:::     :::

ไม่หวือหวาแต่ตามเป้า

วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 คอลัมน์ โรงเตี๊ยมลูกหนัง โดย ทอมมี่ ท่ามะกา
1,234
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อาร์เซน่อล ยังรักษาช่องว่างกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาไว้ที่ 2 คะแนนเช่นเดิม หลังเก็บชัยชนะได้ตามเป้าในเกมบุกย้ำแค้น เลสเตอร์ ซิตี้

หลังจากบุกชนะ แอสตัน วิลล่า ได้อย่างบีบหัวใจในสัปดาห์ก่อน อาร์เซน่อล เล่นเกมเยือนอีกนัดไปเยือน เลสเตอร์ ก่อนคว้าชัยเหนือทัพจิ้งจอกได้เป็นนัดที่ 5 ติดต่อกัน

มิเกล อาร์เตต้า ปรับทัพแนวรุกดร็อป เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ที่ร่างกายไม่สมบูรณ์เป็นเพียงสำรองและส่ง เลอันโดร ทรอสซาร์ ลงเล่น 'false 9'  

ขณะที่ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ซูเปอร์ซับยิงหนึ่งจ่ายหนึ่งจากเกมที่วิลล่า ปาร์ค ได้กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งในตำแหน่งประจำตัวรุกฝั่งซ้าย และมีข่าวดีได้ โธมัส ปาร์เตย์ ฟิตกลับมามีชื่อสำรองหลังพลาดช่วยทีมในสองนัดหลังสุด 

ส่วน เลสเตอร์ ถอด เจมส์ แมดดิสัน ที่มีปัญหาความฟิตและมีอาการป่วยเป็นเพียงสำรอง 

ทีมปืนใหญ่ ครองเกมได้เหนือกว่าตามคาดด้วยสถิติครึ่งแรกมากถึง 73 เปอร์เซ็นต์ และหาโอกาสยิง 7 ครั้ง ทว่าไม่เข้ากรอบแม้แต่ครั้งเดียว 

ทรอสซาร์ ส่งบอลตุงตาข่ายได้จากการเก็บตกหน้าเขตโทษก่อนซัดเสียบสามเหลี่ยมหมดจด แต่มีการเช็ควีเออาร์จังหวะก่อนหน้านั้นพบว่า เบน ไวท์ ไปทำฟาวล์ แดนนี่ วอร์ด ด้วยการ "ดึงมือ" ไม่ให้นายทวารจิ้งจอกกระโดดชกบอลได้ถนัด

การใช้วีเออาร์จังหวะนี้มีประสิทธิภาพ สามารถตรวจสอบเหตุการณ์ที่ผู้ตัดสินในสนามไม่มีทางรู้ได้เลย เช่นเดียวกับนักเตะเลสเตอร์หลายคนที่ทำใจไปแล้วว่าเสียประตู และมีเพียง วอร์ด เท่านั้นที่ฟ้องว่าโดนฟาวล์  

แต่กระนั้นการใช้วีเออาร์ในเกมนี้ก็มีจุดที่ถูกตั้งคำถามในอีกเหตุการณ์ต่อมาเมื่อ แฮร์รี่ ซูททาร์ กองหลังตัวใหม่ของ เลสเตอร์ เสียหลักล้มใส่ บูคาโย่ ซาก้า จากด้านหลัง 

หากเช็ควีเออาร์อย่างละเอียดมีโอกาสเป็นการฟาวล์และจุดโทษ ทว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เลสเตอร์ จึงรอดตัวไป 

ผ่านครึ่งแรกที่ยังไร้สกอร์ เลสเตอร์ พอใจมากกว่า พวกเขาครองบอลน้อย โอกาสลุ้นยิงไม่มี แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้ อาร์เซน่อล ได้ยิงจะแจ้งจนถึงขั้น แดนนี่ วอร์ด ต้องออกแรงเซฟ

แต่ครึ่งหลังเริ่มไม่ได้ถึงนาที อาร์เซน่อล ก็ได้ประตูที่ต้องการ ทรอสซาร์ รับบอลยาวก่อนเลี้ยงรอจังหวะแล้วไหลให้ มาร์ติเนลลี่ เติมเข้าเขตโทษไปยิงด้วยขวาเสียบเสาไกล

นี่คือจังหวะการเล่นที่ มิเกล อาร์เตต้า ต้องการเพราะบทบาท false 9 ของ ทรอสซาร์ มีอิสระในการเข้าออกเขตโทษสลับกับ มาร์ติเนลลี่ เป็นการทำให้คู่แข่งที่ตามประกบต้องหลุดตำแหน่งด้วย 

อาร์เตต้า กล่าวชมปีกจากไบรท์ตันหลังเกมว่า "เขามีส่วนร่วมในหลายจังหวะและยิงประตูสุดยอดที่ถูกริบคืน รวมถึงมีส่วนกับประตูของ กาบี้ การผ่านบอลในการเล่นจังหวะนี้ เขาทำได้ดีในพื้นที่แคบและจำกัด"

ก่อนตบท้ายว่า "ความคิดสร้างสรรค์ในการเล่นของเขาช่วยดึงผู้เล่นให้เปิดพื้นที่ให้คนอื่นเติมขึ้นไป ผมก็แฮปปี้กับเขามากๆ"

แต่สิ่งที่ อาร์เซน่อล ยังทำได้ไม่ดีขึ้นจากครึ่งแรกคือการเล่นในหลายจังหวะที่ติดขัด  ไม่ต่อเนื่อง ขาดความไหลลื่น ทั้งที่น่าจะเล่นได้ง่ายขึ้นหลังได้ประตูนำ 


การนำเพียงประตูเดียวและเป็นเกมเยือนแบบนี้ไม่ปลอดภัยแต่อย่างใด โอกาสโดนตีเสมอเกิดขึ้นได้ทุกเวลา เพียงแต่ว่ามีสิ่งที่ลูกทีมของ อาร์เตต้า ทำได้ดีมากในเกมนี้คือ "เกมรับ" 

ตลอด 90 นาที อาร์เซน่อล ปิดเกมรุกของเลสเตอร์ได้อยู่หมัดและปล่อยโอกาสให้ได้ลุ้นยิงเพียงครั้งเดียวซึ่งเกิดขึ้นจากการยิงไกลไม่เข้ากรอบของ เคียร์แนน ดูว์สบิวรี่-ฮอลล์ ในนาที 72 

กาเบรียล มากัลเญส กับ วิลเลี่ยม ซาลีบา ประสานงานกันได้ดีในตำแหน่งเซนเตอร์ แม้จะมีจังหวะโต้เถียงกันบ้าง แต่ก็ช่วยกันปิดโอกาสในเกมรุกของคู่แข่งได้เกือบหมด และได้คลีนชีตในที่สุด

นอกจากคู่เซนเตอร์แล้ว แบ็กสองข้างก็ช่วยกันป้องกันเกมรุกด้านข้างของแข้งจิ้งจอกได้ดี ขณะที่ จอร์จินโญ่ กับ กรานิต ชาคา ก็วิ่งลงมาช่วยตลอด

จอร์จินโญ่ เป็นคนที่ต้องชมเป็นพิเศษเพราะการลงตัวจริงนัดที่สองในสีเสื้อ อาร์เซน่อล ยังคงทำผลงานได้ยอดเยี่ยมหลังเพิ่งมีส่วนพาทีมชนะในเกมกับวิลล่ากับลูกยิงไกลช่วงทดเจ็บที่ชนคานเด้งพื้นและเด้งศีรษะ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ย้อนเข้าประตู

กองกลางทีมชาติอิตาลีอ่านการจ่ายบอลของ เลสเตอร์ ได้ค่อนข้างแม่นยำ ทำให้ตัดบอลได้บ่อยครั้ง และสามารถเปลี่ยนเป็นเกมรุกได้ทันที การแทงบอลทะลุช่อง และจ่ายทะแยงออกซ้ายขวาสร้างความได้เปรียบให้ทีมได้ตลอด 

แม้จะยังเร็วไปที่จะสรุปผลงานเพราะเพิ่งย้ายมาและลงเล่นไม่กี่นัด แต่ว่ากันจนถึงตอนนี้ก็เป็นการเสริมทัพที่ดีมากสำหรับ อาร์เซน่อล โดยเฉพาะหากมองว่าไม่ใช่เป้าหมายแรกที่ อาร์เตต้า พยายามดึงร่วมทีม 

ในวันที่เกมรุกไม่ได้ดุดันเฉียบขาด และนำเพียงประตูเดียวแบบนี้ การมีเกมรับที่เล่นได้แน่นอน ช่วยกันทุกคน และไม่พลาดเลยคือสิ่งที่กุนซือทุกคนต้องการ

ไม่แปลกที่หลังจบเกม หลายคนอาจนึกถึง อาร์เซน่อล ในยุค จอร์จ เกรแฮม ที่มีจุดแข็งในเรื่องเกมรับ และมักชนะคู่แข่งในสกอร์ฉิวเฉียด 1-0 จนกลายเป็นที่มาของท่อนเชียร์ 'One-nil to the Arsenal' ซึ่งกระหื่มขึ้นอีกครั้งหลังจบเกม

ในภาพรวมเกมนี้ อาร์เซน่อล ไม่ได้มีฟอร์มที่หวือหวา ตื่นตาตื่นใจ ยิ่งเทียบกับวันชนะวิลล่าที่มีถึง 6 ประตู ยิ่งต่างกันชัดเจน แต่สิ่งสำคัญคือการเก็บชัยชนะได้ 


แต่มีสิ่งสำคัญที่ทำได้คือการรักษาคลีนชีตเป็นนัดแรกในรอบ 7 นัดหลัง และเป็นนัดที่ 8 จาก 13 นัดในฐานะทีมเยือน มากกว่าทุกทีมในลีก

ชัยชนะสองนัดติดที่ทำให้เก็บไป 6 คะแนนเต็ม น่าจะทำให้ อาร์เตต้า และลูกทีมมั่นใจมากขึ้นก่อนลุยเกมตกค้างกลับไปเล่นในเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เตรียมแก้มือ เอฟเวอร์ตัน ในวันพุธนี้ จากนั้นเฝ้ารังอีกนัดพบ บอร์นมัธ ในวันเสาร์ที่ 4 มีนาคม

เป็นอีกสองนัดที่ อาร์เซน่อล ลุ้นอีก 6 แต้มเต็มๆ และแฟนบอลก็คงไม่ว่าอะไรหากหได้เปล่งเสียง "วัน นิล ทู ดิ อาร์เซน่อล" หลังจบเกมอีกครั้ง


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด