"จบเมื่อไหร่ แล้วใครจะวิน" การเทคโอเวอร์ที่ชัดเข้ามาทุกทีๆ
บทความนี้มาจากข้อสังเกตและข้อมูลโดยละเอียดจาก The Telegraph ถึงเรื่องข้อเสนอการยื่นเทคโอเวอร์สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนั้นกำลังจะมีกำหนดประกาศในช่วง 10 วันข้างหน้า โดยที่กลุ่มทุนตระกูลเกลเซอร์ยังคงเปิดกว้างสำหรับข้อเสนอต่างๆที่จะเป็นไปได้อยู่จนถึงช่วงเดือนเมษายน ซึ่งแคนดิเดทแต่ละรายก็กำลังเตรียมตัวนั้น
สิ่งที่เราจะได้เห็นภาพคร่าวๆคือ "ข้อเสนอที่ปลิง(เกลเซอร์)ต้องการคืออะไร?" / "สโคปช่วงเวลาของbidding process จะเสร็จสิ้นวันไหน" / หรือเรื่อง "ม้าแข่งมีกี่ตัว และตัวไหนจะมีโอกาสเข้าวินบ้าง?"
บทความนี้จะทำให้ผู้อ่านได้เห็นภาพคร่าวๆเพื่อเข้าใจสถานการณ์โดยรวมของการเปิดประมูลสโมสรเราในครั้งนี้
1. เกลเซอร์ต้องการขายราคาเท่าไรกันแน่
โดยนักลงทุนที่มีกำลังซื้อกล่าวว่า ข้อเสนอที่มากกว่า 5 พันล้านปอนด์นั้นมีความเป็นไปได้มาก แต่ราคาสุดท้ายของดีลจะชัดเจนยิ่งขึ้นในเดือนนี้ และจะเห็นชัดขึ้นว่ามีใครเข้ามาเสนอราคาบ้าง ยกตัวอย่างเช่นกองทุนรวมแห่งความมั่งคั่งของชาติตะวันออกกลางที่เข้ามา ก็จะส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อเพดานของดีลนี้
มีนักลงทุนบางรายที่แสดงความสนใจมาตั้งแต่ช่วงต้นๆนั้น ว่ากันว่ามีได้ถอนตัวไปบ้างแล้ว หลังจากเทียบกันและเห็นว่าทีมคู่แข่งในพรีเมียร์ลีกอย่างเชลซีนั้นถูกขายในราคาเพียง 2.5 พันล้านปอนด์
แต่อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นมาก็มีรายอื่นเข้ามาอีกเรื่อยๆ และชี้ว่า ด้วยมูลค่ามากกว่า 5พันล้านปอนด์นั้นสามารถจะเป็นไปได้
ในยามที่สองพี่น้องโจเอล และ อัฟราม เกลเซอร์นั้นมีอำนาจโดยรวมต่อยูไนเต็ด การขายนี้จะต้องได้รับการยินยอมตกลงจากพี่น้องทุกคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียในสโมสร และมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไปอย่างชัดเจนภายในครอบครัว
พูดง่ายๆว่าบอร์ดจะต้องได้ข้อกำหนดร่วมกันเป็นการภายในก่อน
ซึ่งมีโอกาสน้อยถ้าหากจะเข้ามาเทคโอเวอร์อย่างสมบูรณ์แบบได้ในราคาต่ำกว่า 5 พันล้านปอนด์ ดังนั้นราคาสูงสุดจะต้องมีการกำหนดขึ้นมาเพื่อให้ลดโอกาสที่จะเกิดการมีปัญหาโต้แย้งกันภายในว่าจะลงเสียงให้ข้อตกลงนี้ผ่านหรือไม่ผ่าน
2. มีเพียงแค่ Sir Jim Ratcliffe หรือไม่ที่ประกาศความสนใจออกมา มีรายอื่นเจ้าไหนอีก?
หลักๆก็มี ผู้ประมูลจากสหรัฐ / นักลงทุนบางเจ้าที่เคยแสดงความสนใจเชลซี / และกลุ่มลงทุนจากอาหรับ สามกลุ่มใหญ่คือเหล่าผู้นำซึ่งน่าจับตามองในดีลครั้งนี้ ตามรายละเอียดที่เปิดเผยกันก่อนหน้านี้ว่า แคนดิเดททั้งจากอเมริกัน ตะวันออกกลาง หรือกลุ่มจากเอเชียนั้นได้มีการแสดงความสนใจกันเป็นการภายในเช่นกัน
เหล่านักประมูลจากสหรัฐถือเป็นกลุ่มผู้นำอีกกลุ่มหนึ่งที่ถูกมองว่าเป็น leaders ที่จะมาเทคสโมสรแห่งนี้ได้ แต่กลุ่มจากดูไบ ถูกตัดออกไป เนื่องจากว่าประเทศนี้ได้รับการสนับสนุนจากทุนของอาบูดาบี ซึ่งเป็นเจ้าของแมนเชสเตอร์ซิตี้อยู่แล้วนั่นเอง
ผู้เชี่ยวชาญในการนี้ชี้ว่า กลุ่มประเทศตะวันออกกลางที่สนใจลงทุนด้านฟุตบอลมากที่สุดคือ Qatar และ Saudi Arabia ในระดับถัดมา เรื่องที่รัฐเป็นเจ้าของ PSG กับ Newcastle นั้นอาจจะทำให้มันวุ่นวายสักเล็กน้อย แต่ Doha ก็อยากที่จะก้าวมาอยู่ในระดับแนวหน้าของพรีเมียร์ลีกมากขึ้น ซึ่งจากสองชาติดังกล่าวนั้น การเข้ามาเกี่ยวข้องของกลุ่มทุนกาตาร์ในดีลนี้น่าจะเป็นที่พอใจต่อระบบการทดสอบต่างๆของกรรมการและเจ้าของมากขึ้น
3. กาตาร์เป็นเจ้าของควบสองสโมสรได้หรือไม่?
QSI (The Qatar Sports Investment group) ซึ่งเป็นเจ้าของ PSG อยู่นั้นกำลังหาความเป็นไปได้ที่จะขยายการลงทุนที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้นมาที่สังเวียนพรีเมียร์ลีก แต่กฎของยูฟ่าที่ไม่ให้เป็นเจ้าของสองทีมที่มีศักยภาพในแชมเปี้ยนส์ลีก แหล่งข่าวจึงคาดการณ์ว่ามันอาจจะทำให้ QSI พยายามที่จะเทคโอเวอร์เร็วๆนี้
Nasser Al-Khelaifi (อัล-เคไลฟี) ซึ่งเป็นโบรคเกอร์ด้านพลังงานในกาตาร์ ได้มาพบกับแดเนียล เลวี ของท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ เมื่อเดือนที่แล้วเพื่อพูดคุยความสนใจดังกล่าว
แต่ยังไงก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าไม่ควรตัดความเป็นไปได้จากกลุ่นทุนกาตาร์ออกจากตัวเลือกตรงนี้ ยังเป็นไปได้อยู่
The Qatar Investment Authority คือกองทุนแห่งความมั่งคั่งของกาตาร์ที่มีมูลค่าราว 360,000 ล้านปอนด์ ซึ่งผู้บริหารระดับสูงอย่าง Mansoor bin Ebrahim Al-Mahmoud ถูกถามคำถามจากสื่ออเมริกัน ถึงเรื่องที่จะลงทุนกับยูไนเต็ดเอาไว้ และเขาตอบไว้ดังนี้ระหว่างทริปไป Davos ว่า
"สโมสรฟุตบอลและการกีฬาต่างๆมีความเป็นเชิงพาณิชย์มากขึ้น ในขณะเดียวกัน การแปลงทุกอย่างเป็นดิจิทัลก็สำคัญมากสำหรับพวกเราทุกคน เพราะฉะนั้นโมเดลธุรกิจจากสถาบันต่างๆเหล่านี้ก็จะกลายเป็นการลงทุนที่มันทำได้ง่ายมากขึ้น"
ชัดเจนว่ากลุ่มนี้มาแน่ๆ -ผู้แปล
4. ทางฝ่ายกลุ่มทุนอเมริกันเป็นยังไงบ้าง
ความดุเดือดในการแย่งชิงเชลซีเมื่อฤดูใบไม้ผลิปีก่อนเกิดขึ้นกับฝั่งอเมริกาเป็นส่วนใหญ่ และความสนใจที่จะลงทุนในพรีเมียร์ลีกนั้นยังร้อนระอุอยู่ในUS เป็นที่รับรู้กันว่ามีความพยายามครั้งใหม่เกิดขึ้นจากกลุ่มที่พลาดโอกาสให้กับกลุ่มทุน Todd Boehly และ Clearlake Capital ที่เข้าชิงความเป็นเจ้าของสโมสรเชลซีในปีก่อน
เป็นที่เข้าใจกันว่า กลุ่มตระกูล Ricketts ซึ่งอยู่ในกลุ่มหนึ่งในสี่รายสุดท้ายที่อยู่ในรายชื่อ bid สโมสรเชลซี จะไม่ร่วมเข้ามายื่นซื้อแมนยูไนเต็ดด้วย เพราะแม้ตระกูลใหญ่ผู้เป็นเจ้าของทีมเบสบอล Chicago Cubs มีพาร์ทเนอร์เป็นมหาเศรษฐีอย่าง Ken Griffin กับ Dan Gilbert ก็ตาม
แต่สุดท้ายก็ถอนตัวออกจากกระบวนการประมูลซื้อสโมสรไปในที่สุด
ทางแผนกกีฬาของ The Telegraph เข้าใจว่ากลุ่มทุนที่มีผู้นำทางการเงินของสหรัฐ "หลายกลุ่ม" ได้ให้ความรับรองเป็นการส่วนตัวว่าพวกเขาจะ "bid" แน่นอน
แต่อย่างไรก็ตาม การที่ต้องรักษาความลับนั้นก็เป็นหนึ่งในกระบวนการของ bidding process จึงมีเพียงแค่ไม่กี่คนที่ยินดีจะเปิดเผยชื่อตรงนี้
5. เรื่องทางฝั่งเซอร์จิม แรทคลิฟฟ์
มหาเศรษฐีชาวอังกฤษผู้เป็นเจ้าของกลุ่มปิโตรเคมิคอลรายยักษ์ Ineos ประกาศภายในหนึ่งชั่วโมงว่าเขาได้มีการเข้าร่วมสู่กระบวนการคุยดีลอย่างเป็นทางการกับตัวแทนซื้อขายเป็นครั้งแรก
เช่นเดียวกันกับกลุ่มทุนอื่นๆ เขาลงนามในแบบฟอร์มข้อตกลงยืนยันว่าจะไม่เปิดเผยข้อมูลต่างๆออกมา เพื่อให้เป็นความลับ ซึ่งเซอร์จิมเป็นหนึ่งในอีกหลายๆคนที่เข้าสู่กระบวนการมาถึงขั้นตอนดังกล่าวในเบื้องต้น และเจ้าตัวเซอร์จิมเองก็รู้ว่าเขามีข้อได้เปรียบตรงที่สามารถพูดได้ว่าตนเองอยู่ในฐานะแฟนแมนยูไนเต็ดมาตลอดชีวิตและการเป็นเด็กถิ่น Oldham เมืองใหญ่ในเขตมหานคร Greater Manchester
อาจะได้รับแรงสนับสนุนจากตรงนี้
แรทคลิฟฟ์มีทรัพย์สมบัติส่วนตัวเป็นมูลค่า 6.33 พันล้านปอนด์ ยูไนเต็ดไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถจ่ายตามการตั้งราคาของทางฝ่ายเกลเซอร์ได้หรือไม่ หลังจากที่เจ้าตัวก็เคยถอนสมอออกมาในการพูดคุยดีลเชลซีเมื่อปีที่แล้ว
แล้วราคาเท่าไหร่ที่เซอร์จิมจะยื่นซื้อยูไนเต็ด หนึ่งในผู้สันทัดกรณีที่ใกล้ชิดกับ Ineos กล่าวว่า "แรทคลิฟฟ์ไม่มีวันยอมระเบิดตัวเองเพื่อทำสิ่งนั้นแน่"
พูดง่ายๆว่าเซอร์จิมน่าจะไม่เสี่ยงทุ่มหมดหน้าตักแน่นอน -ผู้แปล
6. การเทคโอเวอร์จะเรียบร้อยเมื่อใด?
ระดับสูงของสโมสรได้ผลักดันให้มีการยื่นซื้ออย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยช่วงปลายๆสัปดาห์หน้าจะมีการกำหนดวันที่เหมาะสมที่สุดขึ้นมา ช่วงเวลาดังกล่าวจะช่วยให้สโมสรสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำที่ว่าจะให้ข้อตกลงทั้งหลายดังกล่าวนี้มันเสร็จสิ้น "ก่อนที่เกมฤดูกาลปัจจุบันจะจบลง" โดยสังเขป
ด้วยเหตุนั้น ราคาที่อาจเป็นไปได้มากมายของการซื้อขายก็ขึ้นอยู่กับความสำเร็จในเรื่องโควตาแชมเปี้ยนส์ลีกด้วยที่จะเป็นส่วนสำคัญซึ่งถูกนำมาพิจารณา การเสนอราคายื่นซื้ออย่างเป็นทางการนั้นจะถูกนำมาคิดทั้งหมด รวมถึงผู้ถือหุ้นส่วนน้อยด้วย
เรนกรุ๊ป (Raine Group) กลุ่มธนาคารเพื่อการลงทุนแห่งนิวยอร์กนั้นปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเมื่อได้รับการติดต่อไปสอบถาม และยังเป็นช่องทางแรกสุดในการติดต่อสำหรับผู้สนใจ โดย CEO สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอย่าง Richard Arnold เพิ่งกล่าวเอาไว้ไม่นานมานี้ว่า ผู้ลงทุนหน้าใหม่ที่เข้ามาจะต้องเข้ามาทำงานอย่างใกล้ชิดกับแฟนบอล และเขาหวังว่าศักยภาพในการขายครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการขายทั้งหมดหรือบางส่วนนั้น จะสามารถดำเนินไปอย่างดีในเชิงบวก
ดูเหมือนว่าเส้นตายตรงนี้ยังสามารถยืดหยุ่นได้อยู่ แต่สโมสรก็ต้องการที่จะปิดดีลให้ได้ในช่วงควอเตอร์แรกของปี หรือราวๆปลายเดือนเมษายนนี้นั่นเอง
พูดง่ายๆว่าทุกอย่างน่าจะปิดคอมพลีทได้หลังสงกรานต์นี้แน่ๆ ถ้าทุกอย่างไม่มีอะไรผิดพลาด -ผู้แปล
และทั้งหมดนี้คือข้อมูลเบื้องต้นที่เราจะต้องติดตามกันต่อไป หลังจากที่เมื่อวานมีข่าวมาเพิ่มเติมเรื่อยๆ เช่นข่าวจาก Jamie Jackson [tier 3] ให้ข้อมูลถึงชื่อของท่านชีคทามิม บิน ฮาหมัด อัล-ธานี เจ้าผู้ครองกาตาร์นั้นสนใจที่จะซื้อแมนยูไนเต็ด และพิจารณาว่าข้อเสนอซื้อควรจะต่ำกว่าการตั้งราคา 6พันล้านปอนด์ของเกลเซอร์ และทางยูฟ่าอาจต้องยอมรับถึงการเปลี่ยนกฎระเบียบบางอย่าง ในเคสที่ประเทศกาตาร์เป็นเจ้าของ PSG อยู่แล้ว
ซึ่งความสนใจที่จะซื้อแมนยูนี้ทำให้กลุ่มกาตาร์ต่างๆต้องตระหนักถึงกฎยูฟ่าดังกล่าว และคงจะมีการแก้ไข รวมถึงอาจเกลี้ยกล่อมให้ทางยูฟ่าปรับปรุงกฎดังกล่าวให้เกิดขึ้นในที่สุด
ส่วนข่าวจากทาง tier 1 อย่างลุงหิน Simon Stoen ก็ยืนยันว่ามีความสนใจจากนักลงทุนเอกชนจากกาตาร์จริง แต่ QSI (Qatar Sports Investment) เป็นเครื่องมือการลงทุนหลักของพวกเขา ดังนั้นนักลงทุนเอกชนที่จะเข้ามาซื้อยูไนเต็ดอาจจะกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันขึ้นกับทาง QSI ซึ่งพวกเขาเกือบจะพูดคุยเกิดขึ้นแล้วก่อนจะเคลื่อนไหว และทางนั้นมีกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ PSG อยู่
คำถามที่สโตนถามก็คือ หากมีการลงทุนผ่านหน่วยงานของกาตาร์หรือกองทุนการลงทุนอื่นๆ จะมีความใกล้ชิดกับ QSI มากไปหรือไม่นั่นเอง (ซึ่งยูฟ่าอาจสั่งห้ามก็ได้) กรณีของยูฟ่านี้เคยอนุญาตให้ไลป์ซิก กับ ซัลสบวร์ก เจอกันเองในยูโรปาลีกปี 2018 มาแล้ว เพราะฉะนั้นเคสนี้ก็น่าคิดเหมือนกัน
พูดง่ายๆว่าเรื่องนี้แม้จะยังไม่เคลียร์ แต่กลุ่มทุนจากกาตาร์ก็มีโอกาสเช่นกันที่สามารถจะมาเทคโอเวอร์แมนยูได้ ถ้ามีการพูดคุยและตรวจสอบกันให้เรียบร้อยกับทางยูฟ่า
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่ากลุ่มไหนจะเข้ามาเทคโอเวอร์ก็ตาม ขอให้สำเร็จและอย่าได้กระเทือนถึงแผนงานของเอริค เทน ฮาก ในฤดูกาลต่อๆไปก็เพียงพอแล้ว
เชื่อว่าแฟนแมนยูบางส่วนก็คงไม่ได้เนื้อเต้นอยากได้เจ้าของร่ำรวยอะไรขนาดนั้น เพราะเรามีแบรนด์ที่ยิ่งใหญ่และหารายได้จากแรงสนับสนุนของแฟนบอลได้ ถ้ากลับไปเล่นUCL รายได้ต่างๆก็จะเข้ามามากขึ้นไปอีก ปัญหาการซื้อนักเตะเริ่มไม่ใช่เรื่องหลักแล้ว เพราะขนาดว่าไม่มีเงิน ทีมงานปัจจุบันนี้ยังหาตัวแทนที่น่าสนใจอย่างเว็กฮอร์สต์ หรือ ซาบิตเซอร์เข้ามาได้
ขอแค่ทุกอย่างเรียบร้อยทันตรงตามกรอบเวลาที่ระบุเอาไว้นี้ คือช่วงปลายเดือนเมษายน ก่อนจบฤดูกาลได้ ทุกอย่างจะยิ่งดำเนินการต่อไปในทิศทางที่เป็นบวกมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
ขอให้ทุกอย่างราบรื่นและจบลงให้เสร็จสิ้น ปีศาจแดงจะได้เริ่มต้นยุคใหม่อย่างเป็นทางการสักที
-ศาลาผี-
References