:::     :::

เมื่อโดนเจาะ..ทุกอย่างก็จบ

วันจันทร์ที่ 05 มีนาคม 2561 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
5,827
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ความปราชัยให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ถือเป็นเรื่องแปลกเมื่อศักยภาพในทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ตอนนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นลำดับต้นๆของโลกไปแล้ว
แต่ในเกมฟุตบอลไม่มีการ "ฆ่าแล้วตาย" การเสียประตูเกิดขึ้นได้ การยิงประตูใส่คู่แข่งก็เช่นกัน ไม่ใช่ว่าเมื่อโดนเจาะตาข่ายแล้วทุกอย่างจะจบซะเมื่อไร
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่เอติฮัด สเตเดี้ยมในสายตาของแฟนบอลทุกคน ไม่ใช่แค่ เชลซี แต่ "ทุกคน" ที่ได้ดูเกมล้วนแล้วแต่ลงคะแนนเสียงว่าผู้มาเยือน "ใจไม่สู้" ถือว่าเบาแล้วสำหรับคำนี้ แน่นอนว่าแฟนสิงห์บลูส์ทุกผู้คนสบถคำหยาบกว่านี้แน่นอน 
ขี้ขลาด, ตาขาว, ใจเสาะ, อ่อนแอ, กระจอกฯ หรืออะไรก็ตามแต่คงบรรยายออกมาไม่หมดถึงผลงานภายใต้ความพ่ายแพ้ให้กับทีมจ่าฝูงแลว่าที่แชมป์พรีเมียร์ลีก
สกอร์ 0-1 หากใครไม่ได้ดูเกมคงคิดว่าเป็นสกอร์ที่ฉิวเฉียด แตกต่างจาก อาร์เซน่อล ที่โดนถล่มกระเจิงสองเกมติด แต่ความพ่ายแพ้ของทัพปืนใหญ่ในเกมพรีเมียร์ลีกที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยมยังต้องบอกว่าดูดีกว่า เชลซี มากเหลือเกิน
แน่นอนการมาเยือนทีมระดับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คงไม่มีใครที่จะบ้าพอมาประกาศว่าจะเล่นเกมบุกใส่ทัพเรือที่มี เป๊ป นั่งแท่นบัญชาการ แต่อย่างน้อยก็ควรแสดงอะไรออกมาให้เห็นบ้างเพื่อแฟนบอลที่อุตส่าห์เดินทางมาเชียร์ทีม
               
                                                            อันโตนิโอ คอนเต้ ท่ามกลางสายฝน
เหมือนกับหยาดฝนที่โปรยปรายเกือบตลอดทั้งเกมจะเป็นตัวแทนของความรู้สึกของแฟนบอล "สิงห์บลูส์" ได้เป็นอย่างดี
ไม่ผิดจากความคาดหมายกับการจัดตัวของ อันโตนิโอ คอนเต้ ซึ่งอาจจะมีผิดเพี้ยนไปเล็กน้อยเมื่อ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กองกลางคนสำคัญดันไข้ขึ้นชวดลงสนาม แนวรุกชัดเจน เปโดร โรดริเกซ, วิลเลี่ยน และ เอแด็น อาซาร์ ลงเป็นสามประสาน หมายความว่ากุนซือชาวอิตาเลี่ยนมาเน้นรับแล้วใช้ความเร็วของสามคนนี้ในการเล่นงานแนวรับคู่แข่ง
แต่ว่านับตั้งแต่เริ่มเสียงนกหวีดเริ่มเกมบอลแทบจะอยู่ในการครอบครองของซิตี้ทั้งหมด ทัพเรือใบเดินหน้าเปิดเกมรุกใส่ทั้งซ้าย-ขวา อย่าว่าแต่เกมโต้กลับ แม้แต่เกมรับก็แทบหาบอลกันไม่เจอ 
การไม่มี เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ดูจะส่งผลต่อการตัดเกมของทีมอย่างยิ่งยวด เชส ฟาเบรกาส ไม่ต้องหวังพึ่งการตัดเกม ลำพังวิ่งหาบอลแทบช้าเป็นเต่า ส่วน แดนนี่ ดริ๊งวอเตอร์ มีความดุดันในเรื่องของการเข้าสกัดแต่ต้องยอมรับว่าเขาไม่ใช่ตัวรับแบบธรรมชาติ
เชลซี โดน แมนฯ ซิตี้ บีบเกมสูงตั้งแต่หน้าเขตโทษ แม้ว่าพยายามจะครองบอลแต่ด้วยความสามารถเฉพาะตัวไม่ได้ดีเลิศเท่าไรสุดท้ายจำต้องเตะเปิดเกมยาวกลายเป็นเตะบอลใส่กำแพงกลายเป็นให้เจ้าถิ่นเปิดเกมรุกขึ้นมาใหม่
ถึงกระนั้นต้องยอมรับในความมีวินัยและความอดทนของผู้เล่น เชลซี ที่แทบไม่แตกขบวน นั่นคือสิ่งเดียวที่ทำให้แฟนสิงห์บลูส์ยังพอยิ้มได้นิดๆ 
อันโตนิโอ คอนเต้ ยังคงพอใจที่ยังตรึงสกอร์ไว้ได้ เพียงแค่คงไม่มีใครในทีมคาดคิดว่าไม่ถึงนาทีของครึ่งหลังทีมกลับต้องมาเสียประตู
บอลยาวของ อิลคาย กุนโดกัน ที่วางมาจากกลางสนามเป้าหมายอยู่ที่ เซร์คิโอ อเกวโร่ แต่ว่าโดน อันเดรียส คริสเตนเซ่น สกัดไว้ก่อน แต่เหมือนว่าความโชคร้ายของทีมจะเสียประตูเมื่อลูกสกัดไปติด เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า กลายเป็นมาเข้าทาง "กุน" รอจังหวะจ่ายให้ ดาบิด ซิลบา ที่สอดทะลุเข้าเขตโทษด้านซ้ายก่อนเปิดบอลไปเสาสอง แบร์นาโด้ ซิลวา สอดมายิงบอลโดนไม่เต็มแต่กลายเป็นดีบอลเด้งผ่าน ติโบต์ กูร์กตัวส์ เข้าประตูไป
         
                                      มาร์กอส อลอนโซ่ โดน แบร์นาโด้ ซิลวา ตัดหน้าไปยิงประตู
การเสียประตูนี้ควรจะต้องโทษ มาร์กอส อลอนโซ่ ที่ตาเอาแต่มองบอลไม่มองคู่แข่งที่สอดขึ้นมา แม้กระทั่งตอนโดนตัดหน้าไปยิงประตูแบ็คชาวสเปนยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำจากภาพช้าที่ตาไม่ได้มองเลย
การเสียประตูทำให้แผนที่เตรียมตั้งแต่แรกเริ่มพังทันที จากที่จะเน้นรับต่อไปคงต้องการทางทวงประตูคืนให้ได้เพราะต้องการคะแนนเพื่อเบียดเข้าสู่พื้นที่ท๊อปโฟร์ 
ทันทีที่โดนเจาะตาข่ายภาพตัดกลับมาที่ม้านั่งสำรองที่หน้าของ อัลบาโร่ โมราต้า และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ สองกองหน้าที่ดูท่าจะได้ลงสนามเร็วกว่าที่คาดกันไว้
แต่เปล่าเลย รูปเกมยังเป็นเหมือนเดิม แมนฯ ซิตี้ บีบเกมสูงให้ เชลซี เสียบอล เกมรุกของผู้มาเยือนยังคงอัมพาตกิน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการครองบอลที่เป็นรองสุดกู่เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
โอกาสน้อยครั้งของ เชลซี ในเกมโต้กลับต้องมาพังบ่อยครั้งเพราะความไม่รู้ใจของ เปโดร และ อาซาร์ จังหวะจ่ายบอลของกองหน้าชาวสเปนเกินตลอด อย่าว่าแต่วิ่งเอาบอล ให้ขับรถไปบางทียังไม่ทัน ทีเด็ดจาก วิลเลี่ยน ด้วยการลากตัดจากซ้ายเข้ากลางแล้วกดด้วยขวาไม่มีให้เห็นเพราะตัวเองยืนทางขวา จะลากตัดเข้ากลางแล้วยิงด้วยซ้ายแทบเป็นไปไม่ได้ อย่าว่าแต่บอลมายังไม่ถึงด้วยซ้า
                 
                                                                เอแด็น อาซาร์ เล่นไปส่ายหัวไป
เกมรุกของ "สิงห์บลูส์" ยิ่งเล่นยิ่งท้อ ยิ่งเวลาผ่านไปทุกคนแทบจะเดินเล่น จริงอยู่ เปโดร วิ่งหาบอลตลอด แต่จังหวะจ่ายบอลห่วยจนแทบรับไม่ได้ หลายครั้งภาพจับไปที่ อาซาร์ เดินส่ายหัว
โดยเฉพาะในจังหวะที่ ไคล์ วอล์คเกอร์ จ่ายบอลพลาดเข้าเท้า เปโดร ได้จังหวะกระชากขึ้นมาก่อนพยายามไหลให้ อาซาร์ แต่บอลเลยไปชนิดที่เรียกว่าไม่ต้องลุ้น
จากที่รอให้คู่แข่งพลาดเพื่อหาโอกาสตอบโต้กลายเป็นว่าเกมรุกของ เชลซี พลาดกันเองไปด้วย ไม่ได้ฉกฉวยความผิดพลาดของคู่แข่งให้เป็นประโยชน์เลย
จะมีสักกี่เกมที่แนวรุกทั้งสามคนของทีมโดนเปลี่ยนในเกมเดียว เริ่มจาก วิลเลี่ยน โดนก่อนนาทีที่ 78 เอา โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ลงมาแทน ตามด้วย เปโดร นาทีที่ 82 เอา เอแมร์ซอน ที่ปกติเล่นแบ็คดันไปเล่นเกมรุกเลย ปิดด้วย อาซาร์ เอา อัลบาโร่ โมราต้า ลงมาแทนนาทีสุดท้าย
ถามว่าสามคนที่ลงมาได้โอกาสรึเปล่า ต้องถามกลับว่าโดนบอลรึเปล่าดีกว่า 
คอนเต้ โดนตำหนิเปลี่ยนตัวช้า คิดช้า ไม่เปิดหน้าแลก แพ้มากแพ้น้อยก็แพ้เหมือนกัน แต่กลับไม่รู้ ภาพกุนซืออิตาเลี่ยนที่ตะโกนโวยวายสั่งการข้างสนามตลอดเวลากลายเป็นมองเกมแล้วคิดไม่ออกว่าจะแก้ไขยังไง ยิ่งนักเตะ เชลซี ไม่ไล่ ทีมของ เป๊ป ก็ถ่ายบอลไปมากินเวลาหลายนาที 
    
                                                      โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ลงมาก็ไม่ได้ช่วยให้เกมดีขึ้น
โอกาสสุดท้ายที่น่าจะเป็นโอกาสทองที่สุดที่ มาร์กอส อลอนโซ่ แต่บอลก็พุ่งเฉี่ยวเสาออกไป สุดท้ายลงเอยด้วยความพ่ายแพ้
วันนี้ไม่ใช่วันของ เปโดร ไม่ใช่วันของ อาซาร์ ไม่ใช่วันของ วิลเลี่ยน ไม่ใช่วันของ ฟาเบรกาส หรือจะบอกว่าไม่ใช่วันของเชลซีเลยแม้กระทั่งแฟนบอลที่ส่งเสียงเชียร์ก็ตาม
ถือเป็นการแพ้เกมเยือนในลีก 3 เกมติดต่อกันแล้ว ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยกับทีมอย่าง เชลซี ให้น่าหวั่นใจกับการต้องบุกไปเยือน บาร์เซโลน่า ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยังดีที่ก่อนถึงวันนั้นยังมีเกมลีกในบ้านกับ คริสตัล พาเลซ อยู่ 
ส่วนจะเป็นเกมเรียกความมั่นใจหรือยิ่งทำลายความมั่นใจแฟนสิงห์ก็คงต้องรอดูกันไป


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด