ศึกที่ กาตาร์ ถูกมองว่าน่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายของสองสุดยอดแข้งที่จะมีโอกาสไปถึงตำแหน่งแชมป์โลกได้ เพราะปัจจุบัน เมสซี่ อายุ 35 ปี ส่วน โรนัลโด้ อายุก็ปาเข้าไป 37 ปีแล้ว

         ดังนั้นทั้งคู่เข้าสู่ทัวร์นาเม้นต์พร้อมตั้งเป้าทิ้งทวนด้วยการชูถ้วยให้ได้ ซึ่งหากมองจากศักยภาพของทั้งคู่ก็มีโอกาสเป็นไปได้ด้วยเช่นกัน

         ดูที่สถิติของ เมสซี่ ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ต้องบอกว่ายอดเยี่ยมเลย โดยเจ้าตัวลงเล่นเต็มเวลาทั้ง 4 เกม ในนัดแรกแม้ทีมจะแพ้แบบพลิกล็อกให้กับ ซาอุดิ อาระเบีย ในเกมแรก สตาร์จาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ก็ยังได้คะแนนจากเว็บไซด์ WhoScored ที่ 7.39 และหลังจากนั้นอีกสามเกมที่เหลือก็ได้คะแนนที่ 8.04, 8.18 และ 8.15 ทำให้เจ้าตัวมีค่าเฉลี่ยที่ 7.94

         สถิติของ เมสซี่ ลงเล่นไป 4 เกม สร้างโอกาสทำประตูถึง 13 ครั้ง ทำได้ 3 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ ยิงเข้ากรอบไป 10 ครั้ง ผ่านบอล 209 ครั้ง ทำฟาวล์คู่แข่ง 4 ครั้ง

         ในทางกลับกันฝั่งของ โรนัลโด้ จะอยู่ในช่วงที่ "อารมณ์บ่จอย" สักเท่าไร แม้ว่าทีมจะเข้ารอบและโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยึ่ยมด้วยการถล่ม สวิตเซอร์แลนด์ 6-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายก็ตาม

         กัปตันทีมฝอยทองออกสตาร์รอบแบ่งกลุ่มทั้ง 3 เกมด้วยการเป็นตัวจริงทั้งสามนัด แต่ต้องบอกว่าผลงานในภาพรวมไม่ดีเลย

         เกมแรกที่ทำประตูได้ในเกมชนะ กานา 3-2 เจ้าตัวได้คะแนนอยู่ที่ 7.36 ส่วนเกมที่สองที่ชนะ อุรุกวัย 2-0 ได้คะแนนเพียง 6.63 ตามด้วยเกมสุดท้ายที่แพ้ เกาหลีใต้ ได้แค่ 5.11 เท่านั้น กระทั่งเกมล่าสุดที่ลงเป็นตัวสำรองในรอบ 16 ทีมได้คะแนนอยู่ที่ 6.07 เฉลี่ยทั้ง 4 เกมได้คะแนนที่ 6.29 คะแนน

         ที่น่าสนใจคือตลอด 3 เกมในรอบแบ่งกลุ่มนั้นทาง โรนัลโด้ โดนเปลี่ยนตัวออกทั้ง 3 เกม ซึ่ง 2 เกมแรกโดนเปลี่ยนในนาทีที่ 88 และ 82 ส่วนเกมกับ "โสมขาว" โดนเปลี่ยนตัวในนาทีที่ 65 ขณะที่เกมกับ สวิตเซอร์แลนด์ ลงเล่นในช่วง 16 นาทีสุดท้าย

         ยิ่งทีมไล่ถล่ม สวิตเซอร์แลนด์ แบบสวยงามยิ่งทำให้เห็นความชัดเจนว่าทีมไม่มี โรนัลโด้ แล้วดีกว่า ซึ่งเมื่อเรามองจากสถิติของ โรนัลโด้ ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ก็ยิ่งชัดเจน โดยลงเล่นมา 4 เกม ทำได้แค่ประตูเดียวแถมมาจากจุดโทษในเกมกับ กานา โดยสร้างโอกาสทำประตูได้แค่ 3 ครั้งเท่านั้น ยังไม่มีแอสซิสต์ แถมยิงเข้ากรอบแค่สองครั้ง ผ่านบอล 81 ครั้ง ทำฟาวล์ 2 ครั้ง

         การไม่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมล่าสุดนั้นทำให้ โรนัลโด้ หยุดสถิติลงเล่นเป็นตัวจริงในรายการใหญ่อย่าง ฟุตบอลโลก หรือ ฟุตบอลยูโร เอาไว้ที่ 31 เกม หรือยาวนานกว่า 14 ปีเลยทีเดียว

         งานนี้เล่นเอาบรรดาสาวกของ โรนัลโด้ ออกมาแสดงความไม่พอใจกันอย่างมาก จน แกรี่ เนวิลล์ เพื่อนเก่าต้องออกมาบอกบรรดา "ติ่ง" ของนักเตะว่าควรต้องยอมรับสภาพว่า โรนัลโด้ ในปัจจุบันไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว

         ทางฝั่ง จอร์จีน่า โรดรีเกซ ภรรยาของ โรนัลโด้ ก็เป็นหนึ่งในั้นพร้อมกับเขียนข้อความทางอินสตราแกรมว่า "ขอแสดงความยินดีกับ โปรตุเกส ในขณะที่ผู้เล่นทั้ง 11 คนร้องเพลงฉลองชัยชนะ น่าเสียดายที่ที่ไม่ได้สนุกกับนักเตะที่ดีที่สุดในโลกตลอด 90 นาที"

         ส่วนในรายของ แฟร์นันโด ซานโต๊ส ออกมายืนยันว่าได้คุยกับ โรนัลโด้ ก่อนเกมแล้วว่านัดนี้จะไม่ได้ลงเป็นตัวจริงซึ่งตัว โรนัลโด้ เองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็รอดูว่าเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่จะเจอกับ โมร็อกโก ในวันที่ 10 ธันวาคม 

         ขณะที่ เมสซี่ จะลงเล่นก่อนหน้า 1 วันเจอกับ ฮอลแลนด์ ก็รอดูกันว่าทั้งคู่จะยังได้ไปต่อในฟุตบอลโลกครั้งนี้รึเปล่า