จากบัลลงดอร์สู่ลีกซาอุ เส้นทางลูกหนังที่บิดเบี้ยวและไม่มีทางให้เลี้ยวกลับของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
ย้อนหลังไปเมื่อราว ๆ 5 ปีก่อน ชื่อของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยังถูกจารึกไว้บนถ้วยรางวัลสีทองที่นักเตะทั้งโลกปราถนาอยากได้มาครอบครองอย่างบัลลง ดอร์ อยู่เลยนะครับ ซึ่งในปีนั้นคือการได้บัลลง ดอร์ เป็นสมัยที่ 5 ในอาชีพการค้าแข้งของตัวเขาเอง อีกทั้งยังเพิ่งคว้าแชมป์ยุโรปกับ เรอัล มาดริด ติดมือมาอีกด้วย ใครจะไปคาดคิดครับว่าถัดจากนั้นมาอีก 5 ปี เส้นทางของดาวเตะคนนี้จะมาบรรจบที่ลีกเอเชียอย่าง ซาอุดีอาระเบีย กับทีม อัล นาสเซอร์ ทั้งที่หากมองไปยังความสามารถของเขานั้น นักเตะอย่าง โรนัลโด้ สามารถที่จะเล่นในลีกระดับท็อปของยุโรปต่อได้สบาย ๆ เลย จุดเปลี่ยนสำคัญของเขาคือการย้ายจาก ยูเวนตุส มาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลที่แล้วนั่นแหละครับ โรนัลโด้ กลับมาบ้านหลังเก่าในตอนที่ทีมไม่ได้อยู่ในระดับท็ิอปของลีกอีกแล้ว ปัญหาภายในมีมากมายทั้งจากบุคลากรด้านฟุตบอลรวมไปถึงบุคลากรด้านการบริหาร แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น เขาก็ยังทำผลงานส่วนตัวได้น่าพอใจ ยิงให้ทีมได้มากถึง 24 ประตูจาก 38 นัดรวมทุกรายการ เป็นเดอะแบกในแดนหน้าที่ไว้วางใจได้เสมอยามที่ทีมต้องการประตู แต่ทุกอย่างมันเริ่มย่ำแย่ก็ตั้งแต่ตอนที่ เอริก เทน ฮาก เข้ามาคุมทีม และตัวเขาดูเหมือนว่าจะมีการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกับกุนซือใหม่ตั้งแต่ยังไม่เจอหน้าค่าตากันบนสนามซ้อมเลยด้วยซ้ำ ช่วงปิดฤดูกาล ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสไม่ได้กลับมารายงานตัวที่แค้มป์ โดยเขาอ้างว่ามีปัญหาครอบครัว จนทำให้สุดท้ายแล้วเขาไม่ได้อยู่กับทีมช่วงปรี ซีซั่น เพื่อเรียกความฟิตเลย โดยเฉพาะช่วงที่มาทัวร์เอเชีย ทำให้แฟนบอลฝั่งนี้ที่รอเจอตัวซูเปอร์สตาร์รายนี้ต้องผิดหวังกันไปเป็นแถบ ๆ ในตอนนั้น มีข่าวลือมากมายว่าเขาเองต้องการที่จะย้ายทีม เพราะต้องการลงเล่นในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีสโมสรไหนมาคว้าตัวไปร่วมทัพจริงจัง จนสุดท้ายต้องดูเหมือนว่าเขาจำเป็นที่จะต้องกลับมาร่วมฝึกซ้อมกับปีศาจแดงตามปกติ เอริค เทน ฮาก กุนซือใหม่ถือว่าค่อนข้างให้เกียรติ โรนัลโด้ พอสมควร เขาพยายามไม่ถือสาอะไรมากนัก กลับมาซ้อมก็ให้โอกาสลงสนามในนัดที่อุ่นเครื่องกับ ราโย บาเยกาโน่ ทว่า โรนัลโด้ ก็ดันมาหนีกลับบ้านก่อน จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก อย่างไรก็ดี เทน ฮาก ยังคงให้โอกาสกับสตาร์ดังรายนี้และไม่เคยตำหนิผ่านสื่อให้เรื่องราวใหญ่โตอะไร ประเด็นในครั้งนั้นจึงเงียบหายไปตามสายลม ผ่านไป 3 เดือน โรนัลโด้ มีชื่อกลับมาอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ด้วยการเดินออกจากสนามก่อนหมดเวลาอีกครั้ง ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ดูจะหนักกว่าตอนเกมอุ่นเครื่องเยอะ เพราะมันคือเกมบิ๊กแมตช์ที่เจอกับ สเปอร์ส และเป็นเกมที่ค่อนข้างมีความสำคัญต่อทีมมาก ๆ ในพรีเมียร์ลีก ปาทริซ เอฟร่า ที่ทำหน้าที่เป็นคอมเมนเตเตอร์เกมคู่นี้ในสนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด พูดถึงประเด็นนี้แบบแบ่งรับแบ่งสู้ว่า "ผมคิดว่าเราทุกคนแตกต่างกันนะ ผมต้องการพูดถึงเรื่องผลงาน ไม่ใช่เพื่อปกป้อง คริสเตียโน่ หรืออะไรก็ตาม" "เราไม่รู้ว่าเขาพูดกับ เอริค เทน ฮาก มาก่อนหรือเปล่า ว่า 'บอส ผมจะเข้าไปก่อนนะ' ในตอนนี้เราจะมาสร้างเรื่องดราม่าขึ้นมาเพียงแค่เขาเดินไปเฉย ๆ เนี่ยนะ" "เขาอาจจะบอกกับ เทน ฮาก ว่าต้องการเข้าไปข้างในเพื่อรับการรักษาอาการบาดเจ็บก่อนก็ได้ ผมไม่ได้หาข้อแก้ตัวใด ๆ แต่ผมคิดว่าเราต้องโฟกัสกับฟอร์มของทีมมากกว่า เราควรต้องหยุดพูดถึง คริสเตียโน่ กันในทุกวันได้แล้ว" ขณะที่ เธียร์รี่ อองรี ซึ่งทำหน้าที่เป็นคอมเมนเตเตอร์ด้วยกัน ก็แสดงความคิดเห็นว่านี่คือปัญหาที่สโมสรต้องจัดการ "ในมุมผม ผมเข้าใจ เทน ฮาก นะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะคนเป็นกุนซือต้องทำทุกอย่างเพื่อทีม ไม่ใช่เพื่อ คริสเตียโน่" "เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมและคุณต้องหาทางแก้ไข บางครั้งทีมต้องเล่นโดยไม่มีเขา สิ่งที่ยากคือเมื่อมีคนพูดถึงเขา แต่คนที่วิจารณ์เขาก็ไม่สามารถทำแบบที่้เขาเคยทำได้ ในตอนนี้มันเป็นเรื่องของสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ซึ่งไม่เหมาะสม และสิ่งที่เขาทำอยู่นี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาเคยทำมาก่อนในอดีต มันเป็นเรื่ิองที่สโมสรต้องหาทางออกร่วมกัน" ดิออน ดับลิน อดีตกองหน้าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีความเห็นในเรื่ิองนี้ว่า การกระทำของ โรนัลโด้ คือเรื่องที่ไม่สมควรเท่าไหร่ "มันผิดปกติมาก พูดตรง ๆ ผมรัก โรนัลโด้ นะ และผมก็เคารพเขามาก ในมุมผม ผมคิดว่าเขาน่าจะมีเวลาในสนามมากกว่านี้ เขาสามารถสร้างความแตกต่างได้แน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม เกมยังคงดำเนินต่อไป เพื่อนร่วมทีมของคุณยังคงเล่นอยู่ คุณจะเดินหนีทีมไปไม่ได้" "ผมรู้ว่าเขาหลงใหลในการเล่นให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด มากแค่ไหน แต่สำหรับคืนนี้ ผมคิดว่าเขาทำผิดอย่างมหันต์เลยล่ะ" "ผมมองไม่เห็นว่าเขาจะอยู่กับทีมจรครบสัญญา หรือแม้แต่จบฤดูกาลนี้ด้วยซ้ำ ผมคิดว่าเขาอาจย้ายทีมตั้งแต่เดือนมกราคม แน่นอนว่าผมไม่ได้ไปอยู่ในสนามซ้อม แต่มองจากข้างนอกเข้าไป ผมว่าเขาอาจจะย้ายทีมในเร็ว ๆ นี้" ฝั่ง ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตรุ่นพี่ในทีมก็แสดงความเห็นคล้ายกันว่า หาก โรนัลโด้ ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในแผนของ เอริค เทน ฮาก สโมสรควรพิจารณาถึงการแยกย้ายกันไปจะดีกว่า "ถ้าหากสโมสรไม่เห็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นตัวจริงในทีม อาจต้องปล่อยเขาออกไป เพราะมันไม่ยุติธรรมกับใครเลย ทั้งตัวของ คริสเตียโน่ และ เทน ฮาก ที่ต้องมาตอบคำถามทุกครั้งว่า -ทำไม โรนัลโด้ ถึงไม่ออกสตาร์ตตัวจริง - สิ่งนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ขัดขวาง เทน ฮาก ในการก้าวไปข้างหน้า มันไม่ได้ช่วยใครเลยสักคน" "ผมคิดว่า คริสเตียโน่ จะนอนไม่หลับในคืนนี้ เขาอาจต้องคิดทบทวนว่า บทบาทของเขาที่สโมสรนี้คืออะไร" หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว เอริค เทน ฮาก ได้ตอบข้อสงสัยทุกอย่างในเพรส คแสเฟอเรนซ์ ก่อนเกมกับ เชลซี อย่างตรงไปตรงมาในหลายคำถาม เขายอมรับว่า โรนัลโด้ ปฏิเสธที่จะลงสนามในฐานะตัวสำรองเกมกับ สเปอร์ส และจะไม่ได้อยู่ในทีมเกมที่พบกับ เชลซี เพื่อเป็นการลงโทษ เพราะนี่คือครั้งที่สองแล้วที่เขาออกจากสนามก่อนคนอื่น เทน ฮาก กล่าวว่า เขาได้เตือนไปแล้วในช่วงปรี ซีซั่น ไม่ใช่แค่ โรนัลโด้ แต่เป็นการบอกทุกคนในทีม ดังนั้น หากมีครั้งที่สองจำเป็นต้องมีบทลงโทษ เพราะฟุตบอลเล่นกันเป็นทีม จำเป็นต้องมีกฏให้ทุกคนปฏิบัติตาม หาก โรนัลโด้ ยอมถอยและปรับตัวยอมรับบทบาทที่เปลี่ยนไปได้ เป็นรุ่นพี่ เป็นตัวสำรองที่ลงมาพลิกเกม เป็นขาใหญ่ให้เด็กรุ่นหลังเก็บเกี่ยวความรู้ นั่นคือทางลงที่สวยงามที่สุดแล้ว เขาสามารถเดินจากไปในตอนจบฤดูกาลหรือตอนตลาดเดือนมกราคมท่ามกลางคำสรรเสริญมากมาย เพราะเครดิตที่ผ่านมาของเขานั้นถือว่ายิ่งใหญ่และแฟนบอลยังให้ความเคารพเสมอ แต่แล้วในช่วงก่อนที่ฟุตบอลโลกจะเริ่มขึ้น โรนัลโด้ กลับทำสิ่งที่แฟนบอลปีศาจแดงไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะนั่นคือคำวิจารณ์แบบจัดเต็มจากปากของ โรนัลโด้ ที่วิจารณ์สโมสร รวมไปถึง เทน ฮาก อย่างไม่เอาพี่เอาน้องกันเลยทีเดียว โรนัลโด้ ไปออกรายการของ เพียร์ซ มอร์แกน และระบายสิ่งที่อยู่ในใจแบบไม่มีเม้ม ทั้งระบบบริการต่าง ๆ ในสโมสรที่เขารู้สึกว่าไม่ได้พัฒนาไปจากตอนที่เขาย้ายออกไปรอบแรกเลย แถมยังจวก เทน ฮาก ว่าไม่ให้เกียรติตัวเขาเลยสักนิด หลังจากที่ออกรายการดังกล่าว โรนัลโด้ ถูกสโมสรยกเลิกสัญญาทันที และกลายเป็นนักเตะไร้สังกัดนานร่วมเดือน โดยจากทีแรกที่คาดว่าทีมดัง ๆ หลายทีมจะมารุมตอมของฟรีเกรดระดับโลกแบบ โรนัลโด้ แต่ไป ๆ มา ๆ กลับไม่ใฝมีทีมไหนเลยที่สู้ค่าเหนื่อยของเขาไหว โรนัลโด้ ไปร่วมซ้อมเรียกความฟิตกับ เรอัล มาดริด อยู่ช่วงหนึ่ง จนกระทั่งมี อัล นาสเซอร์ นี่แหละครับที่ติดต่อจริงจังเข้ามา อัล นาสเซอร์ เป็นหนึ่งในทีมใหญ่ทีมหนึ่งในลีกสูงสุดของซาอุดิอาระเบีย โดยตั้งอยู่ในเมืองหลวงของประเทศอย่างกรุงริยาด และคุมทีมโดย รูดี้ การ์เซีย อดีตกุนซือของ โอลิมปิก ลียง และ โรม่า เสียด้วย สโมสรนี้เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จเป็นอันดับ 2 ของลีกซาอุดีอาระเบีย โดยคว้าแชมป์ ซาอุดิ โปร ลีก ไป 9 สมัย ซึ่งคู่แข่งอย่าง อัล ฮิลาล นั้นคว้าไปได้ถึง 18 สมัย อัล นาสเซอร์ ประสบความสำเร็จในการนำตัวของ โรนัลโด้ มาร่วมทัพ ด้วยสัญญา 2 ปีครึ่ง ฟาดค่าเหนื่อยในระดับ 200 ล้านยูโรต่อปี มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของนักฟุตบอล ทำลายสถิติของ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ไปอย่างราบคาบ โรนัลโด้ กล่าวเปิดใจว่า "ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ กับประสบการณ์ใหม่ในลีกและประเทศที่แตกต่าง วิสัยทัศน์ของ อัล นาสเซอร์ เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจผมมาก ผมตื่นเต้นสุด ๆ ที่จะได้ร่วมงานกับเพื่อนร่วมทีมและอยากที่จะช่วยทีมให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น" ข่าวจาก มาร์ก้า รายงานเพิ่มว่า อัล นาสเซอร? เล็ง โรนัลโด้ ไว้ให้เป็นทูตของสโมสรหลังหมดสัญญา เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับลีกฟุตบอลในประเทศและเพื่อเป็นคีย์หลักสำคัญในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2030 ร่วมกับประเทศกรีซและอียิปต์ เจมี่ คาราเกอร์ พูดถึงดีลนี้ว่า "มันเป็นจุดจบที่น่าเศร้าสำหรับ โรนัลโด้ เขาจบอาชีพด้วยการให้สัมภาษณ์กับ เพียร์ซ มอร์แกน และตามมาด้วยการที่ ลิโอเนล เมสซี คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก" ขณะที่ แกรี่ เนวิลล์ อดีตแบ็กขวาระดับตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงความเห็นว่า "ผมคิดว่า โรนัลโด้ น่าจะอยากเล่นในยุโรปต่อ แต่ไม่มีข้อเสนออย่างจริงให้กับเขา จริง ๆ แล้วคนอย่างเขาควรมาแขวนสตั๊ดกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ใช่กับ อัล นาสเซอร์" ส่วนแฟนบอลต่างประเทศมีมุมมองแตกต่างกันไป บางรายบอกว่า โรนัลโด้ กลืนน้ำลายตัวเองที่เคยบอกว่าอยากจะเล่นอยู่กับทีมในลีกระดับท็อปเท่านั้น แต่บางคนก็บอกว่าเขารักษามาตรฐานของตัวเองได้ดีมากแล้ว แม้ว่าจะอายุ 37 ปี แต่ยังสามารถย้ายทีมและโกยเงินต่อปีในฐานะนักฟุตบอลที่มากที่สุดในโลกได้ ถือว่าไม่ธรรมดาเลย แล้วคุณ ๆ ล่ะครับ คิดว่าการย้ายทีมครั้งนี้ของ โรนัลโด้ เป็นจุดจบของอาขีพการค้าแข้ง หรือแค่มาพักใจก่อนจะหาทางกลับไปสร้างชื่ออีกครั้งในยุโรป เป็นการคาดการณ์ที่น่าสนใจและน่าจับตามองไม่น้อยเลยสำหรับชายผู้นี้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้