:::     :::

"LAST DANCE" เหล่านักเตะที่อาจได้เห็นเป็นครั้งสุดท้ายในฟุตบอลโลก

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2565 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
1,461
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
นี่คือรายชื่อนักเตะชื่อดังที่เราคุ้นเคยกันดีที่ฟุตบอลโลกครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของพวกเขา มีใครบ้างที่จะทิ้งลวดลายสุดท้ายเป็นเหมือน Last Dance เอาไว้ที่นี่ใน QATAR World Cup 2022 ครั้งนี้

เป็นบทความที่แค่คิดจะเขียนก็รู้สึกใจหายแล้ว สำหรับนักเตะชื่อดังหลายๆคนที่เวที FIFA World Cup QATAR 2022 จะกลายเป็นสังเวียนลูกหนังครั้งสุดท้ายในการเล่นฟุตบอลโลกของพวกเขา

แทบทุกชื่อเป็นตัวเล่นที่เรารู้จักกันดี และนี่คือการรวบรวมนักเตะทั้งหมดที่อาจจะทำให้คุณรู้สึกใจหายวาบ เมื่อรู้ว่าฟุตบอลโลกครั้งต่อไปในอีก 4 ปีข้างหน้า เราจะไม่ได้เห็นตัวผู้เล่นเหล่านี้อีกแล้ว เนื่องจากขีดจำกัดของสภาพร่างกาย ที่เป็นอุปสรรคให้อาชีพนักฟุตบอลมีเวลาของมัน

เพราะฉะนั้น ทุกๆเกมของนักเตะเหล่านี้ คือเกมสำคัญที่จะเป็น "การเต้นรำครั้งสุดท้าย" ที่เราต้องจดจำและจับตาดูให้ดีว่า ท่วงท่าที่พวกเขาเหล่านี้จะแสดงเอกลักษณ์และความยอดเยี่ยมให้เราเห็น มันเป็นยังไงบ้าง เพื่อให้วันหนึ่งนึกย้อนกลับมา ภาพจำของนักเตะคนนั้นจะตราตรึงตลอดไป

มีใครบ้างที่เรารู้จัก และต้องเฝ้ามองพวกเขาให้ดีที่สุดในทุกๆนาทีของการลงสนาม แล้วเดี๋ยวปี 2026 กลับมาอ่านบทความนี้กันอีกที ถ้ามีใครในนี้ยังได้ลงเล่นอยู่ ก็คงต้องซูฮกบูชากันไปข้างนึงแน่ๆ เพราะคงจะใกล้40เต็มทนแล้ว ถ้าในบรรดาลิสต์นี้ หากมีใครลากไปตอนนั้นได้นี่คือเหนือมนุษย์จริงๆ

ขอให้มีในนี้สักคนเถอะ

Luka Modric : ทีมชาติโครเอเชีย

เดบิวต์ฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 2006 ขณะนี้ในวัย 37 กะรัต โมดริชยังคงเทพอยู่เสมอที่พริ้ว คล่องตัว และเซนส์บอลสูงมากๆจากมาตรฐานการเล่นที่ไม่ตกลงเลย เพราะไม่ใช่นักเตะที่ใช้กายภาพเป็นหลักมาตั้งแต่อายุน้อยๆแล้ว แต่เทคนิคและคลาสบอลของโมดริช ใช้คำว่าอัจฉริยะได้อย่างเต็มปากเต็มคำแบบไม่มีกระดากปากแม้แต่น้อยที่จะเรียกเขาแบบนี้

กับโอกาสเข้ารอบเป็นแชมป์กลุ่มสูงมากๆในตอนนี้ของทีมชาติโครเอเชีย ที่เพิ่งตบแคนาดาไป 4-1 มาหมาดๆจากทริโอโมดริช+โควาซิช+โบรโซวิช และการจบสกอร์ของครามาริช ทำให้เราน่าจะได้ดูเฮียโมดไปพักใหญ่ๆในบอลโลกปีนี้แน่ๆ กับเจ้าของรางวัล Golden Ball ปี 2018 จากฟุตบอลโลกที่รัสเซีย ซึ่งเป็นรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของWCครั้งที่แล้ว และไปพลาดท่าพ่ายฝรั่งเศสรอบชิงอย่างน่าเสียดาย

ปีนี้ไปถึงตรงไหนไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ เราจะได้เห็นโมดริชวาดลวดลายแบบสมศักดิ์ศรี ไม่มีดรอปแน่นอน

Luis Suarez : ทีมชาติอุรุกวัย

เวทีฟุตบอลโลกคือตำนาน และสถานที่แจ้งเกิดอุแว้ๆสำหรับหลุยส์ ซัวเรส อย่างแท้จริง สำหรับกองหน้าหัตถาครองพิภพที่ทำแฮนด์บอลโดนใบแดงในปี 2010 แต่เป็นใบแดงที่โคตรเท่ และคุ้มที่สุดเท่าที่เคยดูมา หลังจากที่กระโดดปัดบอลแบบโคตรเซฟยังกะโอลิเวอร์ คาห์น แต่อซาโมอาห์ กียาน ก็กดจุดโทษกดดันลูกนั้นไม่เข้า ส่งผลให้ทีมเขาได้ไปต่อ หลังจากดวลจุดโทษแล้วทีมจอมโหดเอาชนะทีมดาวดำไปได้

นอกจากนี้ซัวเรสยังเบิ้ลใส่ทีมชาติอังกฤษในปี 2014 พร้อมทั้งกัดคิเอลลินี่แบบฝังเขี้ยวจนจมไหล่ และกลายเป็นตำนานเล่าขานแห่งฟุตบอลโลกไปแล้ว

ในวัย 35 ปี ซัวเรสกับการเป็นหน้าเป้าทีมชาติอุรุกวัย จะได้วาดลวดลายในกลุ่มเดียวกันกับเกาหลีใต้ โปรตุเกสที่จะต้องเจอกันในคืนนี้(จันทร์ที่ 28 พ.ย.) และทีมดาวดำกาน่า

ไม่ว่ายังไงก็ตาม หมอนี่คือกองหน้าทักษะสูงและคมกริบมากที่สุดคนหนึ่งแน่นอน ยอมรับในฐานะเป็นแฟนผีที่รักเอฟร่ามาก แม้จะเคยมีคดีกัน แต่ฝีเท้าของซัวเรสคือสุดยอดอย่างไม่ต้องสงสัย

ก็น่าจะเก่งที่สุดตั้งแต่เห็นลิเวอร์พูลมาสามสิบปีนี่แหละครับ คนนี้นัมเบอร์วันเลย และแน่นอนว่านี่ตำนานอุรุกวัยอยู่แล้วในฐานะผู้ทำประตูสูงสุดในประวัติศาสตร์ กับ 67 ประตูของหลุยส์ ซัวเรส จาก 135 นัดในนามทีมชาติ

Edinson Cavani : ทีมชาติอุรุกวัย

มีซัวเรสแล้ว ก็ต้องตามมาด้วยคาวานี่ กับการเป็นนักเตะผู้ซึ่งเป็น "ฮีโร่" ในใจผู้เขียน จากการมาอยู่ในถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ดเพียงสองปี แต่เราผูกพันและรักเขาระดับยกขึ้นหิ้งเป็นเบอร์7ฮีโร่อีกคนนึงในใจ

ด้วยเซนส์การพังประตูระดับ Goal Machine อีกหนึ่งคน และการโฉบเข้าหาบอลที่ไม่มีใครบนโลกนี้จะพุ่งเข้าไปหาบอลในจังหวะเป็นลูกยิง แต่คาวานี่อ่านและเคลื่อนที่ไปอยู่ในจุดอันตรายได้เสมอ จากเซนส์และความขยันในภาค off the ball

ด้วยวัย 35 ปีในฐานะราชันค้างคาว ของทีมบาเลนเซียที่แบกการยิงประตูอยู่ในช่วงนี้ จากการลงสนาม เอดี้ยังทำหน้าที่ได้ดี อันตราย และถ้ามีโอกาสให้เขาง้างยิงลูกดอกนายพรานเมื่อไหร่ มันจะเป็นลูกดอกปลิดขั้วหัวใจคู่ต่อสู้อย่างแน่นอน

เชื่อว่า World Cup ครั้งนี้เขาจะยิงได้อย่างน้อยสักลูกนึง ทิ้งท้ายไปแบบเท่ๆแน่นอน ซึ่งแม้ว่าตอนนี้เอดี้จะไม่ได้อยู่กับแมนยูไนเต็ด และบอลโลกครั้งหน้าจะไม่มีเขาแล้ว

แต่ตำนานที่สร้างไว้มันไม่มีทางหายไป ไม่ว่ากับนักเตะคนไหนๆบนโลกนี้ก็ตาม

หลังจากที่เดบิวต์ฟุตบอลโลกครั้งแรกคือ WC 2010 หรือ 12 ปีที่แล้ว สถิติรวม 134 นัดในนามทีมชาติ ถือเป็นตัวเลขที่เยอะมากๆ กับ 58 ประตู และ 17 แอสซิสต์ของเขา ตัวเลขเหล่านี้มันเกินคำบรรยายสำหรับการเป็นนักเตะทีมชาติจริงๆ

เมื่อใดก็ตามที่เอดี้แขวนสตั๊ด เขาจะเป็นตำนานของอุรุกวัยที่ตามฟอร์ลัน และ ซัวเรส เข้าไปเป็นสามประสานที่ครั้งหนึ่งเคยร่วมเล่นด้วยกันในนามทีมชาติอุรุกวัย

Diego Godin : ทีมชาติอุรุกวัย

จะบอกว่าเป็นทีมคนแก่ดีไหมก็คงจะไม่เหมาะ สำหรับนักเตะเซ็นเตอร์แบ็คแล้ว โกดินในวัย 36 ปี ก็ไม่ต่างอะไรกับกองหลังเก๋าๆคนหนึ่งที่ยุคนี้ เลข 36 ถือว่าธรรมดาแล้วที่จะยังสามารถลงเล่นได้อยู่

ด้วยการรักษาสภาพร่างกายที่ดี อุรุกวัยสามารถดัน High DEF Line ได้โดยมีโกดินเป็นสวีปเปอร์ตัวห้อยท้ายและไล่สปีดใส่กองหน้าคู่แข่งทันอยู่

เดบิวต์บอลโลกปี 2010 เช่นเดียวกับเอดี้ คาวานี่ และน่าจะลาไปพร้อมกันในเวทีบอลโลกครั้งนี้ เพราะ 2026 สองคนนี้ก็จะอายุ 39 กับ 40 ตามลำดับ

Thiago Silva : ทีมชาติบราซิล

มีโกดิน ก็ต้องมีซิลวา กับการเป็นกัปตันทีมชาติเต็งหนึ่งของบอลโลกครั้งนี้ ที่ดูเหมือนว่า ฟุตบอลโลกที่รัสเซีย จะเป็นบอลโลกครั้งสุดท้ายของเขา แต่ผิดคาด เซ็นเตอร์สิงห์บลูรายนี้ไม่แสดงให้เห็นถึงการดรอปลงของร่างกายและฝีเท้าเลยในวัย 38 ปี แถมดีไม่ดีจะยังเป็นกองหลังที่เก่งที่สุดในโลกคนหนึ่งของยุคปัจจุบันด้วย เพราะตัวเปรียบเทียบในเชลซีมีให้เห็นหลายคน จากระบบหลังสาม แต่ติอาโก้ ซิลวา คือที่สุดของที่สุดตำนานกองหลังบราซิลจริงๆ

ชูถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกประดับซุปเปอร์บารมีของนายสักหน่อยมั้ย ติอาโก้?

Maya Yoshida : ทีมชาติญี่ปุ่น

กองหลังวัย 34 ปีรายนี้คงจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายขอเขา หลังจากเดบิวต์ฟุตบอลโลกปี 2014 ครั้งนี้ก็น่าจะเป็นครั้งสุดท้าย แต่เป็นครั้งสุดท้ายที่เจ้าตัวยังคงทำหน้าที่สำคัญในการเป็นกองหลังตัวจริงทีมซามูไรบลูอยู่ จับคู่กับ โก อิตาคุระ มาสองนัดแล้วใน WC 2022 QATAR ครั้งนี้

แน่นอนว่า แมตช์ประวัติศาสตร์ที่ชนะเยอรมัน 1-2 เขาก็เป็น CB ตัวจริงในเกมนั้น

ปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับชาลเก้ 04 ในบุนเดสลีกาเยอรมัน โยชิดะจะได้ใช้ประสบการณ์และความเก๋าที่เคยเผชิญกับนักเตะระดับโลกมาแล้วนักต่อนักจนเป็นเรื่องธรรมดา ช่วยทีมชาติญี่ปุ่นให้ไปได้ไกลอย่างที่พวกเขาหวังไว้อย่างแน่นอน แม้สถานการณ์ตอนนี้จะลูกผีลูกคนอยู่

แต่นี่คือทีมที่เราชาวเอเชียภูมิใจ และหลายๆคนตามเชียร์ในบอลโลกครั้งนี้

Yuto Nagatomo : ทีมชาติญี่ปุ่น

กองหลังเลือดซามูไรวัย 36 ปีรายนี้เพิ่งลงเล่นเป็นตัวจริงนัดที่ญี่ปุ่นพ่ายคอสตาริกาแบบพลิกล็อค 0-1 แต่มันก็ทำให้เขากลายเป็นนักเตะญี่ปุ่นคนแรกที่ได้ลงเล่นในฟุตบอลโลกถึง 4 สมัย

"ผมอายุ 36 แต่ยังฟิตอยู่นะ ผมลงแข่งขันกับนักเตะระดับบิ๊กเนมมาทั้งในยุโรปและฟุตบอลโลก ประสบการณ์ทั้งหลายเหล่านั้นมันฝังอยู่ในทุกอณูเซลล์ของร่างกาย และผมพร้อมเจอกับใครคนไหน ทีมใดก็ได้ที่เข้ามาเผชิญหน้ากับทีมของผม"

นากาโตโมะให้สัมภาษณ์กับทาง The Japan Times เอาไว้

มุ่งมั่นสมศักดิ์ศรีชุดความคิดซามูไรจริงๆ

Manuel Neuer : ทีมชาติเยอรมัน

"ไม่มีใครรู้หรอกครับ แต่ผมก็คิดว่ามันน่าจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของผมละมั้ง" มานูเอล นอยเออร์ ผู้รักษาประตุูอินทรีเหล็กกล่าวเอาไว้เมื่อต้นเดือนก่อน

ในฐานะแชมป์โลกปี 2014 เขาจะอายุ 40 ปีพอดีถ้าบอลโลกครั้งหน้ายังมาเล่นได้อยู่ นี่อาจจะเป็นหนึ่งคนจากหลายๆผู้เล่นในบทความนี้ ที่อาจสร้างเซอไพรส์ มาในบอลโลก 2026 อีกก็ได้!!!

กับฟอร์มการเล่นที่เป็น Sweeper Keeper ที่ทำทุกอย่างในสนามด้วยการออกมานอกกรอบเขตโทษเหมือนตัวเองเป็น Sweeper จริงๆ ไม่ใช่โกลสายนี้แบบปกติที่จะออกมาในจังหวะตัดบอลนอกกรอบแบบเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ถ้านอยเออร์ออกมากระชากบอลไปยิงเองได้คงทำไปแล้ว กับเกมวันก่อนที่แพ้ญี่ปุ่นมา นอยเออร์ก็เติมขึ้นมาเล่นเกมบุกช่วงท้ายให้เห็น เพราะไม่มีอะไรจะเสียแล้ว

เขาคือความบันเทิง และเป็นแม่แบบของโกลสาย Sweeper Keeper ประเภทที่ออกมาเล่นนอกกรอบแบบไร้ความกลัวใดๆ ซึ่งมันเป็นอะไรที่โคตรบันเทิงสำหรับคนดูจริงๆ

Hugo Lloris : ทีมชาติฝรั่งเศส

กัปตันทัพ "เลอเบลอส์" ทีมชาติฝรั่งเศส เป็นอีกคนที่มีลุ้นได้ชูถ้วยแชมป์โลก แถมอาจจะเป็นคนที่ได้ชูสองครั้งติดต่อกันด้วย หากฝรั่งเศสเข้ารอบชิงจากสายB ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งกับบราซิล และฝ่าฟันได้ทุกทีมจนสำเร็จ ด้วยฟอร์มการเล่นยอดเยี่ยมของนักเตะอย่างเอ็มบาปเป้ ชิรูด์ รวมถึงผู้เล่นคนอื่นๆในทีม

ทุกองค์ประกอบส่งให้ฝรั่งเศสอยู่ในทีมท็อปทรีที่มีลุ้นคว้าแชมป์อย่างไม่ต้องสงสัย

อายุ 35 ปีไม่ได้ส่งผลต่อฟอร์มการเซฟของญอริสมากนัก และเป็นอีกคนที่ลุ้นเป็นสำรองมาในบอลโลกครั้งหน้าได้ คล้ายๆกับนอยเออร์ หากว่าปี 2026 ญอริสในวัย 39 ปียังมีฟอร์มการเซฟที่ดีอยู่ ก็อาจดึงมาเป็นตัวเก๋าประสบการณ์ และบารมีผู้เคยชูถ้วยแชมป์เพื่อเสริมสร้างจิตวิทยาด้านพลังความมั่นใจให้น้องๆได้

Angel Di Maria : ทีมชาติอาร์เจนติน่า

อาจเพราะเขาโชว์ฟอร์มได้คงเส้นคงวาในเกมนัดสำคัญๆ และประตูในโคปา อเมริการอบชิงที่ทำให้เขายกสถานะของตนเองกับทีมชาติอาร์เจนติน่าอีกครั้ง ในวัย 34 ปีที่เป็นดาวเตะคนดังของอาร์เจนไตน์ หลังจากที่อยู่ร่วมความผิดหวังในปี 2014 ที่ไม่ได้ชูถ้วยฟุตบอลโลกรอบชิง ซึ่งตัวเขาก็มีอาการบาดเจ็บอยู่ด้วย

ปีนี้คงเป็นบอลโลกปีสุดท้ายของดิมาเรียจริงๆ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบหมอนี่ก็ตาม แต่ฟุตบอลโลกครั้งหน้าคงไม่ได้เห็นเขาอีกแล้ว และอาจต้องใช้เวทีนี้เป็นการผลัดใบ และส่งตัวอื่นที่มีความสดใหม่ ลงมาช่วยดิมาเรียให้เล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ใช้งานเขาเป็นตัวจริงลากยาว มันคงไม่ดีเท่าไหร่ ด้วยวัยและมิติการเล่นที่ลดลงเพราะสภาพร่างกาย + ความเร็วที่ตกลงไป ทำให้ performance ของดิมาเรียลดลงตามไปด้วย

Kasper Schmeichel : ทีมชาติเดนมาร์ก

ในวัย 36 ปี นี่จะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของแคสเปอร์ ลูกคุณพ่อบิ๊กพีท ปีเตอร์ ชไมเคล กับการเฝ้าเสาให้ทีมชาติเดนมาร์ก ที่เบื้องต้นยังคงมีความหวังจะเข้ารอบน็อคเอาท์อยู่ และเชื่อว่านัดสุดท้ายทีมโคนมจะสามารถรับมือกับความกดดัน แพ็คเกมรับให้เหนียวแน่น และใช้ทีมสปิริตฝ่าฟันไปได้อย่างที่เคย

เกียรติประวัติด้านฟุตบอลในสโมสรไม่ต้องพูดถึง ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก และเป็นผู้ที่รู้น้ำหนักถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นอย่างดีตั้งแต่ฤดูกาล 2015/16

และคว้าแชมป์เอฟเอคัพเมื่อสองปีที่แล้ว (2020/21) ส่งท้ายผลงานของเขากับเลสเตอร์จนกลายเป็นตำนานของทีมจิ้งจอกไปแล้วเรียบร้อย

Gareth Bale : ทีมชาติเวลส์

โอกาสที่ทีมมังกรแดงจะได้มาฟุตบอลโลกช่างน้อยนิด และนี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1958 ที่พวกเขาอยู่ในเส้นทางการเป็นแชมป์โลกของบราซิลและเปเล่

การมาอีกครั้งของมังกรแดง จะเป็นสัญญาณบอกอะไรกับบราซิลหรือไม่ เราไม่รู้ได้ แต่ที่แน่ๆ นี่คงจะเป็นบอลโลกครั้งสุดท้ายของพญาวานรจอมแบกแห่งดินแดนเวลส์อย่างแน่นอน ในวัย 33 ปี ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย

อีกไม่กี่นัดก็จะเป็นบทสุดท้ายของแกเร็ธ เบล ในนามทีมชาติเวลส์แล้ว ซึ่งแม้แต่ตำนานคนก่อนอย่างไรอัน กิ๊กส์ ยังทำไม่ได้ แต่เบลถือว่าประสบความสำเร็จในระดับทีมชาติมากกว่าไรอัน กิ๊กส์ไปแล้ว

Dani Alves : ทีมชาติบราซิล

แบ็คขวาตัวเก๋าที่อาจจะยังไม่ได้ลงเล่นให้กับบราซิลในนัดแรกที่เจอของแข็งอย่างเซอร์เบียเลย ต่างกันกับทีมบิ๊กอื่นๆที่เจอสมันน้อยตบกันถ้วนหน้า บราซิลเจอของแรงกว่าเพื่อน แต่ยังแสดงความเป็นเต็งหนึ่งให้ได้เห็น

ดานี่ อัลเวส ยังคงเป็นตัวเลือกวิงแบ็คขวาที่ติดทีมชาติบราซิลของติเต้มา ในฐานะผู้เล่นเจ้าของเสื้อเบอร์ 13 อัลเวสน่าจะได้ลงมาสัมผัสเกมบ้างสักนัด หากว่าเกมต่อไปบราซิลจัดการของแข็งอย่างสวิตเซอร์แลนด์ได้อีกเกม

นัดสุดท้ายเจอแคเมอรูน อัลเวสคงได้ลงบ้างแน่นอน และถ้าคว้าแชมป์ถ้วยนี้ได้ มันจะ fulfill ชีวิตนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จของเขามากๆซึ่งได้ปิดท้ายด้วยถ้วยWorld Cup นับตั้งแต่เดบิวต์บอลโลกในปี 2010

ในลิสต์บทความนี้ทั้งหมด อัลเวสแก่สุดแล้วในบรรดาสตาร์ที่ได้มาเล่นฟุตบอลโลก 2022 ด้วยวัย 39 ปี!!!!

Jordi Alba : ทีมชาติสเปน

ฆอร์ดี้ อัลบา ในวัย 33 ปี กับการเป็นวิงแบ็คซ้ายของบาร์ซ่าและทีมชาติสเปน ซึ่งยังลงตัวจริงอยู่ในเกมเจอเยอรมันเมื่อคืนนี้ นี่ก็น่าจะเป็นบอลโลกครั้งสุดท้ายของเขาอีกหนึ่งคน หลังจากได้เดบิวต์ครั้งแรกฟุตบอลโลกปี 2014 ซึ่งอัลบาไม่ได้อยู่ในชุดแชมป์โลก 2010

ต่อคำถามที่ว่า ทีมกระทิงดุมีโอกาสจะเป็นแชมป์โลก 2022 บ้างไหม ก็ต้องตอบว่ามีแน่นอน อะไรก็เกิดขึ้นได้ ในยามที่สเปนสามารถเล่นในเกมของตัวเองได้ตลอดต่อหน้าทุกทีมบนโลกนี้ ไม่ว่าจะในยูโรที่เจออิตาลีก็ครองบอลข้างเดียว จนกระทั่งเจอเยอรมัน ถ้าหน้าคมๆสักหน่อย ป่านนี้เยอรมันลงไปคุยกับรากมะแขว่นแล้ว

อนึ่ง ตัวนี้เป็นตัวที่อาจจะยังมีสิทธิ์มาทีมชาติสเปนครั้งหน้า กับฟุตบอลโลก 2026 ได้ ถ้าตอนนั้นเขาอายุ 37 ปี และยังคงเล่นได้เหมือนกันหลายๆตัวเก๋า เช่นอัลเวส หรือ ซิลวา

ก็ยังอาจมีความเป็นไปได้อยู่เช่นกันที่เราจะเห็นฆอร์ดี้ อัลบาอีกครั้ง ในบอลโลกครั้งหน้าที่อเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก เป็นเจ้าภาพร่วมกันในฟุตบอลโลก ณ ดินแดนทวีปอเมริกาเหนือ

Aymen Mathlouthi : ทีมชาติตูนีเซีย

อายเมน มาธลูธี่ ชื่อของผู้รักษาประตูรายนี้คงไม่ค่อยมีใครรู้จัก และอาจจะหลุดไปจากธีมบทความที่เป็นนักเตะชื่อดังสักนิดส์นึง แต่เขาคือนักเตะระดับกัปตันทีมชาติตูนีเซียในฟุตบอลโลกครั้งที่แล้ว และคราวนี้เขามาในฐานะมือกาวสำรองทีมชาติตูนีเซียวัย 38 ปี นายทวารจอมเก๋าซึ่งเป็นหนึ่งในนักเตะที่อายุมากที่สุดในฟุตบอลโลกครั้งนี้

เจ้าตัวกลับมาสู่ทีมอีกครั้งหลังจากหายจากsquadไปสามปี ติดทีมเป็นผู้รักษาประตูคนที่สี่มาในทัวร์นาเมนต์ครั้งนี้ และแม้อาจจะไม่ได้ลงเล่นเลยใน WC ครั้งนี้ก็ตาม แต่แฟนบอลและคนในประเทศตูนีเซียคงจะจดจำเขาในฐานะตำนานของประเทศอย่างแน่นอน

Sergio Busquets : ทีมชาติสเปน

ด้วยอายุ 34 ปี บุสเกตต์อาจจะมีพละกำลังร่างกายที่ถดถอยลงไปบ้าง ตามอายุของเขา แต่นี่ยังเป็นตัวเล่นคนสำคัญระดับ key player ในแดนกลางกระทิงดุ ฐานะที่เป็นพี่เลี้ยงตัวต่ำของสองเด็กจิ๋วอนาคตทีมชาติสเปนในระยะยาวอย่างกาบี้ และ เปดรี้ ซึ่งเล่นร่วมกันที่บาร์เซโลน่าด้วย

สเปนยกกลางบาร์ซ่ามาว่างั้นเถอะ แต่ที่แน่ๆ นี่คือนักเตะคนสุดท้ายที่ยังหลงเหลือมาจากสเปนชุดแชมป์โลกปี 2010 ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมของบุสหลายๆคนขึ้นเป็นเฮดโค้ชแล้ว บางคนก็ไปเลี้ยงหลานอยู่บ้านแล้ว แต่เขาคนนี้ยังเป็นมิดฟิลด์แกนกลางคนสำคัญของบาร์ซ่าและทีมชาติสเปนอยู่เลย!!

ผู้จัดการทีมอย่างหลุยส์ เอ็นริเก้ ได้ให้สัมภาาษณ์กับทาง ESPN เอาไว้ว่า "ถ้าเราคอนโทรลเกมในสนามได้ และทำให้มันเป็นไปอย่างที่เราต้องการ ในการเป็นฝ่ายครองบอล และสร้างความเหนือกว่าในแดนป้องกันของคู่ต่อสู้ได้อยู่ หากเป็นแบบนั้น Busi จะยังเป็นเบอร์หนึ่งในตำแหน่งของเขาเสมอ"

แค่นี้ก็เห็นแล้วว่าบุสเก็ตต์สำคัญกับเอ็นริเก้ยังไง ซึ่งก็จริง เพราะตราบใดที่สเปนครองบอลบุกเหนือกว่าคู่แข่ง ซึ่งมันคงไม่มีทีมไหนบนโลกนี้ครองบอลดีกว่าพวกเขาอีกแล้ว เพราะเกมเจอเยอรมันก็ยังเห็นชัดว่าสเปนครองบอลอยู่ฝ่ายเดียวอีก

ถ้างั้นบุสเก็ตต์ก็ตัวจริงยาวๆเช่นกัน ดีไม่ดี บอลโลก 2026 อาจจะมาเป็นตัวเก๋าช่วยน้องอยู่ก็ได้ในวัย 38 ปี

ไม่แน่..

Olivier Giroud : ทีมชาติฝรั่งเศส

ในวัย 36 ปี ชิรูด์ขึ้นแท่นเป็นตำนานดาวยิงทีมน้ำหอมแล้วเรียบร้อย ด้วยการยิงเบิ้ลสองลูกในเกมชนะออสเตรเลีย 4-1 ส่งผลให้เขาขึ้นแท่นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลร่วมกันกับเธียร์รี อองรี แล้วเรียบร้อยด้วยจำนวน 51 ประตู และน่าจะทำเพิ่มได้อีกในไม่ช้านี้

แม้วันก่อนจะเป็นประธานเป้ที่ยิงคนเดียวสองเม็ดซัดเดนมาร์กร่วงไป 2-1 แต่โอกาสเปิดกว้างกับชิรูด์มาก

หลังจากเดบิวต์ฟุตบอลโลกในปี 2014 เขาคือกองหน้า Underrated เสมอไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนๆ ทั้งในสโมสรหรือทีมชาติ แต่ถ้าลองดูดีๆ ความสำเร็จระดับท็อปอย่างเป็นรูปธรรม และฝีเท้าที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเอาจริงๆไม่ควรสำรองซะด้วยซ้ำในหลายปีที่ผ่านมา เป็นข้อยืนยันว่า ชิรูด์คือกองหน้าคุณภาพสูงของโลกฟุตบอลอีกคนหนึ่งแน่นอน

ฝีเท้ามันไม่เคยโกหกใคร และครั้งนี้จับตาดูชิรูด์กันให้ดีๆ ถ้าฝรั่งเศสทำสำเร็จ แท่นการเป็น "กองหน้าตลอดกาลในฟุตบอลโลก" ของทีมชาติฝรั่งเศสที่เป็นหน้าเป้าตัวหลักและคว้าแชมป์ได้สองครั้ง จะเค้าขึ้นไปคว้ามาครองทันที

Thomas Muller : ทีมชาติเยอรมัน

ชายผู้เคยคว้าแชมป์โลกมาแล้วเรียบร้อยรายนี้ น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของเขาในเวที World Cup ที่ประเทศกาตาร์แน่นอน โดยพรสวรรค์ในการดมกลิ่นหาตำแหน่งเข้าทำ และสร้าง impact ให้ทีมเสมอๆ มุลเลอร์ยังคงอันตรายอยู่ในวัย 33 ปีจากการทำ 10 ประตู 6 แอสซิสต์ จากการลงเล่นฟุตบอลโลก 16 นัด แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเขาได้เป็นอย่างดี

แต่จะดียิ่งขึ้น ถ้าปีนี้มุลเลอร์ได้ลงมาเล่นเป็น Second Striker ที่มีตัวเป้าอยู่แดนหน้าไว้ก่อน น่าจะดีกว่าในเชิงแทคติก ที่ตอนนี้อินทรีเหล็กใช้เขาเป็นหน้าเป้าเลยและยังเล่นได้ไม่อันตรายเท่าที่ควร

Niclas Füllkrug อาจจะจำเป็นกับทีมชาติเยอรมันมากกว่าที่ใครคิด ผู้ซึ่งทำประตูตีเสมอสเปนในเกมเมื่อคืน และถ้าเฟอครูกได้ลงเล่นเป็น First Striker ให้อินทรีเหล็ก การใช้มุลเลอร์เป็นตัวรอมด๊อยเตอร์หุบเข้าในกรอบ คงจะใช้งานมึนเลอร์ได้ดีกว่านี้แน่

คงเป็นครั้งสุดท้ายของมุลเลอร์แล้ว ครั้งหน้าก็จะอายุ 37 ปี และหวังว่าเยอรมันจะใช้งานเขาได้ทรงพลังยิ่งกว่านี้

Pepe : ทีมชาติโปรตุเกส

กองหลังตัวเก๋าวัย 39 ปีรายนี้ของทีมฝอยทองโปรตุเกส จริงๆยังมีฝีเท้าที่ดีเยี่ยม และสามารถลงเล่นเป็น Centre-back ตัวจริงให้กับทีมชาติได้อยู่ แต่เฟอร์นันโด ซานโตส เลือกความสดของ รูเบน ดิอาซ และ ดานิโล่ เปเรย์ร่า

หากว่าจะพิจารณาดีๆ การเล่นนัดสองเจอกับอุรุกวัย พวกเขาจะต้องเจอหน้าเป้าตัวเก๋าทั้งซัวเรส และ คาวานี่ การส่งเปเป้ลงตัวจริงในเกมที่โปรตุเกส จะเจอกับอุรุกวัย เป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย เพราะฝั่งนั้นก็มีดิเอโก้ โกดินเหมือนกัน

ด้วยระยะหลังที่แกเลิกเล่นป่าเถื่อน และเป็นกองหลังทางบอลเยี่ยม ทางบ้านก็เลิกแย่แล้วนั้น มีเปเป้อยู่ในสนาม แฟนบอลโปรตุเกสอุ่นใจทุกครั้ง

แต่ที่แน่ๆ พี่เป้ ป.ประมุข น่าจะเป็นอีกคนในลิสต์นี้ ที่บอลโลกครั้งหน้าไม่มาแน่ๆ เพราะถ้ามาก็ตัวใครตัวมันแล้ว ในวัย 43 ปีถ้าถึงตอนนั้น (WC 2026) พี่เป้เปลี่ยนไปวิ่งฟูลมาราธอน ตามร็อบเบ้ว กับพี่เต๋า สมชาย น่าจะดีกว่า

เพราะงั้นครั้งนี้ หากเห็นเปเป้ลงสนาม จงดูและเก็บความทรงจำเอาไว้ ถ้าตัดเรื่องห่ามๆสมัยอดีตออก เปเป้คือกองหลังอีกคนที่ผู้เขียนชอบทางบอลและการเล่นเซ็นเตอร์ของเขามาก ในฐานะเพื่อนร่วมรุ่น Class of 1983 ด้วยกัน

สู้ๆเพื่อน!!!!

Robert Lewandowski : ทีมชาติโปแลนด์

กองหน้าที่เก่งที่สุดในโลกอีกคนหนึ่งก็คงจะลงเล่นฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นสมัยสุดท้าย หลังจากที่แกเพิ่งได้เดบิวต์บอลโลกแรกในปี 2018 นี่เป็นครั้งที่สอง และน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของกองหน้าบาร์ซ่าวัย 34 ปีรายนี้ หลังจากลงเล่น 134 ประตู ยิงไป 77 ลูกให้ทีมชาติโปแลนด์ โดยลูกล่าสุด ลูกที่ 77 ตีตื้นเทียบเท่าเปเล่ คือลูกยิงประตูแรกของเลวานฯ ในศึกฟุตบอลโลกที่เขาทำได้สำเร็จ

แม้โปแลนด์จะไม่ใช่ทีมเต็งแชมป์ แต่พวกเขาแสดงให้เห็นแล้วว่าประมาทโปแลนด์ไม่ได้เด็ดขาด โดยเฉพาะการเล่นแดนหน้าของเลวานฯ ที่ทำได้ทั้งยิงเองและจ่ายให้ซีลินสกี้ยิงเมื่อเกมนัดเชือดซาอุ 2-0

กองหน้าขวัญใจแม่ผมรายนี้ จะลาฟุตบอลโลกอย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นเลวานดอฟสกี้แน่นอน

Lionel Messi : ทีมชาติอาร์เจนติน่า

"GOAT" ลีโอเนล เมสซี่ ในฟุตบอลโลกสมัยที่ 5 ของเขา ตัวรุกแห่งปารีส แซงต์-แฌร์แม็ง รายนี้ต้องการถ้วยฟุตบอลโลกมาประดับบารมีต่อเนื่องจากที่ทำสำเร็จในรายการระดับทวีปไปแล้วอย่าง โคปา อเมริกา เมื่อปีก่อน และนี่คือถ้วยสุดท้ายที่เมสซี่ยังไม่เคยสัมผัส(ไม่นับยูโรปาลีกนะ)

หากทำได้มันจะเป็นการเติมเต็มเขาอย่างสุดยอดที่สุด และอาจทำให้ไม่มีใครปฏิเสธได้อีกเลยว่า เขาจะขึ้นสู่การเป็นสุดยอดตลอดกาลของประวัติศาสตร์ลูกหนังแน่นอน

แต่ยังไม่ต้องนึกถึงเรื่องนั้น เอาแค่รอบแรกๆก็เห็นแล้วว่า อาร์เจนติน่าต้องให้เขาแบกขนาดไหน ทั้งประตูโทนจากนัดที่แพ้ซาอุดิอาระเบีย ก็เป็นจุดโทษของเมสซี่

และกว่าที่จะเอาชนะเกมรับของเม็กซิโกได้ ก็ปาเข้าไปในนาที 64 จากการกดประตูเรียดเสียบเสาจากเมสซี่ ชายผู้ที่สร้างความแตกต่างให้เกมได้อยู่เสมอ ในขณะที่ตัวรุกอื่นของอาร์เจนติน่าทำอะไรกันแทบไม่ได้เลย ต้องพึ่งพาเขากันจนถึงแอสซิสต์ประตูที่สองสู่อนาคตในมือของเอ็นโซ่ เฟอร์นันเดซ

ภาระเมสหนักเกินไป ถ้าสกาโลนี่ยังคงจัดทีมแบบเดิมๆ อาร์เจนติน่าจะเหนื่อยแบบนี้ไปตลอด ต้องหาแนวรุกมาแบ่งเบาภาระให้เมสบ้าง ไม่งั้นถ้าทำแบบนี้ต่อไป นัดไหนที่มันตื้อจริงๆระดับที่เมสซี่ก็แบกไม่ไหวมันจะยุ่ง

Cristiano Ronaldo : ทีมชาติโปรตุเกส

"ฟ้าส่งคริสเตียโน่ผู้นี้มาเกิดแล้ว ใยจึงส่งเมสซี่ลงมาพร้อมกันด้วย" นี่คือคำพูดที่โรนัลโด้ไม่ได้พูด แต่อาจจะมีคิดอยู่บ้างเล็กๆในใจ ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้ามองความเป็นจริง หากโด้ไม่มีเมส และเมสไม่มีโด้ สองคนนี้อาจจะไม่ได้เก่งขนาดขึ้นเป็น GOAT ในตอนนี้ก็เป็นได้ เนื่องจากการแข่งขันและความสามารถที่ถูกนำมาเปรียบเทียบกันตลอด กับการแย่งความเป็นสุดยอดมาตลอดหลายปีช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

ใกล้จะถึงจุดสุดท้ายของยุคแล้ว นี่คือเวทีสุดท้ายของโด้-เมส ที่เราไม่รู้ว่าปลายทางของสองคนนี้จะจบตรงไหน อาจจะมีดวงจับพลัดจับผลูให้ทีมอยู่แยกสายกัน แล้วมาเจอในรอบชิงก็ยังเป็นไปได้อยู่ หรือโอกาสที่จะมาชนกันในรอบรองชนะเลิศ ก็มีสูงมากถ้าทีมชาติของทั้งคู่สามารถทะลุเข้ามาได้ อาจจะยากนิดหนึ่ง แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้

ทั้งนี้ทั้งนั้น นอกจากนอยเออร์ ที่อาจจะมาในฟุตบอลโลก 2026 ในวัย 40 กะรัต ก็ยังมีคริสเตียโน่นี่แหละ ที่ถ้าทำเป็นเล่นๆไปว่า เอาชื่อเค้ามาเขียนในบทความนี้ว่าจะมาเล่นเป็นครั้งสุดท้าย

เกิดว่าในวัย 41 ปี พรี่โด้ยังติดทีมชาติโปรตุเกสลงสนามเป็นสำรองไปยิงจุดโทษเข้าอีกนี่ฮาเลยนะ และที่สำคัญคือ อย่าล้อเล่นกับโรนัลโด้ Passion และ ความมุ่งมั่นของหมอนี่เกินคนซะด้วย

ในด้านความสำเร็จส่วนตัวประดับเส้นทางการเป็นสุดยอดนักเตะนั้น CR7 ก็ไม่ต่างอะไรกับเมสซี่ หลังจากพาทีมเป็นแชมป์ยูโร 2016 มาแล้ว ก็เหลือเพียงถ้วยฟุตบอลโลกถ้วยเดียว ที่โด้ยังไม่สามารถทำได้สำเร็จ (ซึ่งก็ไม่รวมถ้วยยูโรปาลีกเช่นกัน ที่โด้ก็น่าจะไม่ได้แล้ว ฮาาาา)

แต่ถ้าจะมีปีไหนสักปีที่มีโอกาส ก็เหลือแค่ WC กาตาร์ 2022 นี่แหละที่ใกล้เคียงสุดแล้ว กับการที่สภาพแวดล้อมของทีมชาติโปรตุเกสดูจะสมบูรณ์ขึ้นมาก แม้ยังมีจุดอ่อนก็ตาม แต่หากโด้คว้าถ้วย World Cup สำเร็จ โอกาสแซงหน้าเมสซี่ขึ้นเป็น GOAT เดี่ยวก็มีสูงมากไม่ต่างกัน

กระทู้ VS ระหว่าง "โด้-เมส" ต้องดวลศึกหมากล้อมกันจนถึงหยดสุดท้ายของชีวิตนักเตะจริงๆ

ในฐานะแฟนบอลโรคจิตซาดิสม์จัดๆ อยากให้เจอกันรอบชิงแล้วตัดสินกันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยในปีนี้แบบ อีปริกๆ (Epic Epic) จะได้ไม่ต้องเถียงกันเรื่องโด้เมสกันสักที เพราะถ้าสองคนนี้แขวนสตั๊ดไปแบบที่ไม่ได้ถ้วยแชมป์โลกทั้งคู่ ก็จะยังเป็นคำถามปลายเปิดต่อไปอีกนานแสนนาน

แต่ถามว่า จำเป็นไหมที่ต้องมีคนชนะ?

ไม่จำเป็นหรอกครับ เกิดมาได้ดูสองคนนี้ตั้งแต่เป็นดาวรุ่งฝีเท้าเทพ มาจนถึงการเป็นตัวเก๋าที่เดินทางมายังฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของพวกเขา มันก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว

ดูฟุตบอลโลกกันให้สนุก และเฝ้ามอง "Last Dance" ของพวกเขาเหล่านี้ให้มีความสุข รวมถึง "คิงคาริม" คาริม เบนเซม่า ที่พลาดโอกาสการลงเล่นให้ทีมชาติฝรั่งเศสในฟุตบอลโลกครั้งนี้เพราะบาดเจ็บไป รวมถึงอีกหลายๆคนที่เป็นช่วงสุดท้ายของการค้าแข้ง ที่แม้จะไม่ได้มาฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ด้วยก็ตาม

พวกนายทุกคนจะเป็นตำนานในใจเราแฟนบอลทั้งโลกตลอดไป

-ศาลาบอลโลก-

References

https://www.transfermarkt.com/uruguay/toptorschuetzen/verein/3449

https://khelnow.com/football/2022-10-world-football-top-10-players-playing-last-world-cup-in-2022

https://www.aljazeera.com/sports/2022/11/19/the-10-stars-for-whom-qatar-2022-will-likely-be-their-last-world-cup

https://www.goal.com/en/lists/world-cup-lionel-messi-cristiano-ronaldo-players-last/blt810c5ca3cdc72e6e#cs8278863c9b539c6a

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด