การยิงจุดโทษเอาชนะ ฮอลแลนด์ กับอารมณ์ที่บรรดาแข้ง "ฟ้า-ขาว" แสดงออกมาแสดงให้เห็นถึงความสะใจอย่างที่สุด แต่มันก็สะท้อนว่าทีมกดดันไม่น้อยเลยกว่าจะผ่าน "อัศวินสีส้ม" มาได้

         เพราะการโดนตีเสมอในช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้ายนั้นบั่นทอนกำลังใจลงอย่างมหาศาล แต่ลูกทีมของ ลิโอเนล สกาโลนี่ ก็ผ่านมาได้ในที่สุด

         คู่แข่งของพวกเขาในรอบตัดเชือกก็คือ โครเอเชีย ที่เพิ่งโค่น บราซิล คู่ปรับของพวกเขาในทวีปอเมริกาใต้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเต็งหนึ่งของรายการลงได้อย่างยอดเยี่ยม

         ต้องยอมรับว่านับตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มนัดแรกมาจนถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ทีม "ตราหมากรุก" ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีสักเท่าไรนัก แม้ในเกมที่แซงเอาชนะ แคนาดา ในรอบแบ่งกลุ่มในภาพรวมทีมก็ไม่ได้เล่นดีอะไรมากมายเลย

         แต่สิ่งที่ทีมของ ซลัตโก้ ดาลิช มีก็คือความอดทนในเกมและการทำงานอย่างหนักพร้อมกับวินัยอย่างยอดเยี่ยม เสียบอลไม่เป็นไรช่วยกันเล่น เสียประตูไม่เป็นไรช่วยกันสู้ และผลตอบแทนก็อย่างที่เห็น

         และการมีผู้นำอย่าง ลูก้า โมดริช ที่วิ่งแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในวัย 37 ปีกลายเป็นตัวอย่างชั้นเยี่ยมของแข้งรุ่นน้องในทีมให้วิ่ง สู้ ฟัดในแบบเดียวกัน

         นั่นคือสิ่งที่ อาร์เจนติน่า ต้องเจอ 

         มองย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้วทั้งสองทีมก็เจอกันมาในรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งคราวนั้น โครเอเชีย ชนะขาดลอย 3-0 จากประตูของ อันเต้ เรบิช, ลูก้า โมดริช และ อีวาน ราคิติช ซึ่งในปัจจุบันเหลือแค่ โมดริช คนเดียวเท่านั้น

         เช่นเดียว โครเอเชีย หากมองผลงานในทัวร์นาเม้นต์นี้ของ อาร์เจนติน่า เองก็ต้องบอกว่าไม่ได้ผลงานน่าประทับใจอะไรมากนักหลังแพ้ตั้งแต่เกมเปิดสนามให้กับ ซาอุดิ อาระเบีย แบบพลิกล็อกช็อคโลก

         ยังดีที่เอาตัวรอดชนะ เม็กซิโก และ โปแลนด์ ชนิดที่ต้องมาเอาประตูในครึ่งหลัง ส่วนในรอบ 16 ทีมสุดท้ายก็ลุ้นจนจบเกมด้วยการเอาชนะ ออสเตรเลีย 2-1 และล่าสุดที่ต้องดวลจุดโทษกับ ฮอลแลนด์

         ซึ่งหากมองที่สถิติดวลเป้าต้องบอกว่า โครเอเชีย พกความมั่นใจมาเต็มที่เลยไม่ว่าจะเป็นการดวลเป้าชนะ 4 ครั้งในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ไหนจะโดมินิก ลิวาโควิช เซฟได้ 11 ครั้งในเกมพบบราซิล เป็นผู้รักษาประตูเซฟมากที่สุดในนัดเดียว ศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ แถมยัง เซฟจุดโทษได้ 4 ครั้ง ไม่มีผู้รักษาประตูคนไหนในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกที่ทำได้มากกว่านี้ด้วย

         ไม่ได้บอกว่า อาร์เจนติน่า จะต้องเอาเป็นเอาตายชนะให้ได้ใน 90 นาที เพราะพวกเขาเองก็มีสถิติยิงจุดโทษที่ใช้ได้และชื่อชั้นของนักเตะก็ไม่ธรรมดา แต่ดูเหมือนว่า โครเอเชีย จะพร้อมมากและไม่กลัวที่จะยื้อเกมไปจุดถึงการดวลเป้า

         หากมองศักยภาพโดยรวมแล้ว "ฟ้า-ขาว" อาจจะเหนือกว่าอยู่ไม่มากก็น้อย แต่เมื่อถึงการดวลจุดโทษแล้วอะไรก็เกิดขึ้นได้เหมือนอย่างที่มันเกิดขึ้นกับ บราซิล นั่นแหละ

         กับทัวร์นาเม้นต์ที่น่าจะเป็นฟุตบอลโลกหนสุดท้ายของ ลิโอเนล เมสซี่ ที่เน้นสุดๆว่าจะต้องชูถ้วยให้ได้ อีกแค่สองก้าวเท่านั้นหลังจากที่เคยใกล้เคียงที่สุดเมื่อปี 2014 ที่แพ้ เยอรมัน ในเกมชิงชนะเลิศ

         ไม่อย่างนั้นเราคงได้เห็นภาพ ลิโอเนล เมสซี่ ร้องไห้แบบ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แน่