แข้งลูกครึ่งไทย-อังกฤษ วัย 23 ย้ายมาจาก อ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด สโมสรในศึกลีกวันอังกฤษ ด้วยสัญญายืมตัว สู่ถิ่นคลองเตย ท่ามกลางความคาดหวังของบอร์ดบริหาร และแฟนบอล “สิงห์เจ้าท่า” ว่าจะเข้ามาช่วยยกระดับทีม
แม้ เบน เดวิส จะแทบไม่ได้รับโอกาสลงสนามเลยที่อังกฤษ แต่ผลงานในสีเสื้อทีมขาติไทยก็สะเด่าพอจนได้รับคำชมจากสารพัดทิศ
เจ้าตัวเองอาจต้องการค้าแข้งในแดนผู้ดีต่อ หากแต่เมื่อไม่มี “ที่ว่าง” ให้เขาได้โชว์ผลงาน สิ่งที่ทำได้คือการหาสภาพแวดล้อมใหม่ ที่ตอบโจทย์ และให้พื้นที่เขาลงเล่นได้
สุดท้ายเขาเลือกกลับมาเล่นฟุตบอลในประเทศบ้านเกิด
การท่าเรือ แม้จะเป็นทีมใหญ่ มากมายด้วยผู้เล่นระดับทีมชาติไทย แต่ฝีตีน เบน เดวิส ก็จัดอยู่ในระดับห้าวเป้ง โปรไฟล์ไม่เป็นรองใคร หลายคนมองเขาคือ “จิ๊กซอว์” ที่อาจเข้ามาเติมเต็มแผงเกมรุก การท่าเรือ ให้มีมิติมากขึ้น
แต่ความจริงที่พบกลับตรงกันข้าม
เบน เดวิส ไม่สามารถสอดแทรกตำแหน่งตัวจริงได้เลย ภายใต้การคุมทีมของ สก็อตต์ คูเปอร์
ครึ่งฤดูกาลแรก เขาได้โอกาสลงสนามในไทยลีกไปแค่ 9 เกม และเกือบทั้งหมดคือการออกสตาร์ทในฐานะ “ตัวสำรอง” ลงเล่นไปทั้งหมด 356 นาที ประตู หรือ แอสซิสต์ ไม่มีให้เห็นสักลูก
โค้ชเองก็พยายามจับแต่งให้ เบน เดวิส ลงสนาม แต่เหมือนผลงานกับสิ่งทึ่คาดหวังไว้ต่างกันลิบลับ
เล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก เขาก็ไม่สามารถเบียดแทรก เซร์คิโอ ซัวเรส, เนเกบา รวมถึง วิลเลียม ไวเดอเฌอ
เช่นเดียวกับการเปลี่ยนไปเล่นเป็นตัวริมเส้น ก็ยังได้โอกาสเพียงน้อยนิด สุดท้ายก็ไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งในทีมอย่าง บดินทร์ ผาลา, ปกรณ์ เปรมภักดิ์ หรือแม้แต่ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ได้
ซ้ำร้ายไปมากกว่านั้น ตลาดซื้อขายนักเตะไทยลีกเลก 2 การท่าเรือ เสริมทัพผู้เล่นตัวรุกเข้ามาเพิ่มคือ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ และ ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ จาก บีจี ปทุมฯ
ตอน 2 คนนี้ยังไม่ย้ายมา โอกาสของ เบน เดวิส ก็น้อยนิดอยู่แล้ว ยิ่งพอ “มิกกี้” กับ “ยิม” เข้ามาเติมเพิ่ม การลงเล่นของเขายิ่งน้อยลงไปกันใหญ่
แม้ในอีกมุมเจ้าตัวอาจจะยังรอ “โค้ชใหม่” เข้ามาในช่วงพักฤดูกาล เพื่อพิสูจน์ฝีตีนโชว์ ก่อนตัดสินอนาคต แต่ขนาดทีมและวัตถุดิบลูกหนังชั้นดี การท่าเรือ มีมากเหลือเกิน แน่นอนว่าไม่มีใครการันตีตำแหน่ง 11 คนแรกให้เขา
หนทางที่ดีสุดของ เบน เดวิส ตอนนี้มีทางเดียวคือ “ย้ายทีม”
หาสโมสรที่เหมาะสมกับการเล่นแบบสไตล์เขา หรือที่ ๆ มีโค้ชใช้งานเขาได้ ไม่ว่าทีมเหล่านั้นจะมีดีกรีรองลงมา และอาจไม่ดีเท่ากับ การท่าเรือ ก็ตาม
เพราะสิ่งที่ เบน เดวิส ต้องทำเวลานี้คือ หาเกมลงเล่นให้ได้ก่อน
เมื่อมีโอกาสได้ลงเล่น ก็จะสามารถพิสูจน์ตัวเอง เพื่อเรียกความมั่นใจกลับมา
การที่ เบน เดวิส ไม่มีชื่อติดธงชุดป้องกันแชมป์อาเซียนคัพ ปลายปีนี้ จึงไม่ใช่เรื่องที่แปลก เมื่อเขามีเกมให้ลงเล่นเพียงหยิบมือ แถมผลงานเองก็อยู่ในสถานะที่ “จับต้องไม่ได้”
จะยอมนั่งตบยุงข้างม้านั่งสำรอง หรือย้ายไปเดิมพันชีวิตลูกหนังกับบ้านหลังใหม่
ก็อยู่ที่เจ้าตัวแหละ ว่าอยากเลือกแบบไหน
