แต่ผมคิดว่า เบล ไม่ได้แคร์อะไรกับตรงนี้ และเขาไม่ได้แคร์มานานแล้ว
การย้ายไป อเมริกา สำหรับ เบล ก็เหมือนการไปเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนลุยฟุตบอลโลกหนแรกและหนสุดท้าย ถือเป็นการสั่งลา เวลส์ ทีมที่เขารักยิ่งชีพ เมื่อเสร็จภารกิจก็ได้เวลาร่ำลากันจริงๆ
ผมรู้สึกว่า เบล เป็นคนแบบนี้ เป็นคนประเภทไม่กังวลเรื่องชื่อเสียง
เขาผ่านฟุตบอลโลกกับ เวลส์ โดยไม่มีเกมให้จดจำ
เขาประกาศเลิกเล่นในบ่ายวันจันทร์ โดยไม่มีงานเลี้ยง ไม่มีแฟนบอล ไม่มีใครขึ้นเวทีกล่าวสดุดี
ไม่ต้องให้เพื่อนมาตั้งแถว ไม่ต้องถือไมโครโฟนบอกความในใจ
มีเพียงข้อความขอบคุณผู้มีส่วนร่วมบนเส้นทางอาชีพของเขาบนทวีตเตอร์ ไล่เรียงตั้งแต่ต้นจนจบ...แค่นั้นไม่เร้าหรือ
แต่ไม่ว่าคุณจะมอง เบล อย่างไร ในมุมของการเป็นนักเตะ ช่วง 10 ปีหลังมานี้ถือได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในตัวท็อปของวงการ จะว่าไปการเติบโตของเขาก็นับว่าอัศจรรย์ทีเดียว
เกิดที่ คาร์ดิฟฟ์ เข้าอะคาเดมี่จริงจังที่ เซาท์แธมป์ตัน ย้ายมา สเปอร์ส ปี 2007
ใช้เวลานานพอควรทั้งการบ่มเพาะฝีเท้าและต่อสู้กับปัญหาบาดเจ็บ
ปี 2011 เริ่มฉายแววโดดเด่น ปีต่อมาเปลี่ยนจากเบอร์ 3 มาใส่เบอร์ 11 เพราะดีเกินกว่าจะเล่นแบ็กซ้าย
16 มีนาคม 2013 เบล กลายเป็นที่รู้จักของทั้งโลก เมื่อระเบิดฟอร์มยิงแฮตทริกใส่ อินเตอร์ มิลาน ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก
ครานั้น ผมเองเป็นหนึ่งในคนที่ตั้งข้อสงสัยว่า สิ่งที่เห็นคือ พลุ หรือ ดวงดาว ?
ให้หลังเพียงไม่นาน เบล ก็ขจัดข้อสงสัยนี้หมดสิ้นไป เขาคือสตาร์ตัวจริง ผู้ไต่เต้าขึ้นมาจากแบ็กซ้ายอันเป็นเคสที่ยากนักจะเกิดขึ้นกับนักฟุตบอลซึ่งก้าวขึ้นมาเล่นในระดับอาชีพแล้ว
บางรายเปลี่ยนแล้วแย่ บางรายเปลี่ยนดีขึ้น แต่ของ เบล เปลี่ยนแล้วกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ค่าตัว 100 ล้านยูโรคนแรกของโลกไปเลย
ย้อนเวลากลับไป สมัยประจำการอยู่สเปน ผมยังจำช่วงเวลาสัก 2 วัน ก่อน เบล เดินทางมา มาดริด ได้ดี
บ่ายวันนั้น ผมเข้าไปทำงานที่ ซานตีอาโก้ เบร์นาเบว พอดี ได้เห็นเจ้าหน้าที่กำลังตั้งเวทีชั่วคราวอยู่บนอัฒจรรย์ฝั่งบล็อควีไอพีของสนาม เพื่อใช้ในงานเปิดตัว เบล โดยเฉพาะ ทำให้รับรู้ได้ถึงความเป็นสตาร์ของเขาในสายตาของ เรอัล มาดริด
การมาของ เบล ทุกคนที่นั่น คาดหวังสูงมาก ด้วยค่าตัวที่สูงเป็นประวัติการณ์และเมื่อมาแล้วก็ได้ถือกำเนิด ‘ลา เบเบเซ’ 3 ประสานแนวรุกที่ดีที่สุดยุคนึงของสโมสร
กับ เรอัล มาดริด จะบอกว่า เบล เป็นนักเตะที่แฟนบอลทั้งรักและชังก็คงไม่ผิด
วีรกรรมที่ เบล ก่อไว้ จัดว่าหนักไม่ใช่เล่น
25 ก.พ. 2019 ปัดมือมือ ลูกัส บาสเกซ ที่พยายามเข้ามากอดแสดงความยินดีออก ทั้งๆที่เพิ่งยิงจุดโทษใส่ เลบันเต้ สาเหตุมาจากหงุดหงิดที่ไม่ได้เป็นตัวจริง
20 พ.ย. 2019 ฉลองการผ่านเข้ารอบสุดท้ายยูโรของ เวลส์ ด้วยการชูป้าย “เวลส์,กอล์ฟ,มาดริด”
วีรกรรมนี้เข้าขั้นระดับตำนานเลยทีเดียว เป็นมุกการจัดลำดับความสำคัญในชีวิตของ เบล ที่ มาดริดิสต้า ไม่ขำเลยสักนิด แต่เจ้าตัวก็หาแคร์ไม่
23 มี.ค. 2022 หลังไม่ปรากฏตัวในเกมเอล กลาซีโก้ และในสนามซ้อม โดยให้ข่าวว่ามีอาการเจ็บหลัง แต่อีก 48 ชั่วโมงต่อมา เมื่อเปลี่ยนเป็นเกมทีมชาติ ก็มีภาพ เบล ลงซ้อมอย่างเต็มที่กับ เวลส์ เตรียมตัวลงเล่นเกมคัดเลือกฟุตบอลโลก จน นสพ.มาร์ก้า พาดหัวเเซะว่า “เขาไม่เจ็บแล้ว”
10 ก.ค. 2020 เอาแมสก์มาปิดตา แกล้งนอนหลับบนเก้าอี้ตัวสำรองที่ข้างสนามในเกมกับ อลาเบส แสดงถึงการไม่เกียรติการแข่งขัน ทีมตัวเอง และทีมคู่แข่ง
อย่างก็ไรก็ตาม ในความร้ายกาจ การหายตัวไปอย่างแปลกประหลาด ความหยาบคาย ความหลงใหลในกีฬากอล์ฟ ภาพถ่ายที่มีข้อความที่ไม่เหมาะสม และการขาดความเอาใจใส่ต่อแฟนๆ เบล เองก็มีผลงานระดับมาสเตอร์พีซมากมายที่ฝากไว้
ชอตวิ่งแซง มาร์ค บาร์ต้า จากนอกสนาม เข้าไปจิ้มผ่าน โฆเซ่ มานูเอล ปินโต้ ในนัดชิง โกปา เดล เรย์ นัด เมื่อวัน16 เมษายน 2014 นั่นก็ลือลั่นจนกลายเป็นตำนาน
ลูกโขกขึ้นนำ แอต.มาดริด ในช่วงต่อเวลาพิเศษ เกมนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีก ที่ ลิสบอน (หลังลูกโหม่งตีเสมอของ รามอส นาทีที่ 90+3) เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2014 นั่นก็คือประตูสุดสำคัญ
เมื่อ 26 พ.ค. 2018 เปลี่ยนตัวลงมายิง 2 ประตูในนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีกกับ ลิเวอร์พูล ที่กรุงเคียฟ
ลูกแรก ตีลังกายิงจากเส้น18 หลา นับเป็นหนึ่งในประตูที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์นัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีกก่อนที่ลูกต่อมาจะซัดไกล 40 หลา ผ่านมือ คารีอุส ที่รับพลาด นอกจากนี้ยังมีอีกมากมายหลายประตู และหลายเกมที่ เบล สร้างความประทับใจให้กับแฟนๆชุดขาว
จาก 2013-2022 รวมแล้ว เบล เล่นให้ มาดริด ทั้งสิ้น 258 นัด ยิง 106 ประตู แอสซิสต์ 67 ครั้ง,ใบเหลือง 26 ใบ,เหลืองแดง 1 ใบ และ แดงแบบไดเรกต์อีก 1 ใบ
ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ ลา ลีกา 3 สมัย
แชมเปี้ยนส์ลีก 5 สมัย
โกปา เดล เรย์ อีก 1 สมัย
ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 3 สมัย,สโมสรโลก 3 สมัย ,ซูเปร์โกปา อีก 1 สมัย รวม 16 ถ้วยแชมป์
ด้วยจำนวนประตู,จำนวนเกมที่และจำนวนแชมป์ที่คว้ามาได้ จะปฏิเสธว่า เบล ไม่ใช่ตำนาน เรอัล มาดริด ก็คงยาก แต่หากจะรับไว้ในอ้อมใจอย่างไร้ข้อแม้ ก็ดูจะขัดๆเช่นกัน
ช่วงเวลาของ เบล ที่ มาดริด มันเป็นอะไรที่ไม่เหมือนใครหน้าไหนจริงๆ
มันย้อนแย้ง มันสุข มันขม มันเดือดดาล และดีใจ สัมผัสได้ถึงความรักและชิงชังคราเดียว
นักเตะแบบนี้ มีไม่มากนัก ซึ่งไม่ว่าจะมุมไหนก็ตาม ชื่อของ แกเร็ธ เบล ก็จะอยู่ในความทรงจำของ มาดริดิสต้า ไปอีกนานแสนนาน
เจมส์ ลา ลีกา
