือนกุมภาพันธ์​ ลงสนามไป 14 นัด ก่อนจะหมดสัญญา​และไม่ได้รับการต่อออกไป จนทำให้เขาตัดสินใจแขวนสตั๊ด ขอยุติเส้นทางนักเตะไว้ที่วัย 30 ปี 


"หลังจากได้ปรึกษากับคนใกล้ชิด ตอนนี้คือเวลาที่เหมาะสมแล้วที่ผมจะเลิก แม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาที่ยาก แต่ผมก็ภูมิใจเมื่อได้มองย้อนกลับไปกับความสำเร็จที่ผมได้รับในอาชีพ มันเป็นการเดินทางที่แสนวิเศษ เต็มไปด้วยช่วงเวลาที่น่าเหลือเชื่อ ผมรู้สึกเป็นเกียรติกับประสบการณ์ทุกอย่างที่เจอมาตลอดอาชีพของผม"


ปัจจุบัน แจ็ค วิลเชียร์ มาเริ่มต้นเส้นทางโค้ชกับทีมเยาวชนชุด ยู-18 ของ อาร์เซน่อล ซึ่งถือว่าเป็นการนับหนึ่ใหม่อีกครั้งบนถนนลูกหนัง ซึ่งจากประสบการณ์​และอดีตที่ผ่านมา น่าจะเป็นบทเรียนที่ช่วยสอนให้กับผู้เล่นเยาวชนของปืนโตได้เยอะพอสมควร


อดีตที่ผ่านไปแล้วคือประสบการณ์​ที่ล้ำค่า จากวันนี้ วิลเชียร์ ในบทบาทใหม่คือการเริ่มต้นครั้งสำคัญ และบางทีเขาอาจประสบ​ความ​สําเร็จ​ในเส้นทางสายโค้ช มากกว่าตอนเป็นนักเตะก็ได้ ใครจะรู้


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด